คึกคักสุด ๆ สำหรับเวทีการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ (Miss Universe Thailand 2019) เพื่อเฟ้นหาสาวงามตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการประเวทีระดับโลกอย่าง Miss Universe 2019 ในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ ก็จะพาทุกคนมารู้จักกับหนึ่งสาวงามจากเวทีการประกวด MUT 2019 กันค่ะ นั่นก็คือ ผู้เข้าประกวดหมายเลข 13 ญาดา พิมพ์นารา ยมภักดี บัณฑิตสาขาธุรกิจระหว่างประเทศ จากรั้ว ม.เกษตรศาสตร์
เป้าหมายมีไว้ลงมือทำ ญาดา พิมพ์นารา บัณฑิต ม.เกษตรฯ
– เลือกเรียนจากสิ่งที่ชอบ การเรียนรู้ควรเน้นปฏิบัติมากกว่าการเรียนทฤษฎีอย่างเดียว –
ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาสาวสวยหน้าอินเตอร์คนนี้กันมาบ้างแล้ว จากผลงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา เล่นหนังสั้น และเคยสมัครเข้าร่วมการประกวด GSB GEN CAMPUS STAR 2018 (รอบภาคกลาง)
และในบทความนี้ ญาดา พิมพ์นารา จะมาเผยเคล็ดลับการค้นหาตนเองเลือกเรียนในแบบที่ใช่ในคณะวิทยาการจัดการ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ พร้อมมุมมองความคิดเกี่ยวกับการศึกษาของไทย และจุดเริ่มต้นของการเข้ามาประกวด Miss Universe Thailand 2019 นี่อีกด้วยค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว…ไปรู้จักอีกหนึ่งแง่มุมของสาวสวยหน้าอินเตอร์คนนี้กันได้เลยค่ะ
ม้ามืดรอบพรีลิม ญาดา พิมพ์นารา ยมภักดี เดินดีมาก สู้สุดใจมาก
Link : seeme.me/ch/women/qbVr5n
ประวัติส่วนตัว
ญาดา พิมพ์นารา ยมภักดี เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2540 (ปัจจุบันอายุ 22 ปี) สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะวิทยาการจัดการ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา
เลือกเรียนจากสิ่งที่ชอบ
ถามว่าทำไม ญาดาถึงได้เลือกเรียนในสาขาธุรกิจระหว่างประเทศนั้น ก็เพราะว่าหนูเลือกเรียนจากความชอบก่อนเลยค่ะ คือจริง ๆ แล้ว หนูเลือกจะเข้าสาขานี้ก่อนที่จะเลือกมหาวิทยาลัยอีกค่ะ เนื่องจากในตอนนั้นหนูอยากทำงานที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ เพราะคิดว่ามันน่าจะมีโอกาสและได้ประสบการณ์ที่ดี พร้อมทั้งยังทำให้เราได้เรียนรู้หลาย ๆ อย่างอีกมากมายเลยค่ะ
เน้นสอนด้านธุรกิจ มากกว่าภาษา
จริง ๆ แล้วคนทั่วไปมักจะคิดว่าเราจะต้องเก่งภาษาอังกฤษ หรือเรียนเกี่ยวกับภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐานใช่ไหมคะ แต่ว่าจริง ๆ แล้วสาขานี้เน้นการเรียนการสอนเกี่ยวกับการทำธุรกิจระหว่างประเทศ เช่น รูปแบบของการเข้าไปทำงานต้องมีอะไรบ้าง หรือว่าเรียนเกี่ยวกับการเขียนใบแจ้งหนี้ (invoice) หรือใบตราส่งสินค้าทางทะเล (BILL OF LADING : BL) ฯลฯ ซึ่งสาขานี้จะเน้นการสอนไปด้านการทำธุรกิจมากกว่าด้านภาษาค่ะ
ภาษาที่สาม ก็สำคัญมากเช่นกัน
อย่างที่เราหลาย ๆ คนรู้กันค่ะว่า ภาษาที่สามเป็นภาษาที่สำคัญและจำเป็น เพราะถ้าเรายิ่งรู้หลายภาษา เราก็ยิ่งมีโอกาสในการทำงานที่มากขึ้น เช่น ภาษาที่สามอย่างภาษาจีน ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนี้ เพราะว่าจีนเป็นอีกหนึ่งประเทศมหาอำนาจ มีกำลังซื้อสูง และถ้าเรารู้ภาษาจีน เราก็ยิ่งจะได้เปรียบในการเข้าไปทำธุรกิจกับเขา อันนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ
แต่ถ้างานของคุณไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงญาดาก็คิกว่า เราก็ควรที่จะต้องเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ เพื่อพัฒนาตนเอง เพราะไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะได้ไปทำงานที่ต่างประเทศ หรือที่จีนก็ได้ค่ะ
มองไปปลายสุดของเป้าหมาย เพื่อค้นหาตนเอง
