ssru ความเชื่อ ตำนาน ผี สวนสุนันทา เรื่องลี้ลับ

เปิดตำนานหลอน ในรั้วสวนสุนันทา อ่านแล้วจะรู้สึกขนหัวลุก

Home / เรื่องเล่ามหาวิทยาลัย / เปิดตำนานหลอน ในรั้วสวนสุนันทา อ่านแล้วจะรู้สึกขนหัวลุก

เมื่อลองดูประวัติคร่าวๆ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาแล้ว เรื่องความเฮี้ยนต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะก่อนจะก่อตั้งเป็นมหาวิทยาลัยนั้น เดิมเคยเป็นวังเก่าของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ซึ่งเป็นพระอัครมเหสีพระองค์แรกของรัชกาลที่ 5 เด็กนักศึกษาที่นี่ส่วนมากจึงเรียกตัวเองว่า “ลูกพระนาง” และด้วยความเป็นสถานที่เก่าแก่ มีระยะเวลาเนิ่นนาน จึงไม่น่าแปลก ถ้าจะมีเรื่องราวชวนให้นึกคิดเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นอยู่เสมอ

เปิดตำนานหลอน ในรั้วสวนสุนันทา

ตึกเหลือง

ว่ากันว่าตึกที่เก่าที่สุดของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ก่อสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นักศึกษามักเรียกกันว่า “ตึกเหลือง” สมัยก่อนเป็นที่ประทับของเชื่อพระวงศ์ในวัง ปัจจุบันตึกนี้ได้เปิดให้ใช้บริการนวดแผนโบราณให้แก่คนนอกได้ด้วย (ปล.ชั้นบนสุดมีเรื่องราวลี้ลับเกี่ยวกับสวนสุนันทาสมัยก่อนมีรูปภาพ และโมเดลแผนที่ในสมัยที่ยังเป็นวังเก่าอยู่ด้วย)

ใต้ดินตึกศิลปกรรม

เรื่องที่ฟังทีไรต้องขนลุกทุกที ก็คือเรื่อง “ใต้ดินตึกศิลปกรรม” ว่ากันว่าที่ชั้น G ตึกศิลปกรรม หรือชั้นใต้ดินนั้น ในสมัยยังเป็นวังที่ตรงนี้ คือคุกเก่าไว้ขังนักโทษ และในตอนกลางคืน ยามที่นี้ก็จะได้ยินเสียงโซ่ลากตลอดเวลา เสียงนั้นน่าจะเป็นเสียงโซ่ตรวนที่ใช้ล่ามขานักโทษ รวมถึงมีนักศึกษาคนหนึ่งเคยทำงานอยู่ใต้ตึกในเวลากลางคืน โดยนักศึกษาคนนั้นเขียนงานไปดูดบุหรี่ไปด้วย จนเห็นพระนางสุนันทามาเตือนให้เลิกดูดบุหรี่ หรือบางคนก็เล่าว่า มีนักศึกษาคนที่มีสัมผัสซิกเซ้นส์ มาเรียนได้ไม่ถึงเทอมก็ลาออก เขาเล่าให้ฟังว่า “อยู่ไม่ได้เลย เพราะสวนสุนันทามีผีในวังเยอะมาก” และทุกวันนี้ก็ไม่มียามมาเฝ้าชั้นใต้ดินตอนดึกๆ อีกเลย

ชั้น 4 ตึกศิลปกรรม

เรื่องราวชวนสยองของตึกศิลปกรรมยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะบริเวณชั้น 4 ตึกศิลปกรรม ซึ่งเป็นชั้นของศิลปะการแสดง ประกอบไปด้วยนาฎศิลป์ไทยกับการละครไทย และ “ครูฮอน” คือศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ เรียนเอกนาฎศิลป์ ด้วยความรักและผูกพัน ครูฮอนจึงกลับมาเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาอีกครั้ง และได้เสียชีวิตไปด้วยโรคปอดติดเชื้อ จึงมีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า เมื่อราวๆ 4 ทุ่ม มียามสองคนได้ขึ้นลิฟต์มาชั้น 4 เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย และไล่เด็กนักศึกษากลับบ้าน เมื่อมาถึงชั้น 4 ลิฟต์ก็เปิดออก ยามทั้งสองคนก็เห็นเงาคนลางๆ ยืนอยู่ที่สุดฝั่งทางเดินอีกฝั่ง จากนั้นจึงตะโกนไปว่า “ทำไมยังไม่กลับบ้าน ตึกปิดแล้วครับ” คนที่ยืนอีกฝั่งก็ไม่ตอบอะไร ยามทั้งสองคนจึงโมโหเลยเดินเข้าไปหา พอใกล้จะถึงก็ส่องไฟฉายเข้าใส่ พบเป็นผู้ชายยืนอยู่ปกติ ภาพที่เห็นดูจะไม่ผิดแปลกอะไร แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าชายคนนั้นไม่มีท่อนล่าง ตั้งแต่เอวลงไปไม่มีอะไรเลย และที่ยิ่งน่าสะพรึงเข้าไปอีกคือ ชายคนนั้นจู่ๆ ก็ฟ้อนรำ ทำเอาคนที่พบเห็นตกใจแทบจะหนีไม่ทัน ซึ่งวิญญาณชายฟ้อนรำที่เห็นน่าจะเป็นครูฮอนที่กลับมาเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัยของตนนั้นเอง

ห้องสมุดเก่าที่ทุบไปแล้ว

(ปัจจุบันสร้างเป็นตึกอธิการบดี) รู้หรือไม่ว่าสมัยก่อนช่วงที่จะปิดไป มีชมรม MMA-Mix Martial Arts เข้าไปใช้สถานที่ฝึกกันจนถึงกลางค่ำกลางคืน เผอิญนักศึกษาคนหนึ่งที่อยู่ในชมรมเป็นพวกเล่นของ ก็เล่าให้ฟังว่า ตอนกลับบ้านเห็นมีคนมาส่งเต็มไปหมดทั้งหน้าต่าง และประตู!! ทุกคนแต่งชุดไทยแล้วจ้องมองมาที่พวกเขา

บริเวณใต้ตึก 56

เดิมเคยเป็นโรงเลี้ยงเด็ก อาจารย์ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอยู่ทำงานดึกๆ เท่าไหร่นักถ้าไม่จำเป็น เพราะจะถูกพวก “เจ้าจุก” มาเล่นซนอยู่เสมอตอนช่วงกลางคืน ไม่เชื่อไปที่ห้องพักอาจารย์ สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจที่ปัจจุบันมียันแปะอยู่ด้วย และหากสังเกตดีๆ อาจารย์เอกนี้จะมีตุ๊กตาคนละตัวว่างไว้บนโต๊ะ (ให้ใครเล่น….คิดเอา)

ผู้หญิงสวมสะไบสีชมพู

เด็กสวนสุนันทาจะรู้ดีว่า สถาบันแห่งนี้ต้นไม้ค่อนข้างเยอะ บางมุมถึงขึ้นปกคลุมทางเดินเลยก็มี เคยมีเรื่องเล่ามาว่า มีเด็กมหาวิทยาลัยรั้วติดกันอย่าง “มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต” เดินเข้ามาในสวนสุนันทาตอนประมาณ 2 ทุ่ม เพื่อลัดไปออกประตูเทเวศน์ ระหว่างได้เห็นขาคนห้อยลงมาต้นไม้ด้านบน พอมองขึ้นไปก็เห็นเป็น “ผู้หญิงสวมสะไบสีชมพู” นั่งจ้องลงมาจากบนต้นไม้!!

สวนหย่อมที่อยู่หัวมุมตรงข้ามกับท่าวาสุกรี

และเรื่องสุกท้ายที่เขาว่ากันว่า สวนหย่อมที่อยู่หัวมุมตรงข้ามกับท่าวาสุกรี เคยมีหญิงถูกข่มขืนเมื่อหลายสิบปีก่อน ปัจจุบันได้สร้างศาลพระภูมิ และผูกผ้าสามสีกับต้นไม้ใหญ่ ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็นศาลนี้อย่างชัดเจน และอีกเรื่องหนึ่งที่รุ่นพี่ๆ ของสถาบันแห่งนี้เล่ากันปากต่อปากจากรุ่นสู่รุ่นนั้นก็คือ หากใครอยากสัมผัสเรื่องลี้ลับในสถาบันของสวนสุนันทา ให้ก้มลงมองใต้หว่างขา แล้วคุณจะเห็นเอง (มีใครเคยลองไหมเอ่ยย)

ข้อมูลจาก : http://www.manager.co.th/ และ http://unigang.com

บทความแนะนำ