หลายคนอาจนึกถึงนิสิตแพทย์ในภาพของเด็กเนิร์ดใส่แว่น แต่สำหรับสาวคนนี้ ข้าวโพด-ณัฐฐา อินต๊ะซาว นิสิตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักร้องสาวค่าย FRONTAGE (ฟร้อนเทจ) ในเครือ GMM GRAMMY ตัวจริงเธอเป็นสาวสดใส ร่าเริง แสนซน แต่จริงๆ แล้ว พอเข้าสู่โหมดของการเรียนหนัก เธอก็พร้อมจะตั้งใจและจริงจังเช่นกัน ทั้งสวยและเก่งขนาดนี้ คงต้องให้ว่าที่คุณหมอเขาพาชมบรรยากาศในคณะกันหน่อยดีกว่า
ว่าที่คุณหมอคนเก่ง ข้าวโพด-ณัฐฐา จากรั้วจุฬาฯ
แรงบันดาลใจสำคัญที่อยากเป็นหมอ
หนูเรียนอยู่ปี 3 แล้วค่ะ คือหนูเป็นคนจังหวัดระยอง แล้วก็ได้ทุนจากสาธารณสุขเข้ามาเรียนที่นี่ค่ะ แรงบันดาลใจสำคัญมาจากตอนเด็กๆ ที่หนูเคยป่วยหนักจนโคม่า แล้วคุณหมอก็เป็นคนช่วยชีวิตไว้ เลยอยากจะได้ช่วยเหลือเด็กๆ คนอื่นแบบนี้บ้าง ซึ่งตอนเรียนม.ปลายก็เรียนสายวิทย์คณิตมา แล้วก็โอเค เรียนได้ เพราะด้วยความที่ชอบร้องเพลง ที่บ้านจะตั้งกฎว่า จะร้องเพลงต้องเรียนให้รอด เราก็เลยต้องตั้งใจเรียนจริงจัง แล้วก็คิดว่า ถ้าเราได้เป็นหมอ เราก็ยังสามารถร้องเพลงได้ด้วย ซึ่งตอนตัดสินใจจะเลือกหมอ คุณแม่ก็สนับสนุนเต็มที่ ส่วนคุณพ่อท่านก็ตามใจหนู อะไรก็ได้ ขอให้หนูมีความสุขก็พอค่ะ
บรรยากาศแรกเข้าคณะ
ตอนแรกกังวลนะว่าจะเข้ากับเพื่อนๆ ได้มั้ย เพราะหนูเป็นคนร่าเริงมาก แต่คิดว่าเพื่อนๆ น่าจะเป็นแนวซีเรียสกัน แต่พอเข้ามารับน้องจริงๆ ก็ผิดคาดค่ะ เพราะบรรยากาศมันสนุกสนาน ในคณะมีทุกสไตล์ ทั้งเนิร์ด ทั้งเฮ้ว ปนกันไป แต่ก็แอบมีการรับน้องแบบโหดๆ สไตล์คุณหมอบ้าง แต่ก็เหมือนเป็นฝึกความอดทนให้กับเรา เพราะในอนาคตเราอาจจะต้องเจอมากกว่านี้อีก แล้วก็ทำให้หนูผูกพันกับเพื่อนๆ ในคณะด้วย เพราะเห็นถึงน้ำใจของเพื่อนๆ ที่พร้อมจะช่วยเหลือเราตลอด
เดินทางสู่ชีวิตนิสิตแพทย์ ปี 3 แล้ว
ปีแรกเข้ามายังสบายๆ อยู่ เพราะเป็นการปูพื้นฐานวิชาทั่วไปค่ะ แต่พอปี 2 เริ่มมีวิชาแพทย์เข้ามาเยอะขึ้น แล้วพอมันยาก หนูก็ยิ่งขี้เกียจไม่อยากทำ จนกระทั่งวันหนึ่งที่สอบมิดเทอมผ่านไป หนูก็เริ่มรู้ตัวว่าทำแบบนี้ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวเราจะไม่จบพร้อมเพื่อนๆ แน่เลย ก็โชคดีที่อาจารย์ก็ช่วยติว เพื่อนๆ ก็ช่วยกันเต็มที่ แล้วเราก็เริ่มตั้งใจเรียนมากขึ้น จนผ่านมาได้
วิชาที่ทุกคนต้องผ่านกับตำนานอาจารย์ใหญ่
ปี 2 จะต้องมีเรียนวิชาอาจารย์ใหญ่ค่ะ เรียนเกี่ยวกับส่วนต่างๆ ของร่างกาย ตอนแรกกลัวมาก เป็นคนไม่กลัวเลือด เข็ม แต่กลัวผี ขนลุกทุกครั้งที่เห็น แต่พอเรียนไปสักพัก ก็เริ่มสนุกขึ้นนะ เพราะเรารู้ว่าอาจารย์ท่านมาดี ท่านตั้งใจให้เราได้ศึกษา แล้วทุกครั้งเวลาที่เราเรียนเสร็จ พวกเราจะต้องรวมตัวทำพิธีที่คณะ แล้วก็แยกไปทำตามวัดต่างๆ สำหรับความเชื่อของหนู คืออาจารย์ท่านให้เรามากเหลือเกิน เราควรจะไปส่งท่านครั้งสุดท้าย เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณท่านเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ อย่างเคยมีเรื่องเล่าของรุ่นพี่คนหนึ่งนะ ที่เขาไม่ไปทำ แล้วพูดจาแบบไม่ค่อยแคร์ ปรากฏว่า พี่เขาสอบไม่ผ่านตั้งแต่ปี 3 เลยค่ะ พี่เขาก็ต้องไปขอขมาท่าน ถึงจะสอบผ่านได้นะ
การเป็นว่าที่คุณหมอกับการเป็นนักร้องไปพร้อมๆ กัน
หนูได้มีโอกาสประกวด Singing Contest ของจุฬาฯ ตอนปีหนึ่ง เลยได้เข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัดของแกรมมี่ ตอนปี 2 ก็มีซิงเกิ้ลแรกชื่อ “ไม่อยากให้โลกนี้มีความคิดถึง” ซึ่งตอนนั้นก็เหมือนได้เริ่มทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ก็ต้องแบ่งเวลาให้ดีเลยค่ะ โชคดีที่พี่ๆ ในค่ายเข้าใจ คือหนูจะพยายามไม่ขาดเรียน ก็จะเรียนทุกวัน ส่วนงานก็จะทำหลังเลิกเรียนหรือวันที่ไม่มีเรียนเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ ปี 3 ก็เริ่มลงตัวแล้ว ตอนนี้หนูก็กำลังมีซิงเกิลใหม่ “TICK TOCK” จากอัลบั้ม FREEFORM เป็นเพลงของพี่ปาล์มมี่นำมาคัฟเวอร์ใหม่ ร้องร่วมกับน้องจินนี่ แต่ถ่ายเอ็มวีเสร็จไปแล้ว ช่วงนี้ก็เป็นช่วงของการโปรโมตอัลบั้มค่ะ
ข้าวโพด-ณัฐฐา อินต๊ะซาว
ประเพณีอลังการของเด็กแพทย์
กิจกรรมที่คณะที่หนูได้เข้าร่วมก็จะเป็นการจัด CU SINGING CONTEST ของนิสิตแพทย์ค่ะ แล้วอีกอย่างหนึ่งที่เด่นๆ เลยก็จะเป็นการรับน้องที่มีการแสดงอลังการมาก คือรับน้องคณะเราจะจัดเป็นธีมอินเดียน เหมือนเป็นประเพณีมายาวนานแล้ว ที่เปรียบเราเป็นเผ่าแพทย์ จุฬาฯ ก็จะมีการเล่นละคร มีโชว์ควงกระบองไฟด้วยค่ะ ซึ่งจะเป็นรุ่นปี 3 นี่แหละ ที่จะจัดกัน หนูยังเคยแอบไปดูเขาซ้อมเลย คือเขาจะต้องแอบไปซ้อมกัน ไม่ให้ใครเห็นก่อนงานจริง แต่เขาซ้อมกันจริงจังมากนะ กันพลาดไง วันจริงเขาต้องควงกระบองจุดไฟจริง มีโยนไม้ แล้วต่อตัวขึ้นไปรับด้วย ก็เป็นกิจกรรมที่หนูประทับใจมากๆ ค่ะ
ความประทับใจต่อคณะและมหาวิทยาลัย
หนูประทับใจสังคมที่นี่ค่ะ ทุกคนที่มาเรียนหมอ มาเรียนด้วยใจจริงๆ ทุกๆ คนอยากจบไป เพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้คน แล้วเพื่อนๆ ในคณะก็ไม่มีการแข่งขันกัน แต่พร้อมจะช่วยเหลือเราตลอดเวลา หรืออย่างที่หนูได้ไปเจอเพื่อนๆ คณะอื่นตอนปีหนึ่ง บางคนอาจจะมองว่าเด็กจุฬาฯ หยิ่ง ดูไฮโซ แต่ว่าจริงๆ แล้วทุกคนเฟรนลี่นะ หนูได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นเยอะเลย
ฝากถึงน้องๆ ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นคุณหมอ
สำหรับน้องๆ ที่อยากเป็นหมอ ก็อยากให้น้องๆ พยายามให้มาก บางคนอาจจะคิดว่าสอบเข้ายากที่สุด แต่หนูว่าการเข้ามาในนี้เป็นปัญหาที่ยากกว่า แต่ถ้าทุกคนมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ น้องจะต้องผ่านมันไปได้แน่ แค่เราทุ่มเททำมันอย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่มีอะไรยากเกินความตั้งใจ สู้ๆ ล่ะกัน พี่ๆ ยังรอต้อนรับน้องๆ ทุกคนอยู่เสมอ
ข้อมูลจาก นิตยสาร Campus star V.17 (สัมภาษณ์เมื่อ ตุลาคม 2014)