เชื่อได้เลยว่า น้อง ๆ หลายคนจะต้องเคยได้ยินคำว่า การแพทย์แผนไทย (หรือ การแผนแพทย์โบราณ) และการแพทย์แผนไทยประยุกต์ กันมาบ้างแล้วอย่างแน่นอน ซึ่งน้อง ๆ บางคนอาจจะรู้ว่าคณะ/สาขาวิชานี้เรียนเกี่ยวกับอะไร และจบออกมาแล้วสามารถทำงานอะไรได้บ้าง แต่ก็ยังมีน้อง ๆ บางคนที่ยังไม่รู้กันแน่นอนว่าการเรียนแพทย์แผนไทยนั้นจะต้องเรียนอะไรบ้าง
อีกหนึ่งคณะน่าเรียน การแพทย์แผนไทย
ในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ ก็ได้รวบรวมข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับการเรียนด้านนี้มาฝากด้วยจ๊ะ พร้อมทั้งยังมีรายชื่อสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทยประยุกต์ มาให้น้อง ๆ ได้ศึกษากันก่อนตัดสินใจเรียนต่อ อีกด้วย
การแพทย์แผนไทย เรียนอะไรบ้าง?
สำหรับ การแพทย์แผนไทย หรือ การแพทย์แผนโบราณ (Thai Traditional Medicine) จะเป็นการรักษาโดยใช้ทฤษฎีความสมดุลของธาตุต่าง ๆ ในร่างกายเข้ามาช่วยในการรักษาผู้ป่วย ผสมผสานเข้ากับองค์ความรู้จากวัฒธรรมของอินเดีย พุทธศาสนา และองค์ความรู้ที่พัฒนาขึ้นมาเอง และครูการแพทย์แผนไทยคนแรกของไทย ได้แก่ ท่านชีวกโกมารภัจจ์
โดยการแพทย์แผนไทยเป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่เริ่มตั้งแต่ ตรวจ วินิจฉัย บำบัด และป้องกันโรค การส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพของมนุษย์และสัตว์ การผดุงครรภ์ การนวดไทย นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการผลิตยาแผนไทย อีกด้วย ซึ่งจะเป็นการอาศัยความรู้จากหมอยาโบราณหรือตำราที่ถูกถ่ายทอดกันมารุ่นต่อรุ่น
ทั้งนี้ การเรียนแพทย์แผนไทยจะเน้นให้ผู้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการซักถามประวัติของผู้ป่วยอย่างถูกวิธี โดยจะไม่เน้นการสืบหาสาเหตุการเกิดโรคมากเท่าที่ควรว่าเกิดจากอะไร มาจากเชื้อหรือไวรัสตัวไหน แต่จะเน้นเรื่องการรักษาโรคที่เกิดขึ้นมาแล้วมากกว่า โดยจะใช้วิธีทางธรรมชาติเข้ามารักษา และอีกหนึ่งเรื่องที่การแพทย์แผนไทยไม่เน้นเลยก็คือ เทคนิคทางศัลยกรรม
นักศึกษาแพทย์แผนไทย “มด-ทาโร่” ม.สงขลานครินทร์
นอกจากเรื่องการรักษาแล้ว ผู้เรียนยังจะต้องเรียนรู้เรื่องยาที่จะนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วย อีกด้วย ซึ่งน้อง ๆ จะได้ฝึกปฎิบัติตรวจวินิจฉัยโรคและจ่ายยารักษาผู้ป่วยจริง และยังจะต้องเรียนรู้เรื่องสมุนไพรเพื่อจะนำมาใช้ทำยาด้วยทั้งในรูปแบบสดและแห้ง เช่น แบบผง ครีม เจล แคปซูล เป็นต้น
ส่วน การแพทย์แผนไทยประยุกต์ เป็นการนำเอาความรู้ด้านแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบันมาร่วมกัน เพื่อหาวิธีการรักษาผู้ป่วยให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด แต่จะมีเครื่องมือทางการรักษา (บางอย่าง) ที่แตกต่างกับแพทย์แผนปัจจุบัน สามารถวินิจฉัยโรคตามหลักการแพทย์แผนปัจจุบันได้ เพียงแต่เมื่อถึงขั้นตอนการรักษานั้น จะรักษาด้วยวิธีการแพทย์แผนโบราณ เช่น ใช้ยาสมุนไพร นวด อบ ประคบ ฯลฯ นอกจากนี้ยังสามารถทำคลอด ให้การบำรุงแม่และทารกได้ ตามแนวทางการแพทย์แผนไทย
การเรียนในคณะ/สาขาวิชานี้จะใช้เวลาในการเรียนประมาณ 4 ปี ถึง 6 ปี ขึ้นอยู่กับหลักสูตรการเรียนการสอนของแต่ละมหาวิทยาลัย และเมื่อน้อง ๆ เรียนจบออกมาแล้วจะต้องสอบใบประกอบวิชาชีพฯ ให้ได้เสียก่อน (เหมือนกับแพทย์ พยาบาล เภสัช วิศวกร) ถึงจะสามารถประกอบอาชีพได้นะจ๊ะ
คุณสมบัติของผู้เรียน…
1. ต้องสำเร็จการศึกษาในระดับชั้น ม.6 หรือเทียบเท่า ในแผนการเรียนวิทย์-คณิต
2. มีความประพฤติดี มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่เจ็บป่วยหรือเป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือมีความผิดปกติที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษา และ/หรือต่อการประกอบวิชาชีพ
3. มีคุณสมบัติอื่น ๆ ครบถ้วนตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด (ขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยว่าจะกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครเอาไว้ว่าต้องมีอะไรบ้าง)
จบแล้วทำงานอะไรได้บ้าง?
1. เป็นแพทย์แผนไทยรักษาโรคต่างๆ มากกว่า 400 โรค/อาการที่ถูกตามกฎหมาย
2. ที่ปรึกษาทางธุรกิจสุขภาพความงามและสปา
3. เป็นเภสัชกรแพทย์แผนไทยควบคุมโรงงานผลิตยาสมุนไพร
4. ทำธุรกิจส่วนตัว ปรุงยาหรือผลิตยา และจำหน่ายสมุนไพรทั้งยาเดียวและยาตำรับ จำหน่ายเองได้
5. ผู้ให้บริการด้านสปาหรือสถานบริการสุขภาพ เพื่อการรักษา (Medical Spa) ทั้งในและต่างประเทศ
6. เป็นครู/อาจารย์ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
7. นักวิชาการการแพทย์แผนไทยประจำโรงพยาบาล หรือคลีนิกการแพทย์แผนไทย (ถูกต้องตามกฎหมาย) ฯลฯ
มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน
1. วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
เป็นหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีเนื้อหาครอบคลุมด้านการแพทย์แผนตะวันออก ประกอบด้วย การแพทย์แผนไทย (เวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย การนวดไทย และการแพทย์พื้นบ้านไทย) การแพทย์แผนจีน และการแพทย์อายุรเวทของอินเดีย ที่เน้นการอนุรักษ์ วิจัย และพัฒนาอย่างครบวงจร
บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรนี้เมื่อจบออกไปแล้วสามารถนำความรู้ด้านการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์แผนไทยมาตรวจวินิจฉัยโรคได้ มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสมุนไพร การส่งเสริมสุขภาพและความงาม ฯลฯ
เว็บไซต์ วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต : คลิกที่นี่
2. คณะการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
เป็นหลักสูตรการเรียนการสอนที่น้อง ๆ จะเรียนรู้เกี่ยวกับ เวชกรรมไทย คือการตรวจโรค การหาสาเหตุของการเกิดโรค และการวางแผนการรักษาโรค, เภสัชกรรมไทย คือเรียนรู้สรรพคุณเภสัช คณาเภสัช และเภสัชกรรม (การปรุงยาแผนไทย), ผดุงครรภ์ไทย คือการดูแลสุขภาพแม่และเด็ก ทั้งก่อน-ระหว่าง-หลังคลอด และนวดไทย คือเรียนรู้การนวดพื้นฐาน นวดราชสำนัก นวดเพื่อการรักษา นวดบริการสุขภาพ ฯลฯ
เพื่อผลิตบัณฑิตทางด้านการแพทย์แผนไทย ที่สามารถนำความรู้และทักษะทางด้านนี้ไปประกอบวิชาชีพได้เป็นอย่างดี มีทักษะในเชิงวิชาชีพ การสื่อสาร การจัดการ และการวิเคราะห์ พร้อมทั้งสามารถผสมผสานความรู้ทางด้านแพทย์แผนไทยและแผนปัจจุบันให้เกิดเป็นความรู้ที่เอื้อประโยชน์ต่อสังคมและการพึ่งตนเองด้านสุขภาพ
เว็บไซต์ คณะการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ : คลิกที่นี่
3. วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
สำหรับหลักสูตรการเรียนการสอนของที่นี่จะแบ่งออกเป็น 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรการแพทย์แผนไทยประยุกต์บัณฑิต สาขาวิชาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสุขภาพความงามและสปาไทย
โดยหลัก ๆ แล้ว ทั้ง 2 หลักสูตรจะเรียนเกี่ยวกับศาสตร์ทางด้านการแพทย์แผนไทยเป็นหลัก และความรู้ด้านอื่น ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้ร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดูแลรักษา บำบัด ผู้ป่วยหรือบุคคลทั่วไปให้ดีขึ้นจากอาการที่เป็นอยู่
เว็บไซต์ วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี : คลิกที่นี่
4. คณะการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร มหาวิทยาลัยบูรพา
หลักสูตรการเรียนการสอนการแพทย์แผนไทยประยุกต์นี้เป็นความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยบูรพาและโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โดยในชั้นปีที่ 1-2 น้อง ๆ จะเรียนที่มหาวิทยาลัยบูรพา ส่วนในชั้นปี 3-4 จะเรียนที่วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี สถาบันพระบรมราชชนก
