ดร.ศิริเดช คำสุพรหม คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (College of Innovative Business and Accountancy:CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) เปิดเผยว่า มธบ.ร่วมกับกรมสรรพากร จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “RD GO Campus : เพิ่มพูนศักยภาพและยกระดับความรู้ภาษีอากรก่อนเข้าสู่ระบบธุรกิจ ประจำปี 2562
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพของนักศึกษา และยกระดับความรู้ด้านภาษีอากรก่อนเข้าระบบธุรกิจ รวมถึงการผลักดันนักศึกษาให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงในสายอาชีพในอนาคต และสามารถนำไปใช้ในธุรกิจจริงได้
กรมสรรพากรจับมือ มธบ.
ติดอาวุธความคิด ผลิตเยาวชนรุ่นใหม่ ใส่ใจเรื่องภาษี รองรับธุรกิจออนไลน์
สำหรับภาพรวมของการอบรมตลอดระยะเวลา 3 วัน นักศึกษาจากหลักสูตรบัญชีบัณฑิต วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี(CIBA) ชั้นปีการศึกษาที่ 2 และ 3 เข้าร่วมอบรมจำนวน 132 คน ซึ่งทางกรมสรรพากรได้จัดสรรวิทยากรมาจากกรมสรรพกรโดยตรง มาให้ความรู้เกี่ยวกับการเสียภาษีโดยเฉพาะในธุรกิจออนไลน์ ซึ่งเป็นธุรกิจแนวใหม่ โดยเป็นปีแรกที่กรมสรรพากรนำเรื่องภาษีเกี่ยวกับสินค้าออนไลน์เข้ามาในหลักสูตรอบรม
ดร.ศิริเดช กล่าวอีกว่า ในการอบรมครั้งนี้นักศึกษาได้พัฒนาศักยภาพของตนเองเกี่ยวกับภาษีในวิชาชีพของนักบัญชี นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียน โดยเฉพาะการทำเวิร์คช็อป เช่น การเสียภาษีในธุรกิจแต่ละประเภทมีหลักเกณฑ์การพิจารณาอย่างไร
รวมถึงการจัดทำบัญชีที่เกี่ยวข้องกับภาษีบุคลลธรรมดา ภาษีนิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันเราปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมาก เช่น การขายสินค้าออนไลน์ นักศึกษาจึงจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดทำและการจัดเก็บภาษีสินค้าออนไลน์ รวมถึงการนำส่งภาษี ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ที่นักศึกษาสามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานในอนาคตได้ โดยมธบ.จะดำเนินโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าในอนาคตต้องมีการเก็บภาษีตัวใหม่เข้ามาแน่นอน เนื่องจากระบบภาษีอากรจะมีการปรับเปลี่ยนตามเทคโนโลยี ดังนั้น อนาคตอาจมีการปรับเปลี่ยนภาษีหลากหลายขึ้น เช่น อาจมีการเรียกเก็บภาษีจากสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ค หรือ อินสตาแกรม เป็นต้น
“การอบรมครั้งนี้ได้นำกรณีศึกษาจากธุรกิจจริงมาให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติ ซึ่งมีระดับความซับซ้อนในการทำบัญชีและการเสียภาษีทำให้เด็กได้คิดวิเคราะห์จากธุรกิจจริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนการติดอาวุธทางความคิด และความรู้ให้นักศึกษา แม้ทางมธบ.จะเน้นสอนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติเพื่อเพิ่มพูนความรู้ อยู่แล้ว แต่สิ่งที่นักศึกษาจะได้จากการอบรม คือ ทักษะ เพราะการได้ปฏิบัติจริงจะตอบโจทย์ตลาดแรงงานมากที่สุด” ดร.ศิริเดชกล่าว
ด้านนางหัสกาญจน์ ภิงคารวัฒน์ เลขานุการกรมสรรพากร กล่าวว่า ..
กรมฯได้จัดสรรงบประมาณมาสู่ภาคการศึกษา เน้นให้เยาวชนเรียนรู้เกี่ยวกับระบบบัญชีและภาษี เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้นักศึกษาก้าวสู่โลกแห่งธุรกิจหลังจบการศึกษา โดยการสร้างพื้นฐานด้านภาษีอากรเพื่อต่อยอดในธุรกิจต่างๆ สำหรับปี 2562 เราได้จัดโครงการอบรมทั้งหมด 15 สถาบัน แบ่งเป็นสถาบันอาชีวศึกษา 8 สถาบัน และสถาบันอุดมศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน 7 สถาบัน
โดยเน้นให้ความรู้ประเภทของภาษีตามมาตรฐานในสถาบันอาชีวะศึกษาและเพิ่มประเภทของภาษีที่หลากหลายขึ้นในระดับอุดมศึกษา เพื่อจูงใจให้นักศึกษามองเรื่องภาษีไม่ใช่เรื่องยาก การอบรมครั้งนี้เราทดลองให้นักศึกษาทำบัญชีแบบง่าย สามารถทำด้วยตนเองได้ โดยแบ่งกลุ่มให้นักศึกษาออกแบบการทำธุรกิจจริง ทดลองนำส่งภาษีจริง เพื่อให้นักศึกษาได้วิเคราะห์ว่าธุรกิจแต่ละประเภทจะต้องชำระภาษีประเภทใดบ้าง
นางหัสกาษจน์ กล่าวอีกว่า ได้เพิ่มความรู้เกี่ยวกับภาษีสินค้าออนไลน์เข้ามาในหลักสูตรอบรมเป็นปีแรก ภาษีสินค้าออนไลน์จะอยู่ในประเภทของภาษีทั่วไปหรือคล้ายคลึงกับการเสียภาษีของผู้ที่ขายสินค้าในตลาด ซึ่งกรมฯจะพยายามจะปรับคอร์สอบรมให้เข้ากับธุรกิจปัจจุบันเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับศึกษาเท่าทันการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้นักศึกษาและบุคคลทั่วไป สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองได้ โดยสามารถเข้าไปดูในหน้าเว็บไซด์ของกรมสรรพากรได้ (http://www.rd.go.th)
สำหรับ การอบรมครั้งนี้จะเสริมสร้างความรู้และเพิ่มพูนศักยภาพด้านภาษีอากรให้กับนักศึกษาที่จะเป็นอนาคตของชาติ ให้ก้าวสู่ระบบทำงานและเป็นตัวอย่างที่ดีในสังคม ซึ่งหน้าที่ของพลเมืองที่ดี ต้องเสียภาษีอย่างถูกต้อง พร้อมช่วยกระจายความคิดของการเป็นพลเมืองที่ดีในการเสียภาษีให้ไปสู่สาธารณะอย่างกว้างขวาง
นางสาวบุษกร บุญถนอม หรือน้องฝน อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาการบัญชี กล่าวว่า โครงการอบรมด้านภาษีอากรในครั้งนี้ เป็นโครงการที่ดีมาก เพราะทำให้นักศึกษาได้ความรู้ที่นอกเหนือจากชั้นเรียน เนื่องจากมีการทำเวิร์คช็อปให้เห็นภาพจริงว่าแต่ละประเภทธุรกิจเสียภาษีอย่างไร เช่นกลุ่มตน ได้จำลองการทำธุรกิจปั๊มน้ำมัน ซึ่งนอกจากจะเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้ว ยังต้องเสียภาษีให้กับเทศบาล เป็นต้น
ทั้งนี้ การเรียนในชั้นเรียนจะเป็นการสอนทฤษฎีแบบภาษีรายเดี่ยว แต่การทำเวิร์คช็อปจะทำให้เราทราบว่า การทำธุรกิจแต่ละประเภทจะมีภาษีอะไรที่มาเกี่ยวข้องบ้าง ดังนั้นการอบรมในครั้งนี้นอกจากจะได้ความรู้ใหม่ยังได้ทักษะและได้ลงมือปฏิบัติจริง จึงอยากให้มีการจัดโครงการดีๆ แบบนี้ทุกปี นักศึกษาจะได้ฝึกทักษะปฏิบัติจากของจริง เมื่อจบการศึกษาออกไปสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.ศิริเดช คำสุพรหม คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี