เจมส์-ศุภวิชญ์ ขุขันถิ่น เลือดใหม่ ทีม Mono Vampire ในตำแหน่งการ์ดจ่าย กับเส้นทางการเรียนในสายวิทย์ฯ กีฬา จุฬาฯ และกว่าจะมาเป็นนักบาสมืออาชีพที่ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ การฝึกฝน และความอดทนเพื่อก้าวเดินต่อไปตามความฝันของตัวเอง
“เจมส์-ศุภวิชญ์” เลือดใหม่โมโนแวมไพร์
Mono Vampire
จุดเริ่มต้นชื่นชอบบาสเกตบอล
“ผมเริ่มเล่นจากฟุตบอลก่อน แต่คือครอบครัว ญาติๆ เล่นบาสกันหมด สุดท้าย อากู๋ที่เป็นโค้ชสอนบาสอยากให้ลองมาเล่นบาสดู พอมาจับบาสมันสนุกดี ไวกว่าฟุตบอล ฟุตบอลเราวิ่งไล่ไม่ได้ก็พอหยุดเดินได้ แต่บาสเหมือนวิ่งขึ้นวิ่งลงตลอดเวลา ตอนนั้นก็เลยเริ่มซ้อมตั้งแต่ม.1 เลิกเรียนก็ไปซ้อม พอถึงเวลาเลือกเรียนมหา’ลัย ก็เลยมีรุ่นพี่ชวนไปเข้าที่จุฬาฯ ซึ่งผมก็ติดเป็นที่แรกเลย ตอนเรียนก็หนักตรงวิชาสายวิทย์ เพราะเราเรียนสายศิลป์คำนวณมาก่อน พอมาเรียนฟิสิกส์เคมีชีว เราต้องเอาตัวรอดให้ได้ ตอนเกรดเคมีออกนี่ ร้องลั่นบ้านเลย (หัวเราะ) ผ่านเอฟมาได้ รุ่นพี่บอกว่าผ่านตัวนี้ได้ สี่ปีจบแน่ๆ”
อนาคตในสายนักบาสมืออาชีพ
“หลังจากเรียนจบ ผมกลับไปอยู่บ้านช่วยแม่ค้าขายอยู่สักพัก ด้วยความที่ไม่ได้กลับบ้านมานาน แล้วก็ติดบ้าน แต่ไม่ได้เล่นบาสแล้ว ความคิดตอนนั้นคือมองว่า กีฬาบาสยังไม่มีที่ไหนสามารถเลี้ยงเราไปได้ตลอด สุดท้ายเราก็ต้องเลิกเล่นบาสแล้วมาหางานทำอยู่ดี แต่ช่วงนั้นพอดีมีพี่ๆ ในทีมโมโนแวมไพร์มาชวนผมไปคัดตัว เพราะตอนนั้นอายุผมพอดีที่จะแข่ง U23 TBDL แล้วก็มีโอกาสติดจนผู้ใหญ่ให้เข้าไปเล่นต่อในชุดใหญ่ ก็ดีใจครับ เคยเห็นของโมโนตั้งแต่ระบบการจัดการ ตอนที่สร้างสนาม แล้วก็อยากมาเล่น ก็ได้โอกาสเข้ามาแล้ว ตอนนี้อยู่กับทีมมาได้ปีกว่าแล้ว รู้สึกคิดถูกแล้วที่อยู่ที่นี่ เราสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ได้เริ่มเป็นนักกีฬาอาชีพ ส่วนเป้าหมายในฐานะนักกีฬาทุกคนก็คงเหมือนกันคืออยากไปให้ถึงทีมชาติ ซึ่งผมก็เคยได้เข้าไปครั้งหนึ่งในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ถึงแม้จะตกรอบแรก แต่ก็เป็นความภูมิใจสูงสุด เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ก็คงจะตั้งใจฝึกซ้อมแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะถ้าวันหนึ่งมันอาจจะมีโอกาสนั้นมาหาเราอีกครั้งก็ได้”
ฝากถึงน้องๆ ที่สนใจในเส้นทางนี้
“ฝากถึงน้องๆ ถ้าอยากเป็นนักกีฬา อย่างแรกเลยต้องตั้งใจฝึกซ้อม แล้วที่สำคัญคืออย่าทิ้งการเรียน เพราะถ้าเราเล่นแต่กีฬาบาสอย่างเดียว วันหนึ่งถ้าเกิดเราจะไปทำงานมันก็จะลำบาก เพราะต่อไปวันหนึ่งเราเจ็บ เราเล่นไม่ได้ หรือถ้าเขามีเซ็นเตอร์ใหม่ หรือเขาไม่เซ็นสัญญาต่อ เราก็ต้องมีงานรองรับในอนาคต ก็เลยอยากให้ทำควบคู่กันไปด้วย เราเล่นกีฬาด้วย เรียนไปด้วย ให้มันได้ทั้งสองอย่าง พยายามแบ่งเวลาให้ดี แล้วก็ต้องตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง ถ้าเกิดเราตั้งเป้าหมายไว้ เราก็จะพยายามไปให้ถึง แต่อย่าเพิ่งไปท้อ เพราะว่าโอกาสนั้น เราไม่รู้หรอกว่ามันจะเข้ามาตอนไหน เราก็ต้องเตรียมตัวไว้ก่อน ถ้าวันหนึ่งโอกาสมันมาถึงเราปุ๊บ เราก็จะคว้ามันไว้ได้เลย”
ติดตามคอลัมน์อื่นๆ ในนิตยสาร Campus Star No.70