โดยจะมีการแบ่งการเรียนการสอนเป็นแบบภาคการศึกษาภาคปกติ ภาคทวิภาค โดยใน 1 ปีการศึกษาจะเแบ่งออกเป็น 2 ภาคการศึกษา คือ ภาคต้นและภาคปลาย ตามลำดับ ทั้งนี้นักศึกษาจะได้เรียนรู้วิชาแพทย์แผนไทยทั้ง 4 สาย ได้แก่ เวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย หัตถเวชไทย และผดุงครรภ์อนามัย
เว็บไซต์ คณะการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร มหาวิทยาลัยบูรพา : คลิกที่นี่
5. วิทยาลัยสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
สำหรับสาขาวิชาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ วิทยาลัยสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (วิทยาเขตสมุทรสงคราม) เป็นหลักสูตรการเรียนสอนที่เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน
เน้นการสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ทักษะ และวิสัยทัศน์ ผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาทางการแพทย์ของไทยกับวิชาการแพทย์แผนปัจจุบัน มีความสามารถประยุกต์ใช้องค์ความรู้เพื่อการรักษาโรค การป้องกันโรค การฟื้นฟูและส่งเสริมสุขภาพของประชาชน พร้อมถึงคุณธรรม จริยธรรม และเจตคติอันดีงาม ต่อการประกอบวิชาชีพ
เว็บไซต์ วิทยาลัยสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา : คลิกที่นี่
เจษฎาพาลุย : “ยาปราบชมพูทวีป” มหัศจรรย์การแพทย์แผนไทย
Link : https://seeme.me/ch/goodmorningthailand/k5e3bk
นอกจากทั้ง 5 สถาบันการศึกษาที่เราได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ยังมีสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ที่เปิดสอนทางด้านนี้อีกมากมาย ได้แก่
– คณะแพทยศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
– คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.นเรศวร
– คณะแพทยศาสตร์ ม.พะเยา
– คณะแพทยศาสตร์ ม.มหาสารคาม
– คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล
– สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ม.แม่ฟ้าหลวง
– คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มรภ.พระนคร
– คณะวิทยาการสุขภาพและการกีฬา ม.ทักษิณ
– คณะวิทยาศาสตร์ ม.รามคำแหง
– คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มทร.ศรีวิชัย
– คณะทรัพยากรธรรมชาติ มทร.อีสาน
– วิทยาลัยการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก มรภ.เชียงราย
– คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา
– วิทยาลัยมวยไทยศึกษาและการแพทย์แผนไทย มรภ.หมู่บ้านจอมบึง
– คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มรภ.สุรินทร์
– คณะแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก มรภ.อุบลราชธานี
– วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดยะลา สถาบันพระบรมราชชนก
– สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช
– วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดชลบุรี สถาบันพระบรมราชชนก
– วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดพิษณุโลก สถาบันพระบรมราชชนก
บทควาที่น่าสนใจ
- การแพทย์แผนไทย จากอดีตสู่ปัจจุบัน | แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ตำราแห่งชาติฉบับแรก
- 6 ลักษณะนิสัยที่ดีที่ควรมี สำหรับคนที่อยากเรียนต่อแพทย์ – อยากเป็นหมอ
- สาธารณสุขศาสตร์ คณะน่าเรียน สำหรับคนที่ชอบงานวิจัย วิเคราะห์ ตรวจสอบ และป้องกัน
- เรียนแพทย์ 6 ปี ต้องเจออะไรบ้าง? ใช้คะแนนอะไรในการสอบเข้า? | มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน
- สัมภาษณ์พิเศษ นักศึกษาแพทย์แผนไทย “มด-ทาโร่” ม.สงขลานครินทร์ (มอ.)