สุดเจ๋ง!! เด็กนักเรียนไทย ชั้น ม.5 คว้ารางวัล โครงงานวิทย์-วิศวกรรมระดับโลก

สุดเก่ง!! เด็กนักเรียนไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ฝ่ายมัธยมศึกษา) มอดินแดง สามารถคว้ารางวัลจากเวทีการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระดับโลก The Intel International Science and Engineering Fair 2017 (Intel ISEF) ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์เก่า 1,800 คน ใน 77 ประเทศทั่วโลกร่วมแข่งขัน ระหว่างวันที่ 14-19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ นครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา

เด็ก ม.5 สุดเก่ง คว้ารางวัลระดับโลก

นายสุวรงค์ วงษ์ศิริ รองผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กล่าวถึงการนำเยาวชนไทยเดินทางมาเข้าร่วมการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระดับโลก The Intel International Science and Engineering Fair 2017 (Intel ISEF) โดยเป็นการผลึกกำลังของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กับสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเยาวชนไทยสามารถคว้ารางวัลบนเวทีนี้มาฝากคนไทยได้ถึง 3 รางวัลด้วยกัน ได้แก่

1. รางวัลที่ 4 สาขาสัตวศาสตร์ จากโครงงาน “การย่อยสลายโฟมโดยตัวอ่อนแมลงปีกแข็งชนิด Zophobasmorio (หนอนนกยักษ์)” ซึ่งเป็นผลงานของ นส.นุชวรา มูลแก้ว และ นส.จิตรานุช ไชยราช นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย จ.ลำปาง

2. รางวัลที่ 4 สาขาเคมี จากโครงงาน “การพัฒนาเซลล์สารกึ่งตัวนำสำหรับกำจัดสีย้อมอุตสาหกรรมในสภาวะคลื่นแสงวิสิเบิลโดยกระบวนการโฟโตอิเล็กโตรคะตะไรซิส” ผลงานของ นส.ปรียาภรณ์ กันดี นส.ณิชากรณ์ เขียวขำ และ นส.พิมพ์โพยม สุดเจริญ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ปทุมธานี จ.ปทุมธานี

นายสุวรงค์ ยังกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้รางวัลสเปเชี่ยล อวอร์ด ด้านนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน สาขาพืชศาสตร์ ซึ่งมอบให้โดย มอนซานโต้ (Monsanto Company) บริษัทยักษใหญ่ข้ามชาติด้านเกษตรเคมีและเทคโนโลยีชีวภาพการเกษตร หนึ่งในผู้สนับสนุนการประกวดของเวทีนี้ โดยโครงงานที่ได้รับรางวัลนี้คือ “สารชีวภาพของสารสกัดหยาบจากหญ้าสาบแร้ง ควบคุมสาเหตุวงจรการเกิดโรคใบหงิกในมะเขือเทศพันธุ์สีดา” ผลงานของ นส.นฤภร แพงมา นส.จรรยพร โกฏิมนัสวนิขย์ และ นายวิชชากร นันทัยเกื้อกูล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ฝ่ายมัธยมศึกษา) มอดินแดง

“ซึ่งทั้ง 3 รางวัล ที่เด็กไทยคว้ามาได้ในปีนี้ ยืนยันได้ถึงความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ของคนไทยที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผ่านเวทีที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดเวทีหนึ่งของโลก ขอขอบคุณในความพยายามและความทุ่มเทของเยาวชนและครูอาจารย์ทุกคนที่ร่วมเดินทางมาปฏิบัติภารกิจเพื่อสร้างชื่อให้กับประเทศไทยในครั้งนี้ ไม่ว่าทีมใดจะได้หรือไม่ได้รางวัล แต่ก็ถือได้ว่าทุกคนได้ทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทยได้อย่างดีเยี่ยมที่สุดแล้ว” นายสุวรงค์ กล่าว

นส.นุชวรา มูลแก้ว กล่าวถึงโครงงาน “การย่อยสลายโฟมโดยตัวอ่อนแมลงปีกแข็งชนิด Zophobasmorio (หนอนนกยักษ์)” ของทีมตนว่า โครงงานนี้มีที่มาจากการที่พวกตนเห็นว่าปัญหาด้านมลพิษจากขยะมีมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะขยะประเภทโฟม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 100 ปี กว่าจะย่อยสลายได้ พวกตนจึงอยากหาวิธีการกำจัดโพลีสไตรีนโฟม โดยการย่อยสลายด้วยกระบวนการทางชีวภาพและได้ไปศึกษาจากงานวิจัยพบว่า แบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ของหนอนนกสามารถย่อยสลายพลาสติกโพลีสไตรีนได้ โดยหนอนนกเป็นตัวอ่อนของแมลงปีกแข็งชนิด Tenebriomolitor อยู่ในวงศ์ Tenebrionidae ซึ่งพวกตนก็ได้พบว่าในท้องถิ่น จ.ลำปางก็มีตัวอ่อนของแมลงปีกแข็งชนิด Zophobasmorio (หนอนนกยักษ์) ซึ่งอยู่ในวงศ์ Tenebrionidae เช่นเดียวกัน จึงได้นำมาศึกษาทดลองจนพบว่า หนอนนกยักษ์สามารถกินและย่อยสลายโพลีสไตรีนโฟมและยังทำให้โครงสร้างโพลีสไตรีนโฟมเปลี่ยนไปได้ ซึ่งจะเป็นอีกหนทางหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหามลพิษที่เกิดขึ้น โดยการย่อยสลายด้วยกระบวนการทางชีวภาพ

