ชวนรู้จักกับ “วารสารศาสตราธร” รางวัลคุณภาพคนวงการสื่อไทย

หากเอ่ยชื่อ “รางวัลวารสารศาสตราธร” ซึ่งในปีนี้จะมีอายุเพียง 4 ปี อาจรู้สึกว่าเป็น “รางวัลน้องใหม่” แต่ถ้าบอกว่าจัดตั้งและมอบโดยคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันผู้บุกเบิกการศึกษาด้านสื่อสารมวลชนแห่งแรกของประเทศไทย ที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า 70 ปี ความรู้สึกต่อรางวัลน้องใหม่ อาจเปลี่ยนไปทันที โดย รางวัลวารสารศาสตราธร จัดตั้งขึ้นในยุคที่ทุกคนมีสื่อในมือและสามารถเป็นสื่อได้ และโซเชียลมีเดียทำให้โลกของการสื่อสารพลิกโฉมไปตลอดกาล บทบาทของ “นักสื่อสารมวลชน” ยุคใหม่ จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่นักข่าวอีกต่อไป แต่ขยายไปสู่อินฟลูเอนเซอร์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ยูทูปเบอร์ และอีกมากมาย

“วารสารศาสตราธร” รางวัลคุณภาพคนวงการสื่อไทย

แต่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนี้ สิ่งหนึ่งที่ยังคงต้องยึดมั่น คือ คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ และมาตรฐานวิชาชีพ ซึ่งเป็นเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่าง คนทั่วไปที่มีสื่อในมือ กับคนที่อยู่ในวิชาชีพสื่อที่มีความรับผิดชอบ “รางวัลวารสารศาสตราธร” จึงเกิดขึ้น ด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าที่จะยกระดับและพัฒนามาตรฐานวิชาชีพสื่อสารมวลชนไทย เชิดชูผู้ที่ใช้พลังสื่อสร้างสรรค์สังคมอย่างมีความรับผิดชอบ และสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ก้าวเดินตามรอยเดียวกัน

อินไซต์ “วารสารศาสตราธร” มาตรวัดคุณภาพสื่อไทยในยุคที่ต้องการยิ่งกว่า “ความน่าเชื่อถือ”

“รางวัลวารสารศาสตราธร” เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างคณะวารสารศาสตร์และสื่อสาร มวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสมาคมวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติคณาจารย์ บุคลากร ศิษย์เก่า ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทมุ่งมั่น ใช้พลังแห่งการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้สังคม

ชื่อของ “วารสารศาสตราธร” มีความหมายที่ลึกซึ้งว่า “ผู้ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนยอดเยี่ยม” ซึ่ง “พยงค์ คชาลัย” ศิษย์เก่ารุ่นก่อตั้งและอดีตนายกสมาคมฯ คนที่ 5 ผู้ตั้งชื่อรางวัลนี้ เพื่อสื่อถึงความเป็นเลิศในวิชาชีพ และความมุ่งมั่นในการรักษามาตรฐาน จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคมของนักสื่อสารมวลชนไทย โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ 4 ประการ ในการจัดตั้งรางวัลคือ

หนึ่ง: ส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพสื่อสารมวลชน เน้นย้ำคุณค่าของการทำงานที่มีคุณภาพยึดหลักจริยธรรม และสร้างประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างแท้จริง

สอง: สร้างแรงบันดาลใจให้คณาจารย์ ศิษย์เก่า และคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วิชาชีพนี้เห็นถึงคุณค่าและบทบาทอันทรงเกียรติของนักสื่อสารมวลชน และภาคภูมิใจในวิชาชีพ

สาม: เชิดชูผู้ใช้พลังการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมความมั่นคงในชีวิตและพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อชีวิตประชาชนและสังคม สร้างความตระหนักรู้ในประเด็นที่มักถูกมองข้าม สร้างความเป็นธรรม หรือเป็นกระบอกเสียงให้แก่ผู้ด้อยโอกาส

และ สุดท้าย เสริมสร้างชื่อเสียงของคณะวารสารศาสตร์ฯ และสมาคมฯ ให้เป็นที่ยอมรับระดับชาติและนานาชาติ ในฐานะสถาบันที่มุ่งมั่นสร้างบุคลากรคุณภาพ พัฒนาวิชาชีพสื่อสารมวลชนและสนับสนุนให้เกิดการสื่อสารที่มีคุณภาพและรับผิดชอบต่อสังคมและขับเคลื่อนสังคมไปในทิศทางที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป

5 มิติใหม่แห่งมาตรวัดสื่อมืออาชีพ “ที่วัดจากผลลัพธ์ต่อสังคม มากกว่าชื่อเสียงบนหน้าจอ”

สิ่งที่ทำให้รางวัลนี้กลายเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพที่แท้จริงของคนสื่อมืออาชีพและกลายเป็นหนึ่งในรางวัลที่มีเกียรติและเป็นที่ยอมรับในวงการสื่อสารมวลชนไทย คือ กระบวนการคัดเลือกที่เข้มงวด เน้นสะท้อนคุณค่าที่แท้จริงของงานสื่อสารมวลชนใน 5 มิติหลัก ได้แก่

1. ความรับผิดชอบต่อสาธารณะ กับการนำเสนอข้อมูลช่วยให้สังคมเข้าใจประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อชีวิตประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม หรือสิ่งแวดล้อม

2. คุณค่าทางจริยธรรม การเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเคารพสิทธิของผู้เกี่ยวข้อง ใช้พลังสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ หลีกเลี่ยงการสร้างความเกลียดชังหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง และซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ

3. ผลกระทบเชิงสังคม กับคุณค่าของสื่อที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การปฏิรูปนโยบาย การเพิ่มความโปร่งใส หรือการสร้างความตระหนักรู้ต่อประเด็นสาธารณะ และวัดผลได้จริง

4. นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ มีรูปแบบการสื่อสาร วิธีนำเสนอ หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนได้ในวงกว้างมากขึ้น สะท้อนการพัฒนาวิชาชีพที่สอดคล้องกับยุคดิจิทัล

และ 5. ความยั่งยืนของผลลัพธ์ ไม่ใช่แค่สร้างผลกระทบหรือกระแสในระยะสั้น แต่ต้องมีคุณค่าต่อการพัฒนาสังคมในระยะยาว สามารถเป็นต้นแบบที่ดีและสร้างแรงบันดาลใจให้นำไปต่อยอดได้

วารสารศาสตราธร

4 สาขารางวัล พลังขับเคลื่อนการพัฒนาสื่อของประเทศ

รางวัลวารสารศาสตราธรเริ่มมอบครั้งแรกในปี 2565 ในโอกาสครบรอบ 68 ปีของคณะฯ และดำเนินมาอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ปีที่ 4 โดยกำหนดมอบเป็นประจำทุกปีในวันสถาปนาคณะวารสารศาสตร์ฯ แบ่งออกเป็น 4 สาขา ครอบคลุมผู้มีบทบาทสำคัญในวงการสื่อสารมวลชนและการสื่อสารเพื่อสังคม ในมิติต่างๆ โดยแต่ละสาขามีเกณฑ์การพิจารณาที่เหมาะสมกับลักษณะงานและบทบาทของผู้ปฏิบัติงาน ดังนี้

1. สาขาศิษย์เก่ายอดเยี่ยม ด้านสื่อสารมวลชน มอบให้แก่ศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จในวิชาชีพอย่างโดดเด่น ใช้ความรู้และกระบวนการสื่อสารมวลชนเพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจ ลดความขัดแย้งในสังคม และทำหน้าที่สื่อสารมวลชนโดยปราศจากอคติ ไม่เอนเอียงฝักไฝ่ทางการเมือง

2. สาขาศิษย์เก่ายอดเยี่ยม ด้านจิตอาสา มอบให้แก่ศิษย์เก่าที่ใช้ความรู้และหลักธรรมาภิบาลด้านสื่อสารมวลชนในการยกระดับและพัฒนาสังคมไปสู่สิ่งที่ดียิ่งๆ ขึ้นอย่างยั่งยืน เป็นผู้มีจิตอาสาที่ได้รับ การยอมรับ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในสังคม

3. รางวัลเกียรติยศ เพิ่มเข้ามาในโอกาสครบรอบ 70 ปี เพื่อเชิดชู “ผู้ทรงคุณวุฒิ” ผู้สร้างรากฐานสำคัญของวงการ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับและได้รับการยกย่องจากสังคม ด้วยผลงานอันทรงคุณค่าและเกิดประโยชน์ในวงกว้างต่อสังคมและวิชาชีพ

4.สาขาคณาจารย์ และบุคลากรยอดเยี่ยม มอบให้แก่คณาจารย์และบุคลากรที่อุทิศตนให้กับการปฏิบัติงานและปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีจริยธรรม ดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดี ไม่เคยกระทำผิดวินัยและจรรยาบรรณวิชาชีพมีผลงานโดดเด่นในการพัฒนาการศึกษาด้านสื่อสารมวลชน สร้างสรรค์งานวิจัย และทำคุณประโยชน์ให้แก่คณะและสังคม

ย้อนรอย 3 ปี ผู้ที่ได้รับรางวัลวารสารศาตราธร

ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ศิษย์เก่าที่ได้รับรางวัลล้วนเป็นแบบอย่างที่ดีของการใช้พลังแห่งการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ โดยในปีแรก 2565 รางวัลศิษย์เก่ายอดเยี่ยมสาขาสื่อสารมวลชนเป็นของ ดร.อิศริยา สายสนั่น นักแสดง ผู้จัดละครโทรทัศน์ และอาจารย์คณะวารสารศาสตร์ฯ แบบอย่างที่ดีของคนสื่อรุ่นใหม่ที่ไม่เคยหยุดพัฒนาตนเอง ทั้งในฐานะผู้ปฏิบัติงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง พร้อมความตั้งใจใฝ่ศึกษาจนจบปริญญาดุษฎีบัณฑิต

รางวัลสาขาจิตอาสา ได้แก่ นางสาวณัฐกาญจน์ เด่นวณิชชากร ผู้ริเริ่มบริการพาผู้สูงอายุไปโรงพยาบาล Joyride ลูกรับจ้าง หลานจำเป็น ตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ใช้ทักษะการสื่อสารสร้างประโยชน์แก่สังคม

ต่อมาในปี 2566 รางวัลศิษย์เก่ายอดเยี่ยมสาขาสื่อสารมวลชนมอบแก่ นายนพดล ศรีเกียรติขจร ในช่วงที่รับผิดชอบตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของบริษัท โอกิลวี่ ประเทศไทย จำกัด เอเยนซี่โฆษณาอันดับต้นของประเทศที่นำแคมเปญโฆษณาสุดสร้างสรรค์ของไทยไปสู่เวทีโลก จนคว้ารางวัลระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รางวัลสาขาจิตอาสาได้แก่ นางสาวณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ หรือ “น้องธันย์” สาวน้อยคิดบวกและนักสร้างแรงบันดาลใจผู้ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อความพิการ โดยใช้ทัศนคติเชิงบวกและความรู้ด้านสื่อสารเป็นกระบอกเสียงและสร้างความเท่าเทียมให้แก่ผู้พิการ ทำให้สังคมมองเห็นถึงศักยภาพของผู้พิการที่สามารถทำประโยชน์ให้สังคมได้

และใน ปี 2567 ในโอกาสครบรอบ 70 ปีของคณะวารสารศาสตร์ฯ ได้เพิ่มรางวัลเกียรติยศ ประเภท “บุคคลผู้ทรงคุณค่าด้านวารสารศาสตร์” เพื่อมอบให้แก่ผู้มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในสังคมและทำประโยชน์ให้แก่คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนฯ อย่างต่อเนื่อง

