ไบรท์-เนสท์ AF9 คู่จิ้น ฟินทั้งในจอและในมอ

คู่จิ้นฟินเว่อร์จากบ้าน AF9 ‘ไบรท์-วิชเวช เอื้ออำพน และเนสท์-นิศาชล สิ่วไธสง’ คู่จิ้นคู่กัดที่นอกจากจะต้องพบปะทำงานด้วยกันบ่อยๆ แล้ว ชีวิตการเรียนของทั้งคู่ในรั้ววิทยาลัยนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ม.รังสิตก็ยังตัวติดแบบไปไหนไปกันอีกด้วย ..ไบรท์-เนสท์ AF9 คู่จิ้น ฟินทั้งในจอและในมอ

ไบรท์-เนสท์ AF9 คู่จิ้น ฟินทั้งในจอและในมอ

ฝากผลงานกันก่อน กับคอนเสิร์ต “AF เว่อร์ จิ้น ฟิน Concert”

เนสท์ : 18 มิถุนายนนี้เราจะมีคอนเสิร์ต “เอเอฟ เว่อร์ จิ้น ฟิน Concert” จริงๆ พวกเราก็มีคอนเสิร์ตคู่กันมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ครั้งนี้ก็เป็นคอนเสิร์ตที่ได้ทำร่วมกับเอเอฟรุ่นอื่นๆ ความพิเศษของคู่เราก็คงจะเป็นสไตล์คู่จิ้นที่แตกต่างจากคู่อื่น

ไบรท์ : ในคอนเสิร์ตก็จะมีอยู่ 4 คู่ แน่นอนมีไบรท์-เนสท์, เต๋า-คชา, เอม-น้ำ, เบนซ์-มาริวครับ ตอนเราคิดว่าจะเล่นอะไรมันก็ยากเหมือนกันนะ เราเล่นด้วยกันมาแล้ว 3 ครั้ง ก็เลยคิดหลายอย่างเหมือนกัน คอนเซปที่ออกมาก็น่าจะเป็นอะไรที่คนชอบนะ ออกแนวคู่กัด

อัพเดทผลงานอื่นๆ

ไบรท์ : กำลังจะมีซีรี่ย์ครับ “Make it right the series” (รักออกเดิน)

เนสท์ : ก็มีถ่ายละครอยู่ค่ะ เรื่อง “ไฟเปลี่ยนสี” ช่อง3HD และก็เป็นพิธีกรทางช่อง ทรูมิวสิค และช่องทรูโฟร์ยู ค่ะ

มาดูเรื่องเรื่องของทั้งคู่กันบ้าง

กว่าจะเป็นนิเทศฯ ม.รังสิต

ไบรท์ : เลือกเข้าม.รังสิต ตั้งแต่แรกเลยครับ แต่เป็นวิทยาลัยดนตรี ขับร้อง แจ๊ส จองห้องที่หอพักไว้เรียบร้อย แต่ติด AF ก่อน พอออกมาจากบ้านปุ๊บก็ไปเรียนต่อด้านนั้นไม่ได้ เพราะว่าคณะนั้นต้องใช้เวลาไปรวมวงกับเพื่อน ฝึกซ้อม ทำให้รู้สึกว่าเรียนไม่รอดแน่ถ้าต้องทำงานไปด้วย ก็เลยย้ายคณะโดยการปรึกษาพี่ในเอเอฟ คนรู้จัก แล้วก็ถามเนสท์ด้วย

เนสท์ : ตอนอยู่ในบ้านจะมีเนสท์ ไบรท์ โซ่ ที่อายุเท่ากัน พอออกจากบ้านเราก็เลยได้เข้ามหา’ลัยใหม่ที่เดียวกัน ในบ้านเราก็สนิทกันเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว มีเพื่อนเรียนด้วยก็ดีเลยค่ะ ตอนแรกเนสก็ติดที่อื่นมาเหมือนกัน ที่ม.บูรพา คณะมนุษยศาสตร์ สารสนเทศ เนสท์ชอบด้านนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่นิเทศฯ แบบเต็มตัว ตอนที่เลือกเราก็เลือกให้มันมีคล้ายๆ กัน ยังไม่มีโอกาสได้ไปเรียนเลยติดเอเอฟก่อน ก็เหมือนได้มาเริ่มใหม่ที่ม.รังสิต โดยการแนะนำจากพี่ๆ ในบริษัท พี่เขาก็บอกว่าที่นี่ดีนะ รุ่นพี่เอเอฟเราหลายคนก็เรียนที่นี่ อาจารย์ส่วนใหญ่ก็เข้าใจงานสายเราด้วย

ย้อนกลับไปในวันแรกที่เข้ามหา’ลัย

ไบรท์ : มันตื่นเต้นนะ ได้ใส่ชุดมหา’ลัยด้วย ก็เห่อมีถ่ายรูปลง IG รัวๆ 555 เราก็เกาะกันไปแค่ 2 คนเนี่ยแหละครับ ตอนแรกๆ ผมจะอยู่กับเนสตลอดเลย เพราะเนสท์เขาเป็นคนช่างเจรจาอยู่แล้ว เขาก็จะหาเพื่อนง่าย เราก็อยู่กับเนสท์ถึงเราจะเงียบๆ แต่ก็ได้เพื่อนเหมือนกันแหละอาศัยเนสไป

เนสท์ : ครั้งแรกที่เราได้เข้าไปเป็นวันถ่ายรูปติดบัตรค่ะ ด้วยความที่เราเป็นเด็กต่างจังหวัดทั้งคู่ ยังไม่เคยเห็นบรรยากาศอะไรแบบนี้ ก็เลยยังงงๆ ต้องต่อแถวตรงไหน เตรียมตัวยังไง งงไปหมด รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่รู้อะไรเลย คือตอนนั้นบางคนก็รู้จักในฐานะที่เราเป็นเอเอฟแล้วก็มีเดินเข้ามาทักบ้าง พอเข้ามาก็ติดกับดักเลย 55 ได้เป็นเพื่อนกันมาจนถึงทุกวันนี้

 

เหมือนจะเรียนง่ายๆ แต่ต้องขยันมากๆ

ไบรท์ : ผมรู้สึกว่ามหา’ลัยมันเรียนง่ายกว่าตอนเรียนมัธยมนะ มันอิสระกว่า แล้วก็ได้เรียนในอะไรที่เราเข้าใจได้ แต่ก็ต้องเข้าเรียนบ่อยๆ อย่าขาดตามที่แต่ละวิชากำหนดไว้ ส่วนใหญ่เราก็จะล็อคคิวตัวเองไว้แล้วล่ะว่าเราจะไปเรียนตอนไหนบ้าง ออกไปทำงานตอนไหนบ้าง นอกจากมีงานสำคัญจริงๆ ถึงจะขออาจารย์วิชานั้นๆ อีกที พวกเราก็หยุดไม่บ่อยนะ

เนสท์ : หยุดบ่อยไม่ได้ปีนี้ปี 3 แล้วด้วย เรียนอันนี้ก็ไม่ใช่ว่าง่ายหรอก คงเป็นเพราะเราถนัดมากกว่า แต่ถ้าต้องทำงานเดี่ยวที่ชิ้นใหญ่ๆ ก็ยากเหมือนกัน สำคัญเลยคือ ต้องขยันให้มากๆ ถึงแม้เราจะไม่มีเวลาเรียนมาก ถ้าเราขยันส่งงานเก็บคะแนน ตามงานตลอดก็จะดีเอง ตอนแรกก็คิดนะว่าจะเป็นยังไงนะถ้าเรามีงานแล้วต้องหายไป ส่วนใหญ่ก็จะหายไปทั้งคู่ด้วย ก็ต้องหาเพื่อนที่ช่วยเราตรงนี้ได้ โชคดีที่เราได้เพื่อนดีด้วยค่ะ

 

เม้าท์ระยะเผาขน

ไบรท์ : เนสท์แรกๆ ก็ทำเป็นสวย 555 มีวางตัว วางฟอร์มหน่อยอะไรอย่างงี้ หลังๆ พอสนิทกับเพื่อนก็พูดมากขึ้น รั่วมากขึ้น และก็ได้ฉายาจากเพื่อนว่า ไอแหวว อาจจะมาจากเสียงแจ๋วแหวว หรือเพื่อนล้อเรื่องหน้าหน้าเนสท์แบบเป็นคนหน้ามันๆ

เนสท์ : จะบอกว่า จริงๆ แล้วไบรท์ไม่ใช่คนไม่ค่อยพูดหรอกค่ะ แต่ไบรท์พูดไม่ทัน และไบรท์ก็จะหลับตลอดเวลา จนเพื่อนถ่ายรูปตอนหลับเก็บไว้ได้เป็นคอลเลคชั่นปี 1 ยันปี 3 เลยนะ คือเขาหลับง่ายมาก กับที่อื่นก็ด้วยบางทีหันไปอีกที เฮ้ย ไปแล้วเหรอ ทำไมไปเร็วจัง หลับนำไปแล้วค่ะ หลับเร็วมว๊าก ขนาดขึ้นเครื่องบินไปทำงานมีเวลานิดเดียวไบรท์ก็ยังชิงหลับได้อ่ะ เรียกว่าเก็บชั่วโมงบินในการหลับดีมาก

สเปกที่คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะชอบ

ไบรท์ : หนุ่มๆ เข้ามาจีบเหรอ ไม่เคยเห็นนะ แต่ผมว่าสไตล์เนสท์น่าจะชอบแบบเซอร์ๆ น่าจะเป็นหนุ่มวิศวะนะ คือเคยได้ยินว่าตอนเขาอยู่ขอนแก่นจะชอบหนุ่มสไตล์นี้

เนสท์ : ของเนสท์ก็อยู่แต่กับไบรท์แหละมั้ง เลยไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาจีบ ปกติพวกเราเรียน แล้วก็กลับบ้าน หรือเรียนเสร็จออกไปทำงานเลยก็ไม่เคยเจอใครเข้ามาเลยค่ะ แต่ถ้าให้เลือกแบบที่เหมาะกับลุคไบรท์เลยนะ เนสท์คิดว่าน่าจะเป็นสาวนิเทศฯ หรือสาวบัญชีนะ ไม่รู้เขาเปลี่ยนสเปกรึยัง สวยๆ ขาวๆ หมวยๆ ตัวเล็กๆ สูงกว่าเขาก็ไม่ได้

ไบรท์ : จริงๆ สาวคณะไหนก็ได้ของให้ถูกใจก็พอครับ ^^

วิชาที่ต้องติวให้กันเป็นพิเศษ

เนสท์ : เป็นวิชาที่ต้องติวทั้งคู่เลยดีกว่าค่ะ วิชาที่กำลังเรียนอยู่ตอนนี้เลย เป็นวิชาที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ต้องเรียนรู้ลึกทุกอย่างของคอมฯ สารภาพเลยว่าลงเรียนกันเป็นรอบที่ 2 แล้ว แล้วมีเรื่องขำอยู่ว่า ตอนลงเรียนรอบที่ 2 ก็ภาวนาว่าขอไม่ให้เจออาจารย์คนเดิม เพราะอาจารย์เฮี้ยบมากเลยค่ะ พอเปิดประตูเข้าไปปุ๊บตอนแรกก็ดีใจเห็นทรงผมอาจารย์ไม่เหมือนเดิมก็คิดว่าคนละคน พอหันหน้ามาเท่านั้นแหละ ใช่เลยคนเดิม แต่เปลี่ยนทรงผม ฮือ T T เจอกันอีกแล้ว อันนี้คือต้องมาเรียนเลยห้ามขาด ห้ามเอาเปรียบเพื่อน ขาด 3 ครั้งไปดร็อปได้เลย

เรื่องเกรียนๆ ที่อยากทำก่อนจบ

ไบรท์ : เป็นยามยืนแจกบัตรหน้าประตู คืออยากรู้นะว่าเขาเหนื่อย เขาร้อนขนาดไหน แล้วบัตรมันมีทั้งหมดกี่ใบ ทำไมยืนแจกได้ทั้งวันไม่หมดสักที เดี๋ยวไบรท์แจกบัตรทางเข้าเอง แล้วให้เนสท์ไปรับบัตรคืนทางออก

เนสท์ : คอยเติมทิชชู่ในห้องน้ำค่ะ เนสท์ไม่รู้นะว่าห้องน้ำชายจะเป็นแบบนี้มั้ย แต่ห้องน้ำหญิงทิชชู่ขาดแคลนมาก เป็นปัญหาใหญ่หลวง อาคารไหนหมดโทร.หาเนสท์ เดี๋ยวเนสท์ไปเติมให้ มันเป็นสิ่งที่จำเป็น มันควรจะมีตลอดห้ามขาด ให้ไบรท์ทำตึก 8 กับ 9 เนสท์จะทำตึก 15 กับ 11 ตึก 11 ดีด้วยจะได้เจอนักบิน ฮ่าๆๆๆ

สิ่งที่อยากทำเป็นอย่างแรกหลังจากจบ

ไบรท์ : ของไบรท์ถ้าจบก็คงรู้สึกดี รู้สึกโล่ง คงเป็นเพราะเราทำงานตรงนี้ด้วยก็เลยรู้สึกว่าพอทำทั้งสองอย่างไปพร้อมๆ กันก็ไม่ค่อยมีเวลาว่าง มีเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าจบเราก็จะได้มีเวลามาทำเพลงให้ทุกคนได้ฟังกันจริงๆ จังๆ ไปเลย อยากเรียนจบตรงนี้ เพื่อมาเรียน มาศึกษาด้านทำเพลงที่เราสนใจ

เนสท์ : อยากไปเที่ยวค่ะ เรารู้สึกว่าเราเรียนมาตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดมา 3 ขวบเราก็เข้า อนุบาลแล้ว แล้วก็เรียนมาตลอดไม่ได้พักเลย พอถึงวันหนึ่งที่มันจะไม่ได้เรียนแล้วมันคงโล่งแบบ สบาย ปลดปล่อยอ่ะ ไม่ต้องเรียนแล้ว! พอจบแล้วเราก็จะได้มาทำสิ่งอื่นให้เต็มที่ เรื่องเรียนไม่ใช่ว่าไม่สำคัญนะคะ เพราะการเรียนจนจบประสบความสำเร็จก็เป็นความภาคภูมิใจหนึ่งของเราเหมือนกัน ก็เหมือนเราได้ทำเป้าหมายสำเร็จไปแล้วอย่างหนึ่ง เหลืออีกงานหนึ่งที่เราสามารถทำได้เต็มที่เป็นอย่างต่อไป

.

ติดตามคอลัมน์  Campus Impart ได้ที่นิตยสาร Campus Star no.35

Facebook : www.facebook.com/CampusStars

ข่าวที่เกี่ยวข้อง