หมูมิ้นท์-รุจิเรศ บุญผ่องศรี ดีเจคลื่น MONO FRESH 91.5 สาวร่างเล็ก ร่าเริงสดใส ที่ไม่ใช่แค่มีดีในสายของดีเจ พิธีกร นักแสดงในวงการบันเทิงเท่านั้น เพราะสาวมิ้นท์เรียนจบจากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร์ ศาสตร์ด้านคิดคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่ถือว่าเรียนจบยากมากๆ แต่เธอกลับเรียนจบออกมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 พร้อมๆ กับตรรกะวิธีคิดการใช้ชีวิตจากมหาลัยที่นำมาปรับตัวใช้ในการทำงานได้อย่างลงตัว
ย้อนวัยเรียนสาวนักคำนวณตัวยง หมูมิ้นท์-รุจิเรศ
ดีเจ Mono Fresh 91.5
จุดเริ่มต้นแรก ความอยากเรียนคณิตศาสตร์ประกันภัย
มิ้นท์เรียนสายวิทย์คณิตมาค่ะ แล้วตอนแรกเลยได้รู้จากอาจารย์ที่รร.ว่า ลูกสาวของอาจารย์เรียนคณิตศาสตร์ ประกันภัย ก็รู้สึกว่ามันโอเค แล้วอาจารย์ก็แนะนำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ ของธรรมศาสตร์มา แล้วเราก็สอบตรงติด แต่พอเข้ามาเรียนจริงๆ ปรากฏว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ มันเป็นคณิตศาสตร์สถิติมากกว่า ตอนแรกอยากจะซิ่ว แต่ตอนนั้นคือเราสอบได้ทุนแล้ว สอบได้ที่หนึ่งของสาขา สุดท้ายเรียนไปเรียนมา เราก็เรียนได้ดีด้วย ด้วยความที่ชอบคณิตศาสตร์อยู่แล้ว แล้วเลือกวิชาโทเป็นคอมพิวเตอร์ เพราะคอมฯ เป็นสิ่งที่คนต้องใช้อยู่แล้ว ก็น่าจะไปใช้ต่อในอนาคตได้ ก็เลยเรียนต่อจนจบได้เกียรตินิยมอันดับ 2
ตอนที่จบ จากในคณะที่มีกัน 30 คน จบกันออกมาแค่สิบกว่าคนเองค่ะ เพราะที่นี่เรียนยาก มันจะมีวิชาบังคับให้ได้ C ถึง 18 ตัว เลยซิ่วกันทั้งแถบ แต่เรารู้ตัวว่าไม่ใช่คนเก่ง ก็ต้องขยัน อ่านหนังสือให้เยอะ ทุกคนชอบบอกว่าตัวเองสมองไม่ดีไม่เก่ง มิ้นท์เองก็เรียนในห้องไม่เข้าใจเลย แต่ยิ่งเรารู้ว่าเราไม่เก่งแค่ไหน เราก็ต้องขยันมากกว่าคนอื่น ขยันแล้วก็ต้องเข้าหาอาจารย์ด้วย อาจารย์คะ อันนี้หนูทำถูกมั้ย ช่วยแนะแนวหน่อยค่ะ อย่ากลัวที่จะเข้าหาอาจารย์ เพราะถ้าเราอยู่เฉยๆ เราก็จะอยู่อย่างนี้ เกรดก็จะเน่าไปเรื่อยๆ เราก็ต้องพยายาม ต้องพัฒนาตัวเองมากขึ้น จะมัวอยู่เฉยๆ ไม่ได้
จากเด็กเนิร์ดสายคำนวณมาเป็นพิธีกรสายบันเทิง
เข้าวงการตอนปี 4 ก่อนหน้านี้มีความฝันอยากเข้าวงการ แต่ไม่กล้า กลัวโดนหลอก สุดท้าย พอได้เข้าประกวดแล้วดันชนะเลิศก็เลยโอเค ตอนจบแล้วก็ทำงานต่อเลย ส่วนที่เรียนมาทั้งหมด รู้สึกจะไม่ได้ใช้เลย ก็อยากจะรับสอนพิเศษให้เด็กเหมือนกันค่ะ แต่เป็นคนที่สอนแล้วไม่มีใครเข้าใจ (หัวเราะ) เราตั้งใจสอนนะ แต่น้องเขาติดเล่น สอนแล้วเขาติดเอฟ เลยไม่กล้าสอนใคร
แต่คือวิชาเรียนมันก็ทำให้กระบวนการคิดของเรามันโอเคขึ้น มันสอนให้เรามีกระบวนการคิดเยอะกว่าคนอื่นในระดับหนึ่ง ก็ไม่รู้สึกว่าเสียใจเลยที่เรียนมาแล้วไม่ได้ใช้ เพราะอย่างน้อยในอนาคตมันต้องเอาไปต่อยอดได้แน่ๆ
กดดันตัวเองเพื่อพัฒนา และแพลนธุรกิจในอนาคต
ตอนนี้ก็ได้มีโอกาสทำหลายอย่าง ทั้งพิธีกร ดีเจ งานแสดง แต่เราก็กดดันตัวเองเหมือนกันว่าบางอย่างเราทำไม่ดี เราต้องพัฒนานะ อย่างการแสดง ก็ต้องฝึกให้เล่นมาจากความรู้สึกข้างใน เวลาไปกอง พอถึงเวลาแสดงจริง ทุกคนจะรู้ว่ามิ้นท์จริงจังมาก คือต้องมีพื้นที่ของตัวเองว่าให้ชั้นท่องบทเถอะ บางทีสคริปต์ยาวมาก กลัวว่าเราจะเป็นตัวถ่วงคนอื่นเขา บ่อยมากที่แอบมีร้องไห้ในกอง แต่ทุกคนก็จะคอยให้กำลังใจตลอด สุดท้ายมันก็ผ่านมาได้
อย่างงานดีเจก็ต้องพยายามฝึกพูดให้ชัดขึ้นและช้าลง บางทีเรามีความสุขในการทำงาน ก็จะติดเล่นเกินไป เราจัดคู่ก็มีแย่งกันพูดบ้าง ก็ต้องฝึกให้มีสติในการทำงานมากขึ้น แต่ก็ยังจะพยายามคีพความเป็นตัวเองให้มากที่สุด
สำหรับมิ้นท์ตอนนี้ก็เริ่มคิดถึงอนาคตมากขึ้น ไม่ใช่แค่การแสดง แต่เราต้องมีธุรกิจของตัวเอง อย่างตอนนี้ก็เริ่มทำธุรกิจร้านอาหารกับพี่สาว มันยากมาก เพราะเราจะทำให้มันเป็นร้านใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ก็ต้องคุมคนเยอะขึ้น แต่ก็มีพี่กับน้องที่ช่วยๆ กัน จนมันเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ทุกวันนี้ก็จะคิดถึงครอบครัวเป็นอันดับแรก ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะมิ้นท์มาอยู่กรุงเทพฯ กับพี่สาว แต่มีอะไรก็จะโทรไปคุยกับพ่อแม่ตลอด แต่ก็ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นมาก เพราะเรารู้ว่าเขาเป็นห่วงเรา
ติดตามได้ในคอลัมน์ Interview นิตยสาร Campus Star No.54