โดยผู้ได้รับรางวัลท่านแรกคือ นายประกิต อภิสารธนรักษ์ ประธานกรรมการ บริษัท ประกิต โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้คร่ำหวอดในวงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ไทย และขับเคลื่อน Communications Agency คุณภาพมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมอบทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาคณะวารสารศาสตร์ฯ ที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่คนรุ่นใหม่ได้เติบโตในวงการสื่อสารมวลชนต่อไป

รางวัลศิษย์เก่ายอดเยี่ยม สาขาสื่อสารมวลชน มอบให้แก่ ดร.อริสรา กำธรเจริญ ผู้ประกาศข่าวมากความสามารถที่รักษามาตรฐานการทำงานในฐานะผู้ประกาศข่าว และพิธีกรมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และ นายสถาพร พานิชรักษาพงศ์ CEO ของ GMMTV เจ้าของฉายา “เจ้าพ่อซีรีส์วายเมืองไทย” ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้อุตสาหกรรมซีรีส์วายไทยโด่งดังไปทั่วเอเชีย และแจ้งเกิดดาวดวงใหม่หลายคน

ส่วนรางวัลสาขาจิตอาสา ได้แก่ นายไพรัช เอื้อผดุงเลิศ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Choojai & Friends ครีเอทีฟเอเจนซี่ที่มุ่งสร้างสรรค์ผลงานเพื่อสังคม และสอดแทรกคุณค่าดีๆ ให้กับสังคม พร้อมส่งต่อความคิดนี้ ไปยังพนักงานรุ่นใหม่ด้วยการปลูกฝัง “DNA ชูใจ” เพื่อขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความยั่งยืนต่อไป และ นายบุญรอด อารีย์วงษ์ Influencer ผู้สร้างแรงบันดาลใจและเป็นกระบอกเสียงให้แก่ผู้พิการด้วยกัน และใช้ความสามารถในการสื่อสารสะท้อนให้ครอบครัวยอมรับในการเลี้ยงดูลูกผู้พิการอย่างถูกวิธี เพื่อเป็นที่ยอมรับของสังคม

นับถอยหลังสู่เวทีเกียรติยศแห่งปีของคนสื่อไทย

ก้าวต่อไปของ “รางวัลวารสารศาสตราธร” ในปี 2568 ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่การประกาศชื่อผู้ได้รับรางวัลเท่านั้นแต่ยังเป็นการ “ตอกหมุด” ย้ำบทบาทของสื่อที่ดีในยุคที่ทุกคนสามารถเป็นผู้ส่งสารได้ ปีนี้ รางวัลจะกลับมาอีกครั้งพร้อมพิธีประกาศเกียรติคุณที่ยิ่งใหญ่ภายใต้โอกาสครบรอบ 71 ปีของคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของคนสื่อผู้ใช้พลังแห่งการสื่อสารสร้างสรรค์อย่างมีจริยธรรมในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 มาดูกันว่า “โฉมหน้าของคนสื่อ” ผู้ขับเคลื่อนวงการด้วยหลักคุณธรรมและความรับผิดชอบภายใต้มาตรวัดแห่งความน่าเชื่อถือจะเป็นใครในปีนี้และใครจะเป็นแบบอย่างใหม่ของคนทำสื่อที่สังคมพร้อมมอบความไว้วางใจให้มากที่สุด

รางวัลวารสารศาสตราธรไม่ได้เป็นเพียงเวทีแห่งเกียรติยศของคนสื่อแต่มันคือ “มาตรวัดของยุค” ที่ชี้ให้เห็นว่า ความน่าเชื่อถือคือทุนที่มีค่าที่สุดในโลกแห่งการสื่อสารและทุกปีที่รางวัลนี้ยังคงอยู่ คือการประกาศให้โลกรู้ว่า วิชาชีพสื่อไทย…ยังไม่เคยหยุดพัฒนา

ภาพเพิ่มเติม

บทความแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง