เต๋อ-รัฐนันท์ กับมุมมองของการเป็นบัณฑิตจบใหม่

หนึ่งในอาชีพยอดนิยมของบัณฑิตจบใหม่ กับความเป็นพิธีกรบุคลิกมาดมั่นดูดี ในรายการ ENTERTAINMENT NOW ช่อง MONO29 เต๋อ-รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์ ด้วยประสบการณ์การทำงานสายสื่อสารมวลชนมากว่า 7 ปี มุมมองคมๆ กึ่งติสท์ของเขาน่าจะเป็นข้อคิดเจ๋งๆ สำหรับคนทำงานรุ่นใหม่ให้นำแนวคิดไปคลิกต่อเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป

เต๋อ-รัฐนันท์ กับมุมมองของการเป็นบัณฑิตจบใหม่

เต๋อ-รัฐนันท์ กับมุมมองของการเป็นบัณฑิตจบใหม่

INSPIRATION
พิธีกรหนุ่มตี๋เริ่มต้นการเรียนที่มหาวิทยาลัยเอแบค ในสาย Communication Art, Advertising จากช่วงมัธยมปลายที่ได้เรียนแลกเปลี่ยนยังต่างประเทศ จนกระทั่งหนุ่มเต๋อได้ก้าวเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยอินเตอร์ของไทย ได้ออกค้นหาในสิ่งที่ตัวเองชอบ แม้ว่าเต๋อจะค้นพบการเรียนเอกฟิล์มซึ่งถือเป็นความชอบของตัวเองอย่างที่สุด แต่เขาก็ค้นพบว่าการได้เรียนรู้ในสายใหม่ๆ ก็เป็นอะไรที่ท้าทายไม่แพ้กัน ความชอบที่ต้องเจอกับขีดจำกัดบางอย่าง ในโลกแห่งความเป็นจริงที่บางครั้งสิ่งที่เราชอบ เราอาจจะทำได้ไม่ดีจริงๆ นี่คือทางเลือกในมหาวิทยาลัยที่หลายๆ คนอาจต้องพบเจอ

IMPORTANT IN A CAREER
“ผมเริ่มทำงานตอนใกล้จะเรียนจบแล้ว ก็ทำทุกอย่างที่ได้เงินนะ เพราะอยากได้เงินโดยไม่ต้องขอคนอื่นใช้ มันเจ๋งนะ ตอนนั้นเลยเริ่มทำตั้งแต่ MC งานอีเว้นท์ต่างๆ จนกระทั่งได้มาเริ่มจริงจังกับงานพิธีกรตอนจบใหม่ๆ เพราะได้ไปประกวดพิธีกรรายการหนึ่ง แล้วก็ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานเป็นพิธีกรในรายการ ENTERTAINMENT NOW ช่วงแรกของการทำงานปัญหาที่เจอคือเราอยู่ในโลกส่วนตัวมากเกินไป แล้วนิสัยเราจะค่อนข้างหักก็คือหัก แต่พอได้ทำงานไปสักพัก เราก็เริ่มเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองมากขึ้น งานในวงการบันเทิงมันค่อนข้างเซ็นซิทีฟกว่างานในออฟฟิศ ยิ่งถ้ามีชื่อเสียง ความอ่อนไหวระดับแรงหลายริกเตอร์ทีเดียว เพราะฉะนั้น การเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้อยู่ได้เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ถ้าถามแนวคิดในการทำงานของผมตั้งแต่ผมจบมาใหม่ๆ เลยมีสามข้อ คือ หนึ่ง เรียนรู้พื้นฐานของสิ่งที่เราทำ สอง คือ การทำซ้ำ และสาม นั่นคือพอทำซ้ำแล้วก็ต้องพัฒนาต่อไป ผมว่าเป็นเรื่องง่ายมาก ทุกคนสามารถเอาไปลองใช้ได้เลย สำหรับผมตอนนี้งานอะไรที่เกี่ยวข้องความเป็นศิลปะ ผมชื่นชอบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการพูด ศิลปะการทำอาหาร ศิลปะการแสดง อย่างการเป็นนักแสดงใน Diary Tootsies The Series ก็ยากมากในการที่เราจะเลียนแบบทักษะธรรมชาติของมนุษย์ให้เป็นธรรมชาติ ผมรู้แล้วว่าความฝันของผมคืออะไร ผมชอบงานพิธีกร ผมชอบดูหนัง ชอบการแสดง ทุกอย่างที่เราได้ทำมันเก็บเกี่ยวได้หมด และในอนาคตต่อไปถ้ามีโอกาส ก็อยากจะลองทำธุรกิจของตัวเอง เป็นรางวัลแด่คนช่างฝันที่คิดเยอะ แต่ตอนนี้คงยังไม่ได้ทำนะ 55”

THINKING TO GRADUATE
“ตอนที่จบใหม่ๆ ผมรู้สึกแค่เราได้รับความรู้บางอย่างที่คนอื่นอาจจะไม่มี แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นอะ คือชีวิตเราต้องเดินต่อไป มันตลกนะที่จะบอกว่าวันนี้ฉันถือดีกรีออกมา ชั้นจบปริญญาตรีแล้ว ชั้นพร้อมที่จะไปสู้โลก มันไม่ใช่ มันเป็นการตอกย้ำความเชื่อที่ว่ากระดาษมันเป็นสิ่งของที่ทำให้เราหลงในอัตตา ของตัวเอง ทุกอย่างหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับความพยายาม ความฉลาด ความรอบรู้ของคนมากกว่า เพราะชีวิตจริงเราไม่มานั่งพกใบปริญญาให้ใครดูหรอกว่าเราจบ  ด็อกเตอร์มา แต่เราจะรู้ปัญญาของคนๆ นั้นจากการที่เราได้คลุกคลีกับเขา ผมรู้สึกนะว่าเด็กยุคนี้โตมากับความรวดเร็ว ยังมีอะไรให้เราได้เจออีกเยอะ อยากให้น้องๆ ลองสังเกตแล้วปรับเปลี่ยนมันให้ได้ อย่างงานพิธีกร สิ่งที่พิธีกรทุกคนควรจะมีก็คือใจที่อยากเรียนรู้ เดือนๆ หนึ่งผมซื้อนิตยสารเยอะมาก คือต้องอ่านเพื่อหาความรู้ให้เยอะๆ แต่ว่าโดยรวมทักษะทุกอย่างมันก็ฝึกฝนกันได้ แต่สิ่งหนึ่งที่น่าจะสอนกันยากก็คือเราต้องให้ความเคารพในสิ่งที่เราทำ ถ้ามันเป็นหน้าที่ของเรา ก็ต้องทำให้ดีที่สุด มันเป็นไปไม่ได้ที่ภารโรงคนหนึ่งจะบอกตัวเองว่าเป็นภารโรงเพียงเพราะตัวเอง มีไม้กวาด มีชุดภารโรงให้ใส่ แต่ภารโรงควรจะต้องรู้ว่าฝุ่นแบบนี้ใช้ไม้กวาดแบบไหน คราบหมากฝรั่งควรจะทำความสะอาดยังไงให้พื้นมันกลับมาในสภาพผิวเดิมให้มากที่ สุด”

 

 

ติดตามบทสัมภาษณ์เพิ่มเติมในคอลัมน์ WORKER ที่นิตยสาร CAMPUS STAR NO.35

หรือ www.facebook.com/campusstar

ข่าวที่เกี่ยวข้อง