สำหรับการจัดการศึกษาในระดับปริญญาตรีของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นการจัดการศึกษาในรูปแบบทวิภาคี ที่จัดการศึกษาร่วมกับสถานประกอบการชั้นนำที่ได้มาตรฐาน โดยใช้หลักสูตรที่แตกต่างจากสถาบันอุดมศึกษาทั่วไป คือ หลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต (Bachelor of Technology) ผู้ที่จบการศึกษาจะได้รับวุฒิการศึกษา “สายเทคโนโลยีบัณฑิต” อักษรย่อ “ทล.บ.” ซึ่งผู้ที่จบการศึกษาจะเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ มีสมรรถนะในการปฺฏิบัติ และพัฒนางานในระดับเทคโนโลยี สามารถปฏิบัติงานและเป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติงานได้ หรือประกอบอาชีพอิสระ และพัฒนาตนเองให้มีความก้าวหน้าทางวิชาการและวิชาชีพ รวมทั้งเป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรมในการประกอบอาชีพ และมีจิตอาสาในการช่วยเหลือสังคมอีกด้วย
บัณฑิตอาชีวะ 3,200 คน เตรียมรับปริญญา
ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นองค์กรภาครัฐ ที่มีบทบาทสำคัญในการผลิตบุคลากร ตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ถึงระดับปริญญาตรี ที่มีความรู้ ทักษะฝีมือและความเชี่ยวชาญทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ซึ่งบุคลากรเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนและยกระดับการพัฒนาประเทศให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (รัชกาลที่ 10) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตรให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สายเทคโนโลยี จากสถาบันการอาชีวศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ทั้ง 23 แห่ง ในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2560 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 และรอบ 2 เมษายน 2558 วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี โดยผู้ที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เป็นผู้สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ปีการศึกษา 2557 ถึง ปีการศึกษา 2559 รวมเป็นจำนวน 3,200 คน โดยแบ่งเป็นปีการศึกษา 2557 จำนวน 508 คน, ปีการศึกษา 2558 จำนวน 987 คน และปีการศึกษา 2559 จำนวน 1,705 คน
โดย บัณฑิตหลักสูตรเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ มีงานทำแล้วคิดเป็น 99 % ส่วนอีก 1 % ไปศึกษาต่อ ผลสำเร็จในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากแผนยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาด้านวิชาชีพของอาชีวศึกษา ให้ดำเนินการจัดการศึกษาต่อเนื่องได้ถึงระดับปริญญาตรี โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา ปี พ.ศ. 2551 ให้สถาบันการอาชีวศึกษาเป็นสถาบันอุดมศึกษาด้านวิชาชีพและเทคโนโลยี มีเป้าหมายหลักในการผลิตและพัฒนากำลังคนให้เป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม เป็นบัณฑิตนักเทคโนโลยีสายปฏิบัติการ ที่สอดคล้องกับความต้องการของกำลังคนของประเทศ
“สังคมดำรงอยู่ได้ด้วยการกระทำประโยชน์เกื้อกูลกัน และทุกคนที่อยู่ร่วมกันย่อมเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ประโยชน์ บัณฑิตในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม และเป็นบุคคลที่สังคมยอมรับในความรู้ความสารมารถ จึงควรประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์แก่สังคมทุกเมื่อ” พระบรมราโชวาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดิทรเทพยวรางกูร เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2550
ปัจจุบันมีการจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาจำนวน 23 แห่ง โดยแบ่งออกเป็น สถาบันการอาชีวศึกษา 19 แห่ง และ สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร 4 แห่ง ประกอบด้วย ดังนี้
สถาบันการอาชีวศึกษา 19 แห่ง ได้แก่
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 1
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 2
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 3
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 4
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 5
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 1
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 2
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ 3
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 1
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 2
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 3
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 4
- สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
และ สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร 4 แห่ง ได้แก่
- สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคเหนือ
- สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคกลาง
- สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคใต้
สถาบันการอาชีวศึกษา ทั้ง 23 แห่ง ได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และปริญญาตรี มาอย่างต่อเนื่อง
——————–
ที่มา : blog.eduzones.com