ถ้าเป็นวิธีของญาดา ญาดาจะมองแบบไปถึงจุดปลายสุดของตนเองเลยว่า ที่สุดแล้วอยากทำงานอะไร แล้วค่อย ๆ ย้อนกลับมาทีละขั้นตอนของการค้นหาตนเอง ซึ่งในตอนนั้นญาดาคิดว่า อยากทำงานที่เกี่ยวข้องกับระหว่างประเทศ ญาดาเลยคิดว่าอยากเป็นแอร์โฮสเตสดีไหม หรือว่าทำอะไรดี จนในที่สุดก็ได้มาเจอคณะวิทยาการจัดการ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ ก็ได้เลือกสาขาก่อนแล้วค่อยเลือกมหาวิทยาลัยค่ะ
มุมมองด้านการศึกษาไทย
สำหรับญาดาคิดว่า การศึกษาไทยเน้นการเรียนรู้แบบทฤษฎีมากเกินไป คือถ้าวัดความรู้ วัดเนื้อหาของเด็กไทย ญาดาคิดว่าเก่งไม่แพ้ของชาติใดเลย แต่พอมาในด้านการปฏิบัติจริง เราไม่สามารถนำความรู้ด้านทฤษฎีมาใช้ในภาคปฏิบัติจริงกันได้อย่างเต็มที่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก
ญาดาคิดว่า เราควรที่จะเน้นทางด้านปฏิบัติให้มากขึ้น และก็ควรที่จะเน้นวิชาเสริมมากกว่าที่ไม่ใช่แค่วิชาการอย่างเดียว เช่น เน้นการเรียนด้านดนตรี เรียนกีฬา หรือว่าอะไรหลาย ๆ อย่างที่ควรใส่มาเพิ่มให้มากยิ่งขึ้นค่ะ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ค้นพบตัวเองมากขึ้น
ใบปริญญานั้นก็มีความสำคัญ
สำหรับญาดายังคิดว่า ยังคงมีความสำคัญอยู่ค่ะ แต่ว่าไม่ใช่แค่ว่าใบปริญญาเพียงอย่างเดียวแล้วก็จะตัดสินได้ทุกอย่าง แต่ว่ามันควรที่จะตัดสินจากหลาย ๆ องค์ประกอบด้วยกันค่ะ อย่างเช่น ถ้ามันเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะความรู้ ใบปริญญาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณา และยังต้องมีการสอบเข้าทำงานในบริษัทอีกส่วนหนึ่งค่ะ แต่ถ้ามันเป็นงานที่เหมือนต้องใช้ประสบการณ์มากกว่า หรือการลงมือทำมากกว่า จริง ๆ ใบปริญญามันอาจจะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญรองลงมาค่ะ
จุดเริ่มต้นของการประกวด MUT 2019
จริง ๆ แล้ว ญาดามีลิสต์ในชีวิตของตนเองว่าอยากทำอะไรบ้าง และหนึ่งในนั้นก็คือ การประกวดนางงาม หลังจากเวที MU มาจัดการประกวดที่ไทย ญาดาก็ได้เห็น แคทรีโอน่า เกรย์ MU 2018 เขาสโลว์โมเทิร์นในครั้งนั้น ก็ทำให้ญาดาติดตามการประกวด และพอได้มาเห็น TPN จัดงานประกวดอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมทั้งได้ยินเสียงดนตรี เสียงเพลง ที่เป็นเสียงดนตรีไทย
ซึ่งหนูเป็นคนที่ชอบเดินแบบอยู่แล้ว พอได้ยินเสียงก็ยิ่งทำให้หนูอยากเดินมาก และอย่างช่วงต้นปีเดือนมกราคมที่ผ่านมา หนูก็เอาเพลงมาซ้อมเดินก่อนเลย ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าจะลงประกวดเวทีไหน และพอเวที MUT 2019 เปิดรับสมัคร หนูก็ลงสมัครเลยแบบสองวินาทีสุดท้ายก่อนจะหมดเวลารับสมัคร และมันก็ผ่านมาได้ ทำให้หนูมีความสุขมาก ๆ ที่ได้ตัดสินใจมาประกวดเวทีนี้
ความยากของประกวดครั้งนี้
ญาดา คิดว่าการประกวดนางงามเป็นอะไรที่ยากมาก ๆ เพราะว่ามันต้องใช้ทักษะหลายอย่างมาก ๆ อย่างแรกเลยก็คือ คุณต้องมีสติในทุก ๆ สถานการณ์ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการพูด การเดิน หรือว่าทำอะไรก็ต้องคีบคาเรกเตอร์นางงามเอาไว้ตลอด อย่างที่สองก็คือ ต้องมีความอดทน เพราะว่าเราฝึกกันทุกวัน ทั้งวันเลย ตั้งแต่เช้ายันค่ำ
ส่วนอย่างที่สามก็คือ ทักษะการพูดในสถานที่สาธารณะ การตอบคำถาม และอย่างที่สี่ ก็ต้องใช้ทักษะในการเดิน เพราะว่าการประกวดเขาตัดสินจากการเดินด้วยค่ะ ดังนั้นเราจึงต้องพยายามพัฒนาให้ดีในทุก ๆ ด้าน ถือว่าเป็นการท้าทายมากเลยทีเดียว แต่ญาดาก็จะต้องทำให้เต็มที่สุด และไปถึงเป้าหมายของตนเองให้ได้ค่ะ
งดงามอย่างไทยสุดดดด ญาดา พิมพ์นารา ผู้เข้าประกวด MUT 2019
ปังมากค่าาาาาา
10 สาวงาม เปิดใจความพร้อมสู่ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019
Link : seeme.me/ch/goodmorningthailand/qvey6v
รวมภาพ ญาดา พิมพ์นารา ผู้เข้าประกวด MUT 2019
ขอบคุณภาพจาก IG : @pimyax และ Facebook : Pimnara Yompakdee
** บทความสัมภาษณ์โดย Campus-star **