เส้นทางสุดเข้มข้นกว่าจะเป็นคุณหมอ สไตล์หนุ่มสาวแพทย์รามาฯ

หนุ่มสาวสายเนิร์ดที่อยากจะเป็นคุณหมอ แต่กว่าจะผ่านการเรียนที่เข้มข้นแต่ละปีมาได้นั้นต้องเตรียมรับมือกับอะไรบ้าง มาฟังคำตอบจากรุ่นพี่ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล ประธานชมรมนักศึกษาแพทย์รามาธิบดี ชั้นปีที่ 5 แพท-พัทธ์ธีรา วงศ์ตั้งตน และหนุ่มหล่อนักศึกษาปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ ชั้นปีที่ 4 พี-พีรวิชญ์ พลอยนำพล กันดีกว่า

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล

จุดเริ่มต้นนักศึกษาสายแพทย์

แพท : ตอนม.2 อากงป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้าย แล้วไปเจอหมอคนหนึ่งที่ผ่าตัดให้ ทำให้อากงอยู่ต่อได้อีก 2 ปี เรารู้สึกเหมือนเขาเป็นคนต่อความหวังให้พ่อแม่เรา ก็ประทับใจ แล้วก็คิดว่าสักวันหนึ่งเราอยากจะเป็นคนส่งต่อความหวังนี้ให้คนอื่นบ้าง สุดท้ายก็คือหนูติดที่รามาฯ ด้วยคะแนนสูงสุดอันดับ 1 แล้วก็ชอบคอนเซ็ปต์ของที่นี่ ที่ไม่ได้เน้นเรียนอย่างเดียว แต่ยังให้ทำกิจกรรม เปิดกว้างทางความคิดอีกด้วย

พี : ผมอยากจะดูแลครอบครัว ผมมีน้องชายที่ไม่ค่อยสบาย พอเราจบม.6 ก็อยากจะเรียนอะไรเพื่อน้องบ้าง ก็เลยมองไปที่สายแพทย์ แต่ไม่ได้อยากเป็นหมอ เพราะคิดว่าตัวเองยังไม่เก่งขนาดนั้น แล้วก็ไม่ได้อยากเป็นพยาบาล อาชีพนักฉุกเฉินการแพทย์ก็เลยตอบโจทย์ผม แล้วผมก็เชื่อมั่นว่ารามาฯ เป็นคณะแพทย์ชั้นนำในระดับสากล เลยเลือกที่นี่

การเรียนสุดเข้มข้นที่ต้องผ่านไปให้ได้

แพท : คณะแพทย์จะเรียนไม่เหมือนคณะอื่น อย่างปี 1-3 เขาเรียกว่าพรีคลินิก เริ่มมีเรียนผ่าอาจารย์ใหญ่ ช่วงแรกทุกคนก็กลัวหมด แต่ทำไปเรื่อยๆ มันก็ชิน แล้วเราก็ไม่ได้มองเขาเป็นศพ แต่มองเขาเป็นอาจารย์ ทุกครั้งที่ผ่า ก็จะผ่าด้วยความเคารพ แล้วอีกอย่างก็คือกลัวของมีคม เวลาเราทำหัตถการคนไข้ กลัวเขาเจ็บ แต่สุดท้ายก็ใช้วิธีทำให้บ่อยที่สุด จนตัวเองมั่นใจขึ้น แต่ก็คือในการเรียนต้องมีผ่าทุกวัน แล้วก็อ่านหนังสือหนักมาก สอบทุก 2 สัปดาห์ จนมาขึ้นปี 4-5 ที่เขาเรียกว่าชั้นคลินิก ก็ต้องปรับตัวครั้งใหญ่อีกรอบ เราต้องมารักษาคนไข้จริงๆ ปรับตัวเรื่องเวลานอน ซึ่งมันส่งผลต่อสุขภาพ แต่ใจมันก็ต้องสู้ เพราะมันคือความรับผิดชอบของเราที่มีต่อคนไข้

พี : หน้าที่ของนักฉุกเฉินการแพทย์ก็คือพาผู้ป่วยเข้ามาให้หมอห้องฉุกเฉินอีกทีหนึ่ง ก็จะเน้นเรียนหัตถการแพทย์ฉุกเฉิน ก็เป็นอะไรที่เราต้องละเอียดรอบคอบกับมันมาก เพราะถ้ามันผิดนิดหนึ่งเราอาจจะทำให้คนไข้ถึงขั้นวิกฤตเลยก็ได้ แต่ก็ชอบเวลาที่เราได้ออกไปศึกษาดูงานข้างนอก มีไปออกเวรดึกๆ กับรถฉุกเฉิน ไปดูว่าเขามีกระบวนการทำงานยังไงบ้าง

ชาวแก๊งค์รามาฯ “กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ”

แพท :  เอกลักษณ์ของเด็กรามาฯ คือ “กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ” ไม่ว่าเราจะออกไปไหน คนอื่นจะดูออกว่าเป็นเด็กรามาฯ ไม่ใช่ว่า Discuss ผู้ใหญ่มาก่อนผู้น้อย แต่ของเราคือใช้เหตุผลมา Discuss กัน เราถูกฝึกมาแบบ Multitasking คือทำอะไรได้หลายอย่าง อย่างมันจะมีละครเวทีรามาฯ หนูก็ได้ไปเป็นฝ่ายแบ็คสเตจ ตอนนี้ก็เป็นประธานนักศึกษาอีก ซึ่งก็จะดูแลเรื่องของนักศึกษาแพทย์ทั้งหมด ได้ทำกิจกรรมทั้งในและนอกคณะฯ ค่ะ

ฝากถึงน้องๆ รามาฯ รุ่นต่อไป

แพท : อยากฝากถึงน้องๆ ที่อยากเข้าคณะแพทย์ ก็ต้องพูดตรงๆ ว่ามันเหนื่อยจริงๆ อยากให้น้องๆ ที่มีใจรักจริงๆ เข้ามา เพราะบางทีเราไม่ได้อยากเป็นจริงๆ เห็นว่าเข้ามาแล้วได้เงินเยอะ พอมาทำจริงๆ มันไม่ไหว มันเหนื่อยมาก แต่ถ้าคนไหนที่มั่นใจว่าเราใจรักจริงๆ อยากช่วยเหลือคนอื่น อยากให้เข้ามาเลย มันไม่ใช่โอกาสที่หาได้ง่ายๆ เหมือนเราได้ใช้ชีวิตทุกวันในการทำเพื่อคนอื่น มันมีไม่กี่อาชีพที่จะได้โอกาสดีๆ แบบนี้ ถ้าพร้อมที่จะเหนื่อย เราอยากชวนให้มาเรียนด้วยกัน ส่วนใครที่สนใจแพทย์รามาฯ ใครที่ชอบทำอะไรหลายๆ อย่าง กล้าคิด กล้าพูด แบบมีเหตุมีผล ที่นี่แหละใช่เลยค่ะ

ดูคอลัมน์อื่นๆ ได้ที่นิตยสาร Campus Star No.72

www.facebook.com/campusstar

ข่าวที่เกี่ยวข้อง