“ลี-ฐานัฐพ์” พระเอกหนุ่มติสท์นักดนตรีสุดเซอร์ที่มาตกหลุมรักการแสดง

ลี-ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ นักแสดงหนุ่มหล่อสายติสท์ สังกัด GMM TV แจ้งเกิดจากการประกวด “Finding U-Princes Project” ในบท “เซอร์เวย์” กับการพลิกบทบาทใหม่อีกครั้ง กับ “Boy for Rent” ทางช่อง ONE31

ลี-ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ

link : https://seeme.me/ch/campusstar/9Z1rPv 

เด็กสายเกเร ที่มีความฝันอยากเป็นหมอ

ตอนม.ต้นเป็นเด็กเกเรอยู่ โดดเรียนบ่อย แต่อยากเป็นหมอตามพี่สาวนะ แต่คือสอบเข้าสายวิทย์-คณิตไม่ได้ เลยต้องเข้าศิลป์คำนวณแทน แล้วช่วงนั้นก็เริ่มเล่นดนตรีด้วย เลยไม่ได้คิดอะไร อยากเป็นนักดนตรีอย่างเดียว ตอนแรกจะไปสอบดุริยางค์ แต่ด้วยทุนมันไม่พอ ค่าเรียนมันค่อนข้างแพง แล้วพ่ออยากให้เรียนพวกนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เราก็ไปสอบ แต่ก็ไม่ติด ไปติดที่วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสาร มศว แทน ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดรับแอดมิชชั่น รู้แค่ว่ามันเป็นกึ่งนิเทศฯ ก็คิดว่าเป็นเรื่องของสื่อ เลยยื่นดู เพราะคิดว่าถ้ามันไม่ได้ที่ชอบ ผมก็จะโอนไปที่คณะศิลปกรรม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้โอน

นักศึกษาป.ตรีสายนวัตกรรมต่อมาถึงเส้นทางโทเอกออกแบบ

เอาจริงๆ ตอนก่อนเรียน ผมรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าผมไม่ได้ใช้หรอก แต่แค่เรียนให้รู้ ซึ่งประสบการณ์ในมหา’ลัยก็เป็นอะไรที่ครบรส ไปซน ซ่าส์ ทั้งเรียน ทั้งสอบ พิสูจน์ตัวเองหลายๆ อย่าง สุดท้ายก็จบมาได้ ก่อนจบ ผมไปคลุกคลีกับเพื่อนคณะศิลปกรรม เด็กออกแบบ ผมเป็นคนชอบคนนอกกรอบ เหมือนผมเป็นคนที่ยื่นค้ำเส้นอยู่ตลอดเวลา จะออกก็ออกไม่ได้ จะเข้าก็ไม่อยากเข้า พอไปเจอคนพวกนี้ คนพวกนี้ไม่เคยอยู่ในกรอบ วิ่งออกไปข้างนอกอย่างเดียว ก็เลยเอาวะ อยากรู้ก็ต้องเรียน ก็เรียนเลย แต่มันก็ไม่ได้เหมือนกับที่ฝันไว้เท่าไหร่ มันจะไปหนักที่งานวิจัยอย่างเดียว ตอนนี้ก็ผ่านมา 3 ปีกว่าแล้ว ก็เลยต้องพักกับมันไว้ก่อน

ซึ่งก็เป็นช่วงที่เราเข้ามาประกวดของค่ายพอดี ปกติผมเป็นคนแคสงานมาตั้งแต่ม.ต้น แล้วไม่เคยได้ แต่ไม่ได้อยากเป็นดารานะ แค่ต้องการหาเงินไปซื้อกีต้าร์หรือใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเฉยๆ โดยไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ แล้วก็คิดว่า ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ได้ก็พอแล้ว ผมก็ต้องเอาทางเดินชีวิตคนปกติแล้ว สุดท้ายก็เข้ามาได้ คือไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย แค่เป็นตัวของตัวเอง เพราะผมก็เป็นคนกวนๆ อยู่แล้ว แล้วเราเล่นดนตรีกลางคืนก็กล้าพูด กล้าโต้เถียง ตอนนั้นก็โชว์ดนตรีในวันประกวดเป็นการปล่อยตัวตนของผมออกมา

หนุ่มโลกส่วนตัวสูงที่ต้องปรับตัวมาเป็นมืออาชีพในวงการ

ช่วงแรกกดดันมาก กลัวว่าจะทำไม่ได้ มีคนที่เค้าหวังว่าเราต้องทำได้ เราก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าผมประกวดชนะเข้ามา คือผมเป็นนักดนตรีมาก่อน มันเป็นตัวของตัวเองได้ แต่พอต้องมาสวมบทบาทของใครสักคน มันก็ยากอยู่ ก็ต้องปรับปรุงมาเรื่อยๆ แล้วเราก็เริ่มรักการแสดง เริ่มสนุกกับสิ่งที่เราทำ ทุกวันนี้ก็ยังกดดันอยู่ กดดันตรงที่ผ่านงานมาตั้งกี่งาน ถ้ามันแย่กว่าเดิมก็ไม่ได้นะเว้ย ในชีวิตส่วนตัวก็โตขึ้นตามสังคม เมื่อก่อนเป็นคนโลกส่วนตัวสูงมาก ไม่แคร์ใคร ไม่ยุ่งกับใคร แต่ตอนนี้เราก็ต้องยอมรับว่าเราเป็นบุคคลสาธารณะในระดับหนึ่ง มันต้องมีคนมาทัก พูดคุยบ้าง แต่จริงๆ เวลาเครียดมากๆ จะชอบอยู่กับเครื่องดนตรี อยู่กับตัวเอง

ดูคอลัมน์อื่นๆ ได้ที่นิตยสาร Campus Star No.71

www.facebook.com/campusstar

ข่าวที่เกี่ยวข้อง