อั๊ต-วีรสิทธ์ เดือนหมอฟัน มศว บอกเล่าประสบการณ์เรียนในคณะที่ใช่

อ่านบทสัมภาษณ์ หนุ่ม ‘อั๊ต-วีรสิทธ์ ชัยช่วงโชค’ นักศึกษาปี 1 คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ ดีกรีเดือนคณะทันตแพทยศาสตร์ ปี 2559 กับการเลือกเรียนในคณะที่ใช่ และบทบาทของอาชีพหมอฟันในอนาคตที่อยากจะเจอ

อั๊ต-วีรสิทธ์ กับอนาคตที่อยากเจอ

ความตั้งใจแรก

ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นทันตแพทย์ตั้งแต่แรก เพราะคะแนนมันได้ 2 ที่ครับ ได้ทั้งทันตแพทยศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์เลย ผมก็มีให้ที่บ้านช่วยเลือกว่าอย่างไหนจะดีกว่ากัน สุดท้ายก็เลือกเป็นทันตแพทย์ เพราะส่วนตัวก็รู้สึกว่าเราไม่ได้คล่องไม่ได้เก่งเลขมาก เรียกได้ว่าไม่ชอบเรื่องตัวเลขเลย แล้วถ้าเลือกเรียนวิศวกรรมก็จะมีตัวเลขเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ผมเลยเลือกมาทางคณะทันตแพทย์มากกว่า ลงตัวทั้งตัวผมเองแล้วก็ที่บ้านด้วย

สิ่งที่ได้ยิน กับสิ่งที่ได้เจอ

ก่อนที่จะเข้ามาเรียนก็ได้ยินคนเขาพูดมาเหมือนกันว่า คณะทันตแพทย์เรียนเหนื่อย เรียนหนักนะ แถมคณะอื่นเขาเรียนแค่ 4 ปี แต่คณะทันตแพทย์ต้องเรียนเหมือนแพทย์เลยนะ เรียนตั้ง 6 ปี เราก็ฟังๆ รู้ว่าต้องเจอประสบการณ์แบบหนักๆ แน่ๆ ซึ่งหลังจากที่ตอนนี้ได้เข้ามาเรียนได้หนึ่งเทอมก็รู้สึกได้ว่า คณะนี้รายวิชาโหดอย่างที่เขาบอกจริงๆ คือ เรียนเยอะมากๆ แล้วต้องเข้ามาเรียนตั้งแต่เช้า เนื้อหาที่เรียนก็เยอะ เข้ามาเรียนเช้าเลิกเรียนเย็นๆ ถือว่าโหดเลยล่ะ แต่ตอนนี้ยังอยู่ปี 1 ก็จะเจอการเรียนแน่นเรื่องวิทย์พื้นฐาน ยังเหมือนสมัย ม.ปลายที่เราเรียนสายวิทย์มา ยังไม่เจอวิชาเฉพาะ เรียนเยอะก็จริง แต่ยังไม่รู้สึกว่าหนักมาก หรือเหนื่อยมากมายอะไร

เรื่องเล่าจากรุ่นพี่

โดยส่วนตัวผมจะสนิทกับพี่ๆ ปี 2 เพราะพี่เขาเป็นรุ่นที่ใกล้กันมากที่สุด แล้วเวลาเจอกันพี่ๆ เขาก็จะมีเรื่องมาเล่า หรือบางทีผมก็ถามเองไปบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่พี่เขาก็จะมาพูดถึงความยากให้ฟังว่าปีเขาเรียนยากยังไง บ่นไปถึงว่าปี 3-5 จะต้องสอบไลเซ่น (License) เป็นการสอบที่ต้องผ่าน มีอาจารย์มาดูว่าผ่านมั้ย ถ้าเราไม่ผ่านก็จะไม่จบ แล้วก็ไม่ได้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม ก็จะทำงานไม่ได้ด้วย แต่ของปี 2 ที่เขาบ่นว่ายากๆ เลยก็คือ รายวิชา Dental anatomy ที่จะเกี่ยวกับร่างกาย ซึ่งส่วนนี้ก็ต้องใช้ความจำเยอะครับ สำหรับคณะเราก็จะไม่ต้องเรียน Anatomy ทั้งหมด เราเรียนแค่ครึ่งร่างกายช่วงบน แล้วก็จะมีวิชาอีกตัวหนึ่งชื่อว่า Fisio เป็นวิชาพญาธิวิทยาที่ยากเหมือนกัน

จุดเด่นของคณะในแบบที่เราสัมผัสได้

น่าจะเป็นความเป็นกันเองของเพื่อนๆ รุ่นพี่ อาจารย์ในคณะ เพราะคณะนี้เป็นทั้งตึกเรียน และเป็นคลินิกไปในตัวด้วย เราสามารถที่จะเจอรุ่นพี่ หรืออาจารย์ได้บ่อยมาก สามารถเข้าไปพูดคุย ปรึกษาได้สะดวกมากจริๆ และเราก็อยู่ในสถานที่ที่มีอุปกรณ์จริงๆ หากเราสงสัยอะไร รุ่นพี่หรืออาจารย์ก็สามารถหยิบจับและนำนำเราได้เลย แล้วอย่างที่ว่าที่นี่เป็นคลินิกในตัว ซึ่งจริงๆ บริเวณของ มศว ประสานมิตร จะมีคลินิกอยู่ 2 ที่เอาไว้เรียนและบริการ คือจะมีคลินิกอยู่ในตัวคณะเลยเป็นคลินิกการเรียนการสอนนิสิต และมีคลินิกทันตกรรมพิเศษ โรงพยาบาลทันตกรรมอีกที่หนึ่งถือเป็นจุดเด่นของที่นี่เลยครับ

ทันตกรรมด้านที่สนใจ

จากที่ได้ฟังรุ่นพี่ แล้วก็ได้ดูมา เห็นพี่เขามาสอนขูดหินปูน ตรวจเช็คฟันอย่างง่าย อะไรพวกนี้ก็ทำให้รู้สึกสนใจด้านการจัดฟันเป็นพิเศษครับ เพราะผมรู้สึกว่าในตอนนี้มันเป็นสิ่งที่นิยม แล้วการจัดฟันก็ทำให้ฟันสวยงามด้วย เลยสนใจด้านนี้ แต่ในอนาคตถ้าได้เรียนหลายๆ ด้านแล้วยังไม่รู้จะมีด้านอื่นที่น่าสนใจอีกมั้ยนะครับเพราะทันตกรรมก็มีอีกหลายๆ ด้านที่น่าสนใจเช่นกัน ในระหว่าง 6 ปีนี้เราก็จะได้เรียนทุกด้านเลย จะยังไม่มีแยกสายจริงจัง พอจบแล้วจะมีช่วงที่ต้องใช้ทุนอีก 3 ปี เป็นการฝึกไปด้วย ระหว่างนี้เราก็จะได้รู้ว่าเราสนใจด้านไหนเป็นพิเศษก่อนจะออกไปเลือกเรียนเฉพาะทางอีก 2 ปี

สิ่งที่คาดหวังจากการเรียนในคณะนี้

ส่วนตัวก็อยากเรียนให้จบการศึกษาภายใน 6 ปี อยากจะเก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้มากที่สุด และไม่อยากให้เรารู้สึกว่าเรียนมาแล้วไม่ได้ใช้ เรียนมาแล้วศูนย์เปล่า อยากให้สิ่งที่เราเรียนมาแล้วได้ใช้ประโยชน์ สามารถช่วยเหลือผู้อื่นที่เข้ามาใช้บริการจากเราให้ได้มากที่สุด เพราะเราก็เรียนสายสุขภาพด้วย การดูแลผู้ป่วยก็เป็นเรื่องสำคัญที่คิดถึงเช่นกัน อยากจะจบออกไปแล้วช่วยเหลือดูแลผู้อื่นให้ได้มากที่สุด

ประสบการณ์ตรง

ประสบการณ์ตรงจากหมอฟันที่อยากเอาเป็นตัวอย่างในชีวิตจริง

ตอนเด็กๆ ผมเจอหมอฟันผู้หญิง เขาเก่ง แล้วก็ใจดีมากๆ เลยครับ ตอนนั้นผมเองก็เป็นคนที่คิดชอบคิดเหมือนกันนะว่า หมอฟันน่ากลัว แต่พอได้มาเจอคุณหมอคนนี้แล้วเรารู้สึกผ่อนคลาย เพราะเขาก็จะยิ้มๆ ให้ตลอด เฟรนลี่ คอยชวนเราคุย แล้วระหว่างทำฟันก็จะพูดตลอด ไม่เจ็บนะ แป๊บเดียว และสุดท้ายแล้วก็จะมีของเล็กๆ น้อยๆ เป็นของเล่นให้ครับ รู้สึกว่าเขาเป็นหมอฟันที่เยียวยาผู้ป่วยได้จริงๆ ตัวผมเองก็อยากจะเป็นหมอฟันที่สามารถปลอบผู้ป่วยได้ ให้กำลังใจ ทำให้เขาไม่รู้สึกกังวล อยากให้เขาอยู่กับเราแล้วรู้สึกอุ่นใจ และเราสามารถรักษาเขาให้หายจากความเจ็บปวดได้ ให้คำแนะที่ดีกับเขาได้

ฝากถึงน้องๆ ที่สนใจจะเรียนคณะทันตแพทยศาสตร์

สิ่งแรกที่ควรจะทำเลยก็คือ ต้องอ่านหนังสือนะ แล้วก็ต้องเชื่อเสมอว่าเราทำได้ ไม่ขี้เกียจ พอสอบเข้ามาได้ก็ต้องมีความขยันด้วย เพราะถ้าเรามัวแต่ขี้เกียจไม่ขยันอ่าน ไม่ขยันขวนขวายหาความรู้ ไม่เปิดรับสิ่งต่างๆ เราก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะ และจะพลาดสิ่งสำคัญไป อยากให้น้องที่สนใจเข้ามาดูคณะก่อน ไม่จำเป็นจะต้องเป็น มศว แต่ให้น้องลองไปดูคณะตามพวกงาน Open House ต่างๆ ก็จะช่วยให้ตัดสินใจได้มากขึ้น เพราะน้องๆ จะได้เข้ามาถามพี่ๆ ที่เรียนอยู่ว่ามันเป็นยังไงบ้าง ลองถามในสิ่งที่เราอยากรู้แล้วนำเอาคำตอบของพี่ๆ เขามาคิดว่ามันตรงกับที่เราคิดไว้มั้ย เพราะบางทีที่เราได้ยินมาปากต่อปากว่ามันดี มันอาจจะไม่ได้ดีไปหมดทุกเรื่องก็ได้ แล้วจุดที่ไม่ดีเราจะรับตรงนี้ได้มั้ย ก็อยากให้ลองมาดูด้วยตาตัวเอง ได้ยินกับหูตัวเองก่อนดีกว่าครับ

CAMPUS IMPART : UTT WEERASIT CHAICHUANGCHOK

นิตยสารแคมปัสสตาร์ เดือนมีนาคม 2560 เล่มที่ 46

ข่าวที่เกี่ยวข้อง