นส.ปรียาภรณ์ กันดี อธิบายถึงความเป็นมาของโครงงาน “การพัฒนาเซลล์สารกึ่งตัวนำสำหรับกำจัดสีย้อมอุตสาหกรรมในสภาวะคลื่นแสงวิสิเบิลโดยกระบวนการโฟโตอิเล็กโตรคะตะไรซิส” ว่า การปล่อยน้ำเสียหลังจากกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอมักพบการเจือปนของสีย้อม เป็นเหตุให้เกิดปัญหาในการกำจัดสีย้อม เนื่องจากสีย้อมมีโมเลกุลขนาดเล็ก ไม่สามารถกำจัดได้อย่างทั่วถึง ซึ่งกระบวนการกำจัดแบบเดิม เช่น การใช้แบคทีเรียและสารเคมีที่มีต้นทุนสูงและไม่สามารถใช้ซ้ำใหม่ได้ซึ่งเกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมระยะยาว พวกตนจึงได้พัฒนาขั้วไฟฟ้าเซลล์สารกึ่งตัวนำในการกำจัดสีย้อมอุตสาหกรรมในช่วงคลื่นวิสิเบิล โดยกระบวนการโฟโตอิเล็กโตรคะตะไรซิส (Photoelectrocatalysis) ซึ่งพบว่า มีประสิทธิภาพในการกำจัดสีย้อมสูง สามารถใช้งานซ้ำใหม่ได้ และยังเป็นการใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานทดแทนได้อีกด้วย

ในส่วนของ โครงงาน “สารชีวภาพของสารสกัดหยาบจากหญ้าสาบแร้ง ควบคุมสาเหตุวงจรการเกิดโรคใบหงิกในมะเขือเทศพันธุ์สีดา” นายวิชชากร นันทัยเกื้อกูล กล่าวว่า โครงงานนี้เกิดจากการที่พวกตนเห็นว่ามะเขือเทศเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ทั้งการบริโภคในประเทศและส่งออก แต่มะเขือเทศมักถูกโรคใบหงิกเหลืองคุกคาม จึงทำให้ผลผลิตเสียหายได้เกือบ 100% โดยโรคนี้จะเกิดจาก 3 สาเหตุ คือ

  1. เชื้อไวรัส TYLCV ที่เป็นต้นเหตุของปัญหา
  2. แมลงพาหะที่นำเชื้อไปสู่พืช
  3. วัชพืชในแปลงที่เป็นแหล่งให้แมลงพาหะมาอาศัย

โดยเฉพาะในระหว่างที่เกษตรกรใช้สารเคมีกำจัดแมลงพาหะบนต้นมะเขือเทศ แมลงพาหะก็จะไปอาศัยในวัชพืชแทน ส่งผลทำให้เกษตรกรต้องใช้สารเคมีจำนวนมากในการกำจัด ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตและยังกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พวกตนจึงต้องการหาสารจากพืชวงศ์ Compositae ที่มีการรายงานฤทธิ์ทางชีวภาพว่าสามารถกำจัดไวรัส แมลง และวัชพืช มาควบคุมการเกิดโรค TYLC ได้มาแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งในที่สุดพวกตนก็ได้พบว่า “หญ้าสาบแร้ง” เป็นพืชที่เหมาะต่อการนำมาทำเป็นสารชีวภาพของสารสกัดหยาบจากหญ้าสาบแร้ง ด้วยมีสารที่สามารถควบคุมสาเหตุวงจรการเกิดโรคใบหงิกเหลือง (tomato yellow leaf curl) ในมะเขือเทศพันธุ์สีดาได้ โดยพวกตนได้ทำการทดลองทั้งในสภาพแปลงทดลอง และแปลงปลูกของเกษตรกร ซึ่งผลการทดลองที่ออกมาก็สอดคล้องกัน คือ

  1. แม้สารสกัดหยาบไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้ แต่มีผลต่อการชะลอการแสดงอาการของโรค
  2. กำจัดแมลง โดยเฉพาะแมลงหวี่ขาวที่เป็นพาหะของโรค
  3. สามารถกำจัดวัชพืชได้ ซึ่งจะทำให้ผลผลิตมะเขือเทศสูงขึ้น

ที่สำคัญสามารถลดการใช้สารเคมีสังเคราะห์ในการกำจัดศัตรูพืชของเกษตรกร จึงเป็นการช่วยลดต้นทุน รวมถึงอันตรายจากสารเคมีที่จะเกิดต่อตนเองและสิ่งแวดล้อมได้

ที่มา : www.matichon.co.th, Facebook Chutharat Chaingam 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง