“The World Top 20 Education Poll” เผยผลสำรวจระบบการศึกษาจากทั่วโลกกว่า 200 ประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพทางด้านการศึกษาของนักเรียนอายุตั้งแต่ 3-25 ปี ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ประกอบไปด้วยปัจจัยที่สำคัญในด้านการศึกษา 5 ข้อด้วยกัน ได้แก่
1. อัตราการลงทะเบียนของเด็กช่วงปฐมวัย
2. โรงเรียนประถมศึกษา คะแนนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน
3. โรงเรียนมัธยมศึกษา คะแนนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน
4. อัตราการสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา
5. อัตราการสำเร็จการศึกษาในระดับวิทยาลัย
15 ประเทศ ที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก
การสำรวจในครั้งนี้เป็นการรวบรวมสถิติจาก 6 องค์กรระหว่างประเทศ คือ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD), โครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ (PISA), องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO), หน่วยข่าวกรองเศรษฐศาสตร์ (EIU), โครงการศึกษาแนวโน้มการจัดการศึกษาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (TIMSS) และความคืบหน้าในระหว่างการอ่านและการเรียนรู้ (PIRLS) ส่งไปยังกระทรวงศึกษาธิการของแต่ละประเทศเพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูล และนี่ก็คือ 15 ประเทศจากทั่วโลกที่มีระบบการศึกษาดีที่สุด จะมีประเทศอะไรบ้าง?
อันดับที่ 15 : สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) PTS: 16
เนื่องจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไม่มีทรัพยากรทางธรรมชาติ การศึกษาและแหล่งการเรียนรู้จึงกลายมาเป็นทรัพยากรสำคัญ จนได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว นักเรียนส่วนใหญ่จะเข้าเรียนที่โรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชนทั่วไปจะค่อนข้างแพง มีมหาวิทยาลัยรวมทั้งหมด 11 แห่ง กล่าวกันว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นต้นกำเนิดของวิชาการโรงแรม จึงทำให้สาขานี้มีนักเรียนไทยให้ความสนใจและไปเรียนมากที่สุดนั่นเอง
อันดับที่ 14 : โปแลนด์ (Poland) PTS: 18
ประเทศโปแลนด์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง และสาขาวิชาที่ขึ้นชื่อคือ “สาขาแพทย์” และเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ในเครือข่าย European Union เพื่อแลกเปลี่ยนด้านอื่นๆ รวมทั้งการศึกษา ในปัจจุบัน โรมาเนีย, เบลเยี่ยม, ฟินแลนด์, กรีซ, อิตาลี, สเปน, โปตุเกส และโปแลนด์ จะรับนักศึกษาโดยพิจารณาจาก GPA ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และ Biology, Chemistry ,Physic เป็นตัววัดการได้เข้าศึกษาถึง 90 % และ อีก 10 % คือคุณสมบัติพิเศษเช่นภาษาอังกฤษ เป็นต้น หลักสูตรแพทย์ในโปแลนด์ยังได้รับการรับรองจากแพทย์สภาอีกด้วย
อันดับที่ 13 : นิวซีแลนด์ (New Zealand) PTS: 18
เนื่องจากประเทศนิวซีแลนด์เคยตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษมาก่อน จึงได้รับการถ่ายทอดวัฒนธรรมและระบบการศึกษาแบบอังกฤษมาใช้จนถึงปัจจุบัน ทำให้นิวซีแลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่มีการศึกษาที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก นอกจากนี้นิวซีแลนด์ยังมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเรียนหนังสือ นักเรียนต่างชาติก็เป็นที่ต้อนรับของชาวนิวซีแลนด์ มหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์มีทั้งหมด 8 แห่ง เป็นของรัฐบาลทั้งหมด และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติทั้งด้านวิชาการและวิชาชีพอีกด้วย
อันดับที่ 12 : รัสเซีย (Russia) PTS: 23
รัสเซียให้ความสำคัญกับการศึกษามาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต จึงทำให้ประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่มีการศึกษาที่มีคุณภาพสูงแห่งหนึ่ง ชาวรัสเซียส่วนมากจึงสามารถสำเร็จการศึกษาขั้นต่ำทุกคน นอกจากนั้นชาวรัสเซียยังเป็นนักอ่านหนังสือพิมพ์มากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก มีการศึกษาหาความรู้กันอย่างจริงจัง อีกทั้งมีวิชาการ ความรู้และเทคโนโลยีเป็นของตนเองมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายทางด้านการศึกษาก็นับว่าไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อีกด้วย
อันดับที่ 11 : ไอร์แลนด์ (Ireland) PTS: 28
อีกหนึ่งประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีเยี่ยมอันดับต้นๆ ของโลก โดยรัฐบาลไอร์แลนด์มุ่งมั่นจะสร้างประเทศให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ทันสมัย นอกจากนี้ประเทศไอร์แลนด์ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้นิยมมาเรียนภาษาอังกฤษมากที่สุด โดยในแต่ละปีมีจำนวนนักเรียนประมาณ 200,000 คน ที่มาจากหลากหลายประเทศทั่วโลก โดยมีหน่วยงานของรัฐบาลไอร์แลนด์รับรองคุณภาพทางการศึกษา
อันดับที่ 10 : เยอรมนี (Germany) PTS: 28
เยอรมันเป็นประเทศหนึ่งในกลุ่ม OECD ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมาก ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กๆ อยู่ในระดับสูงทั้งในระดับมัธยมศึกษา และในระดับอุดมศึกษา การเรียนในระดับอุดมศึกษาของเยอรมันนั้น สามารถเลือกเรียนในสถาบันต่างๆ 5 ประเภทด้วยกันคือ Universitaet เน้นการเรียนการสอนทางด้านทฤษฏี, Fachhochschule มหาวิทยาลัยเน้นทางปฏิบัติ, Gesamthochschule รวม Universitaet และ Fachhochschule ไว้ในสถาบันเดียวกัน, Paedagogische Hochschule วิทยาลัยครู และ Kunsthochschule วิทยาลัยศิลปะ
อันดับที่ 9 : เดนมาร์ก (Denmark) PTS: 29
ประเทศเดนมาร์กมีระบบการศึกษาที่ได้รับการพัฒนาและมีความน่าสนใจ อาทิเช่น ระบบการศึกษาภาคบังคับที่ยืดหยุ่น การศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายที่หลากหลาย การศึกษาต่อเนื่องที่หลายหน่วยงานมีส่วนร่วม การเน้นการวิจัยในระดับอุดมศึกษา นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและนักเรียนมีส่วนร่วมออกความคิดเห็น นักเรียนสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องโรงเรียนและการศึกษาได้อีกด้วย
อันดับที่ 8 : แคนาดา (Canada) PTS: 41
แคนาดาเป็นประเทศที่มีคุณภาพการศึกษาสูง ระบบการเรียนของแคนาดา จะอยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละจังหวัดและมณฑล โดยจะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ยกเว้นในควิเบก (Quebec) ซึ่งจะมีระบบการศึกษาที่แตกต่างออกไป ประกอบด้วยระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา วิทยาลัยทั่วไปและวิทยาลัยอาชีพ (CEGEP) นอกจากนี้ประเทศแคนาดายังเป็นประเทศที่มีมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีติดอันดับโลกอีกด้วย
อันดับที่ 7 : เนเธอแลนด์ (Netherlands) PTS: 42
ประเทศเนเธอแลนด์ดินแดนกังหันลม จุดหมายปลายทางที่นักศึกษาจากทั่วโลกที่นิยมมาเรียนต่อตั้งแต่ระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอกไม่แพ้ประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรป ระบบการศึกษาของประเทศเนเธอร์แลนด์แตกต่างจากที่อื่น เพราะที่นี่จะให้อิสระโรงเรียนในการจัดการศึกษาอย่างเต็มที่ รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องการบริหารจัดการอีกด้วย
อันดับที่ 6 : ฮ่องกง (Hong Kong) PTS: 43
ฮ่องกงใช้เวลาทำการปฏิรูปการศึกษาอยู่ 12 ปี โดยเริ่มเมื่อ ปี ค.ศ. 2000 การปฏิรูปการศึกษาประสบผลสำเร็จอย่างน่าชื่นชม ฮ่องกงกล้าที่จะยกเลิกระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมของอังกฤษแทบทั้งหมด สร้างความเป็นนานาชาติที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กับวิถีชีวิตเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าได้อย่างเหมาะสมได้ทุกระบบ ยกเลิกการสอบแบบ o-Level และ A-Level มาเป็นการสอบระดับชาติเพียง 1 ครั้ง ขยายการศึกษาภาคบังคับจาก 9 ปี เป็น 12 ปี ขยายเวลาเรียนจบในระดับปริญญาตรีจาก 3 ปี เป็น 4 ปี เป็นต้น
อันดับที่ 5 : สหราชอาณาจักร (United Kingdom) PTS: 48
การศึกษาภาคบังคับของสหราชอาณาจักร เริ่มตั้งแต่อายุ 5 ปี ไปจนถึง 16 ปี โรงเรียนมีทั้งประเภท โรงเรียนรัฐบาล และโรงเรียนเอกชน การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยปัจจุบันมหาวิทยาลัยของสหราชอาณาจักรมีประมาณ 96 แห่ง เป็นของรัฐบาลเกือบทั้งหมด ยกเว้น University of Buckingham ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนเพียงแห่งเดียวการศึกษาระดับอุดมศึกษา
อันดับที่ 4 : ฟินแลนด์ (Finland) PTS: 48
โรงเรียนในประเทศฟินแลนด์ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน ไม่มีการสอบเข้าสถานศึกษา ไม่มีค่าธรรมเนียมทางการศึกษา ไม่มีการจัดอันดับสถานศึกษา ไม่มีหน่วยงานคอยควบคุมวัดระดับเพื่อประเมินผล การศึกษาภาคบังคับเริ่มต้นเมื่อเด็กอายุ 7 ปี ไม่เน้นการเรียนอนุบาลแต่จะเน้นให้อยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด ระดับประถมจะใช้เวลาเรียนน้อยและให้เด็กได้ทำในสิ่งที่สนใจมากกว่า ที่สำคัญจะไม่เน้นเรื่องการแข่งขันจึงไม่มีเกรดเฉลี่ย
อันดับที่ 3 : สิงคโปร์ (Singapore)
รัฐบาลสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับการศึกษามาก โดยถือว่าประชาชนเป็นทรัพยากรที่สำคัญ และมีค่าที่สุดของประเทศ จึงสนับสนุนด้านการศึกษาจนเสมือนกับเป็นการศึกษาแบบให้เปล่า โรงเรียนในระดับประถม และมัธยมล้วนเป็นโรงเรียนของรัฐบาลหรือกึ่งรัฐบาล สถานศึกษาของเอกชนในสิงคโปร์ มีเฉพาะในระดับอนุบาล และโรงเรียนนานาชาติเท่านั้น การเรียนการสอนในประเทศสิงค์โปร์นี้จะเน้นความง่าย เรียนจากความเป็นจริง และสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่ 4 ด้านคือ เทคโนโลยี คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษา
อันดับที่ 2 : ญี่ปุ่น (Japan) PTS: 55
ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีมาตรฐานทางด้านการศึกษาในระดับสูง โดยระบบการศึกษาของประเทศได้รับต้นแบบมาจากระบบการศึกษาของหลายๆ ประเทศ อาทิเช่น ประเทศอังกฤษ, ฝรั่งเศส และอเมริกา นอกจากเทคโนโลยีที่มาใช้ในการศึกษาได้อย่างทั่วถึงแล้ว ความสำเร็จทางการศึกษาของญี่ปุ่นอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล ในการสอบวัดความรู้ด้านคณิตศาสตร์นานาชาติ เด็กญี่ปุ่นถูกจัดให้อยู่ในอันดับต้นๆ มาโดยตลอด
อันดับที่ 1 : เกาหลีใต้ (South Korea) PTS: 59
ระบบการศึกษาของเกาหลียุคใหม่ มาแรงแซงทุกประเทศ “New Education System” มุ่งพัฒนาเครือข่ายสารสนเทศเพื่อการเป็นสังคมแห่งความรู้ สร้างสภาวะแวดล้อมที่กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อให้คนเกาหลีมีความรู้ ความสามารถ มีความทันสมัย และที่สำคัญคือมีจริยธรรม แต่ยังคงความเป็นเลิศด้านการศึกษาและดำรงมาตรฐานของระบบการศึกษาของเกาหลี ดังจะเห็นได้จากนักเรียน-นักศึกษาของประเทศเกาหลีจะเรียนหนักมาก ผู้ปกครองก็ให้การสนับสนุนด้านการศึกษาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการเรียนการสอนอีกด้วย
** PTS คือ การคำนวณ จาก 3 ระบบ การจัดอันดับการศึกษาระหว่างประเทศจากปีที่ผ่านมา
ข้อมูลจาก : http://www.manager.co.th/ และ http://worldtop20.org
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –