เชื่อว่าหลายๆ คน ต้องคิดแบบนี้กันอย่างแน่นอนว่า มหาวิทยาลัยใดที่มีที่ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณเขตวังเก่า หรือเคยเป็นวังมาก่อน ก็จะมีเรื่องราวกล่าวขานมานาน และยิ่งทวีความหลอนเข้าไปอีก เพราะแสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่ และความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนั้น รวมถึง มหาวิทยาลัยศิลปากร เขตพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่เดิมของอาณาบริเวณเขตพระราชฐานพระราชวังสนามจันทร์ เป็นพระราชวังฤดูร้อนในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และยังเป็นอีกสถานที่ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าผีดุเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทยอีกด้วย
ตำนานหลอน ม.ศิลปากร
เรื่องที่ 1 ลานทรงพล บริเวณคณะอักษรศาสตร์
ถึงแม้ทุกวันนี้จะเป็นสถานที่ที่ดูร่มรื่นสวยงาม และเงียบสงบ แต่หากได้ฟังถึงประวัติความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้แล้วคงต้องผวากันแน่ๆ เพราะว่าที่ตรงนี้เคยเป็นลานประหารนักโทษเก่ามาก่อน คือ ในสมัยก่อนจะใช้ดาบในการฟันคอนักโทษ ก็จะนำนักโทษที่ถึงเวลาประหารมาที่ลานแห่งนี้ จากนั้นก็จะจัดการนักโทษด้วยการฟันที่คอ จนแน่นิ่งหมดลมหายใจ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลานทรงพลเป็นลานที่มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมา บ้างก็ว่ามีเด็กนักศึกษาเดินผ่านตอนกลางคืนแล้วเห็นเป็นเงาคนตัวสูงใหญ่กำลังฟันคอ คนที่นั่งอยู่กับพื้นจนขาดกระเด็น บางคนก็เห็นผู้หญิงนุ่งห่มสไบมายืนบริเวณลานทรงพล หรือบ้างก็บอกว่าห้ามสวดชินบัญชร ณ ที่ตรงนี้เด็ดขาด! (เป็นความเชื่อส่วนบุคลนะจ้า)
เรื่องที่ 2 สระแก้ว
สถานที่ตรงนี้ถือเป็นจุดที่มีความสวยงาม และชวนหลอนไปพร้อมๆ กัน เพราะในสมัยก่อนสระน้ำตรงนี้จะเป็นจุดที่นำนักโทษมาทรมาน โดยการถ่วงน้ำ เพื่อให้สารภาพผิด หรือเป็นการฆ่านักโทษด้วยการถ่วงลูกตุ้มให้ขาดอากาศหายใจตายนั่นเอง แต่ที่น่าแปลกใจคือ สถานที่แห่งนี้เคยเกิดเหตุการณ์น่าสลดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่มีนักศึกษากระโดดลงไปแล้วจมหายไปในวันเกิดตัวเอง บ้างก็มีคนทะเลาะวิวาทจนเกิดการต่อสู้แทงกันตายในที่สุด และยังมีเรื่องเล่าน่าขนหัวลุกคือ มีนักศึกษาเห็นขบวนแห่ของมหาวิทยาลัย ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าเป็นขบวนแห่ประจำปีทั่วไป แต่ก็ต้องตื่นตกใจเพราะขบวนดังกล่าวดันเดินลงน้ำไปดื้อๆ ถือเป็นอีกเรื่องเล่าที่ฟังแล้วใจเต้นไม่เป็นจังหวะกันเลยทีเดียว
เรื่องที่ 3 สไบเขียว-สไบแดง
มีเรื่องเล่าอยู่ว่า เมื่อปรมาณ 8-9 ปีที่แล้ว ในสมัยนั้นนักศึกษาส่วนใหญ่มักจะขี่จักรยานในมอกัน หากปั่นเส้นเลียบคลองตอนเที่ยงคืน (ตอนนี้เป็นตึกหมดแล้ว) ปั่นไปเค้าว่า จะเจอผู้หญิงใส่ชุดไทยโบกมือให้จากริมคลอง ถ้าเจอสไบขียวก็โชคดีไป แต่ถ้าเจอสไบแดง ห้ามหันไปมองให้เค้ารู้ตัวเด็ดขาด ไม่งั้นเค้าจะตามกลับไปบ้าน
เรื่องที่ 4 สะพานข้ามดาว
นักศึกษาที่นี้จะรู้กันดีว่า เวลาเที่ยงคืนห้ามปั่นจักรยานผ่านสะพานข้ามดาว (สะพานจะอยู่แถวๆ ลานทรงพล) หากไปปั่นว่ากันว่าจะไม่ได้กลับมายังที่เดิม (น่าจะหมายถึงทะลุมิติอะไรแบบนั้น ถ้าไม่กลัว ก็ลองไปพิสูจน์กันเองเลยจ้า)
เรื่องที่ 5 เพลงกลิ่นจันทร์
เพลงนี้เป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัย หากใครร้องยามค่ำคืนต้องร้องให้จบ ไม่งั้นจะเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทย (เรื่องนี้คล้ายๆ กับตำนานเพลง “เจ้านกน้อย” ของมหิดลอยู่เหมือนกัน แต่ของมหิดลนี่ถ้าร้องไม่จบจะมีผีมาช่วยร้องต่อให้จบ)
เรื่องที่ 6 ตึกศิลป์ 3 คณะมัณฑนศิลป์
อีกหนึ่งเรื่องเล่าจากรุ่นพี่ เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวพี่โดนัทเองเลย พี่โดนัทเรียนอยู่คณะมัณฑนศิลป์ ช่วงรับน้องก็อยู่มหาวิทยาลัยกันดึกดื่นเตรียมทำพร็อพ ระหว่างนั้นเองก็มีเพื่อนอีกคนนึง ควักเอากล้องวิดีโอขึ้นมาถ่าย ปรากฏว่าระหว่างถ่าย เค้าเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาววาบผ่านหน้ากล้องไป เพื่อนคนนี้ก็ตกใจรีบเรียกเพื่อนๆ มาดู ก็กรอเทปย้อนกลับไป (สมัยนั้นเป็นเทปมินิ DV) แล้วพอเปิดเล่นใหม่อีกครั้ง ก็ยังพบว่าถ่ายติดผู้หญิงชุดขาวคนนั้นอยู่ในกล้องด้วย ทุกคนต่างก็ตกใจ จึงรีบลบออกทันที แต่เรื่องยังไม่จบง่ายๆ คืนต่อมาพวกพี่โดนัทก็ยังคงทำพร็อพกันต่อ เพื่อนอีกคนที่เพิ่งมาใหม่ (พี่โดนัทเล่าว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนมีเซ้นส์) เพื่อนคนที่มีเซ้นส์นี้เองที่ได้บอกพี่โดนัทว่า ให้บอกเพื่อนให้เบาๆ หน่อย มีคนมาดูอยู่นะ เป็นผู้หญิงชุดขาว (ทั้งๆ ที่พี่คนนี้ไม่ได้รู้เรื่องผู้หญิงชุดขาวในกล้องมาก่อนเลย)
เรื่องนี้ยังมีภาค 2 ต่อมาอีกนะ คือพี่โดนัทเนี่ยมีเพื่อนคนนึงชื่อพี่เอ (ทุกวันนี้เป็นอาจารย์สอนที่ศิลปากรด้วย) พี่เอเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องผีเลย พอพี่เอรู้เรื่องที่เพื่อนๆ ถ่ายติดผี แกก็ไม่เชื่อ ก็มานั่งทำงานพร็อพด้วยกันในอีกคืนหนึ่ง ระหว่างนั่งกันอยู่พี่เอก็ดีดฝาน้ำเล่นๆ แต่ฝาที่ว่า กลับลอยไซด์โค้งไปปิดสวิตซ์ไฟดับ ซึ่งไอ้สวิตช์ไฟที่ว่าเนี่ยอยู่ไกลมาก แค่ดีดให้ฝาน้ำไปปิดสวิตช์ไฟดับได้ก็ยากแล้ว นี่ลอยไซด์โค้งข้ามกลุ่มเพื่อนไปดับได้อีก เท่านั้นแหละ ทุกคนพากันวิ่งป่าราบอยู่ไม่ไหวแล้วหลังโดนกันมาหลายคืน และเช้าวันต่อมาทุกคนก็เอาดอกไม้ เอาลำไยมาขอขมา โดยวางไว้บนตู้ดับเพลิง ตกเย็นมาดูปรากฏว่า ลำไยถูกแกะซะงั้น พี่โดนัทก็บอกว่าไม่น่าจะใช่ฝีมือสัตว์ เพราะตู้ดับเพลิงมันอยู่สูง ก็เป็นอีกเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้ ^^
เรื่องที่ 7 เรือนนางสนม
ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังคณะวิทยาศาสตร์ เรือนไม้เก่าหลังนี้มีอายุเก่าแก่มาก น่าจะมีมาตั้งแต่ในช่วงสมัย รัชกาลที่ 5 แล้วนะ และมีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า กลางดึกหากนักศึกษาคนไหนปั่นจักรยานผ่านเรือนไม้ดังกล่าวก็จะเห็นคนรำอยู่ในเรือนผ่านช่องหน้าต่างไม้ บ้างก็เห็นผู้หญิงแต่งชุดไทยมีเล็บยาวปรากฏตัวให้เห็น จนทำให้เรือนนางสนมต้องปิดหน้าต่างทุกบานให้หมดในที่สุด เพราะมักจะมีนักศึกษาเห็นผู้หญิงรำฟ้อนอยู่ในบ้านเรือนไทยหลังนั้นนั่นเอง
เรื่องที่ 8 ณ หอเพชรรัตน์
มีเรื่องหนึ่งที่ถูกเล่าขานกันมาว่า ครั้งหนึ่งมีนักศึกษากำลังนอนหลับอยู่ในห้องพักคนเดียวได้ยินเสียงคนเดินมาช้าๆ จนเสียงนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ ห้องพักของนักศึกษาคนนั้น จึงมองลอดช่องตาข่ายมุ้งลวดออกไปดู ปรากฏว่าเห็น คนนุ่งโจงกระเบนสีแดงลากโซ่ตรวนเดินผ่านไป
เรื่องที่ 9 ชั้นสองตึกอักษรฯ
คณะอักษรศาสตร์ นับได้ว่าเป็นคณะแรกของวิทยาเขตสนามจันทร์เลยก็ว่าได้จ้า (ถ้าข้อมูลผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยนะ) มีคนเล่าต่อๆ กันมาว่าที่ชั้นสองของตึกคณะ มีหลายคนเคยพบเห็นคนโบราณนุ่งโจงกระเบนสีแดงสดอยู่ หลอนกันเลยทีเดียว
เรื่องที่ 10 ศาลหน้าตึกอักษรฯ
โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของรุ่นพี่ ม.ศิลปากร ชื่อ ‘พี่โดนัท’ โดยเล่าให้ฟังว่า เคยมีเพื่อนเค้าคนหนึ่ง จู่ๆ ก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาไหว้ศาลแล้วก็ขี่ออกไป สักพักคนที่ขี่ก็ได้ยินเสียงอะไรครูดคราดที่ด้านหลัง หันกลับไปเห็นคนครึ่งตัวคลานตามมา (ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง เพื่อนพี่โดนัทไม่น่าจะทำแค่ไหว้ น่าจะทำอะไรร้ายแรงกว่านั้น ไม่งั้นคงไม่โดนคลานตาม จริงมะ?) เรื่องของศาลตึกอักษรฯ ยังไม่หมดแค่นี้ น้องๆ ในคณะหลายคนบอกว่า ศาลที่คณะจัดได้ว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ขออะไรส่วนใหญ่จะสำเร็จทุกทีไป แต่มีกฎก็คือ “ขอได้ แต่ห้ามบน” น้องคนเดิมเล่าให้ฟังต่อว่า เคยมีรุ่นพี่มาบนเรื่องสอบ แล้วปรากฏว่าสอบได้จริงๆ แต่ดันไม่ไปแก้บน คืนหนึ่งรุ่นพี่คนนี้ก็ฝันว่า “ตัวไปอยู่ในโรงละครทรงพลพร้อมกลุ่มเพื่อนๆ ที่ไปบนด้วยกัน แล้วก็มีเพชฌฆาตร่างสูงใหญ่ เดินมาฟันหัวพวกเค้าทีละคน” (น่ากลัวมาก)
ปล. เรื่องที่เราได้นำมาให้ได้อ่านกันนั้น เป็นเรื่องเล่าที่ถูกเล่าต่อๆ กันมา โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)
ที่มา : http://www.horonumber.com และ http://www.manager.co.th
วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ – Silpakorn Universitywww.su.ac.th › sanamchandra