สทศ. เตรียมจัดทำข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ FRELE-TH ให้เด็ก ม.6 ใช้สอบ

น้อง ม. 6 เตรียมตัว อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงข้อสอบภาษาอังกฤษ ที่ใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัย เพราะในวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 หน่วยงานที่ดูแลเรื่องการศึกษา และ สทศ. ออกมาแจ้งว่า การทดสอบภาษาอังกฤษชั้น ม.6 ที่ สทศ. จัดทำขึ้นมา เพื่อให้เด็กๆ นำไปใช้ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย นั้นยังไม่ตอบโจทย์การรับเด็กเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยมากพอ จึงวางแผนที่จะนำแบบทดสอบ FRELE-TH มาใช้แทน

สทศ. เตรียมจัดทำข้อสอบ FRELE-TH ให้เด็ก ม.6 ใช้สอบ

ข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษส่วนกลางที่ใช้ทดสอบ เพื่อใช้ไปยื่นคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัย นั้นจะต้องออกให้คนสอบจำนวน 3-4 แสนคน และต้องตรวจข้อสอบให้เสร็จภายใน 1 เดือน ทำให้ต้องออกข้อสอบ ที่เป็นลักษณะข้อสอบปรนัย แต่ข้อสอบนั้นยังไม่ตอบโจทย์ของมหาวิทยาลัย และไม่เป็นประโยชน์ในการคัดเลือกเด็กเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เพราะแต่ละคณะสาขาก็ต้องการเน้นเฉพาะเรื่องที่ต่างกัน เช่น ขณะที่บางสาขาเน้นเรื่องการพูด บางสาขาเน้นการเขียน เป็นต้น แต่คะแนนสอบที่ได้ออกมาเป็นคะแนนสอบในภาพรวมไม่สามารถชี้วัดทักษะในแต่ละด้านได้

ปรับใช้ข้อสอบ CEFR เพื่อพัฒนามาตรฐานคะแนนสอบ

และหลังจากที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา และ สทศ. ได้หารือกันแล้ว ก็ได้ข้อสรุปว่าจะนำข้อสอบแบบใหม่มาใช้ โดยข้อสอบนั้นคือ Framework of Reference for English Language Education in Thailand based on the CEFR (FRELE-TH) ข้อสอบนี้มีที่มาจากข้อสอบ Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) ที่ใช้วัดมาตรฐานภาษาอังกฤษสำหรับคนที่จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของต่างประเทศ

สทศ. จึงได้นำข้อสอบ CEFR มาเป็นตัวอ้างอิง ในการปรับข้อสอบให้เป็นมาตรฐานสำหรับคนไทย ตามกรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาอังกฤษของประเทศไทย หรือ FRELE-TH เพื่อใช้เป็นตัวชี้วัดมาตรฐานว่า คนไทยที่จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรจะมีความรู้ ฟัง พูด อ่านเขียนภาษาอังกฤษเป็นอย่างไร โดยให้สถาบันภาษาทุกแห่งช่วยกันพัฒนาการสอบ และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยนำปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ เข้ามาช่วยด้วย

12 มหาวทิยาลัยนำร่อง ใช้ผลสอบ FRELE-TH

การพัฒนาข้อสอบในครั้งนี้นอกจากหน่วยงานภาครัฐที่ทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นมาแล้ว ยังมีความร่วมมือในการพัฒนาข้อสอบจากสถาบันอุดมศึกษาอีก 12 แห่งด้วย ซึ่งผลสอบ FRELE-TH จะสามารถนำไปใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยทั้ง 12 ชื่อ ดังต่อไปนี้

  1. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  2. มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  3. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  4. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  5. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  6. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
  7. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
  8. มหาวิทยาลัยมหิดล
  9. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  10. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  11. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  12. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ที่มา :  matichon online

บทความแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง