Miss. Naw Pa Saw Paw Khu หรือ Prae นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชานิเทศศาสตร์ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจาก Thoo Mweh Khee Learning Centre ศูนย์การเรียนรู้ซูแมวคี – มูลนิธิสยามกัมมาจล ชายแดนระหว่างไทยและพม่า ที่จังหวัดตาก
ประสบการณ์เรียน นศ. ชั้นปีที่ 3
นิเทศอินเตอร์ ม.รังสิต
“เพราะที่นี่ เป็นบ้านหลังที่สอง ที่อบอุ่นและมีความสุข”
“เมื่อจบ ม.ปลาย ก็มองหามหาวิทยาลัยที่มีคณะนิเทศศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ แต่ที่ตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยรังสิต นั่นเป็นเพราะคำแนะนำจากรุ่นพี่ที่โรงเรียนค่ะ หากถามว่า เมื่อได้มาเรียนที่มหาวิทยาลัยแล้ว รู้สึกประทับใจอะไรบ้าง อาจเป็นคำถามที่ยากสักนิด เพราะด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้พวกเราทุกคน ต้องเข้าเรียนและเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์ จึงทำให้เรื่องเล่าอาจยังมีไม่เยอะมากค่ะ แต่สิ่งที่ฉันและเพื่อนๆ รู้สึกประทับใจก็คือ เมื่อครั้งแรกที่ได้พบกับคณาจารย์ที่คณะ อาจารย์ทุกท่านเป็นมิตร ใจดี และมีความเป็นกันเองมากๆ ค่ะ อาจารย์แนะนำเรื่องเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย และพาไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำมหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนๆ ที่เป็นเสมือนคนแปลกหน้า แต่เมื่อพวกเราได้มาเจอกัน เราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน เปรียบเสมือนเป็นการละลายพฤติกรรม ก่อนที่จะเปิดเรียน ทุกคนใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร แม้ว่าสำหรับบางคนจะยังดูเคอะเขิน แต่พวกเราต่างก็รู้ดีว่า เราต้องกล้าที่จะเปิดโลกส่วนตัวออกมา เพื่อเรียนรู้กันและกัน ตอนนี้เวลาผ่านมาเชื่อไหมคะว่าทุกคน พวกเราสนิทกัน แม้ต้องมาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง แต่พวกเราก็ปรับตัว พึ่งพาอาศัยกันได้เป็นอย่างดี เพราะไม่เพียงจะเจอกันในการเรียนออนไลน์ หรือทำกิจกรรมบางอย่างที่เป็นออนไลน์ แต่ก็จะมีบางกิจกรรมที่อาจารย์ได้นัดพบพวกเรามาทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัย เป็นกลุ่มย่อยๆ”
การเรียนในสาขาวิชาและหลักสูตรที่เราเป็นคนเลือกเอง เชื่อไหมคะว่ามันดีต่อใจ หากจะพูดว่าเราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราเลือกมาแล้ว ก็อาจจะดูเข้มงวดไป ขอเรียกว่าเมื่อได้ทำในสิ่งที่เราเลือก มันมีแรงผลักดัน มีกำลังใจที่จะทำต่อไปให้ถึงเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้
“ตอนแรกฉันก็ไม่แน่ใจว่าอยากจะทำอาชีพอะไรในอนาคต แต่ก็ยังคงยึดมั่นสิ่งที่ชื่นชอบงานอดิเรกตั้งแต่สมัยเด็กมา นั่นก็คือการเขียน ด้วยความที่ชอบเดินทาง ไปเที่ยว และกลัมาเขียนเรื่องราวสิ่งที่ได้พบ ได้เห็น และได้ยินมา เลยคิดว่าอนาคตก็อยากจะเป็นนักเขียน อยากเขียนเรื่องราวของการพัฒนาการเติบโตของเยาวชน การศึกษาของเด็กและเยาวชน แรงบันดาลใจต่างๆ แต่ตอบตามตรงว่า ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถปลุกปั้นความฝันของเราไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะมันก็จะมีอารมณ์แบบว่า ชอบนะคะ มุ่งมั่นและอยากทำ แต่บางครั้งก็ชอบอย่างอื่นด้วย
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ตัวเราเองเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด อย่างฉันเองเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ ชอบการเขียน อยากเป็นนักเขียนแต่ด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง อาจทำให้มีเวลาได้มานั่งเขียนน้อยลง แต่ด้วยทักษะที่เราจะได้เรียน ก็สามารถที่จะแตกแขนงออกไปได้อีก เช่น งานด้านประชาสัมพันธ์ งานด้านภาพลักษณ์องค์กร ก็เป็นได้”
สำหรับไลฟ์สไตล์ ฉันเป็นคนที่ไม่เรื่องเยอะ เรียกได้ว่ามาตรฐานทั่วไป แต่จะชอบอะไรที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา กิจกรรมที่มักจะทำบ่อยๆ จะเป็นการอ่านหนังสือ อ่านบล็อก ดูคอนเสิร์ต ร้องเพลง และก็ชอบเต้นด้วย หลายคนโชคดีที่มีไลฟ์สไตล์ตรงกันกับอาชีพที่อยากทำ จึงได้มองหาคณะเพื่อจะได้เกื้อหนุนเป็นสายเดียวกันกับอาชีพที่จะเลือกทำในอนาคต
“ในความคิดของฉัน ฉันก็คาดหวังที่จะได้แสดงความสามารถ ความคิด และอิสระในการแสดงออกเมื่อได้มาเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เพราะตอนที่เรียนมัธยม ทุกสิ่งทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับคุณครูและหนังสือที่เราเรียน ดังนั้น ช่วงเวลาในมหาวิทยาลัยจะเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่ดีเลยค่า ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ และมันใช่แล้วหรือไม่ การลงทะเบียนเรียน วิชาเอกวิชาโท ฉันก็สามารถเลือกได้ตามที่อยากเรียน ยิ่งเมื่อเป็นสาขาวิชาเฉพาะมากขึ้น ก็จะได้เรียนอะไรที่น่าสนใจมากขึ้น
ในฐานะที่ฉันเป็นนักศึกษาต่างชาติ ฉันเจอกับปัญหามากมายเกี่ยวกับเอกสารและการตัดสินใจ อย่างที่เล่าไปเบื้องต้น จะมีอาจารย์และพี่ๆ เจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ พวกเขาไม่เคยลังเลที่จะให้คำปรึกษาเลย ไม่ว่าจะวันหยุดหรือช่วงหลังเวลาเลิกงาน หากเรามีอะไรก็สามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้อีกด้วย ตรงนี้ทำให้ฉันไม่รู้สึกว่าเราถูกทอดทิ้ง ระยะเวลาผ่านมาหลายปี ก็ทำให้ฉันรู้สึกได้ว่าที่นี่เป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง อบอุ่น และมีความสุข”