4 เคล็ดลับเด็ด ส่งเรซูเม่ให้เตะตา HR บริษัทต่างชาติ

4 เคล็ดลับเด็ด ส่ง “เรซูเม่” ให้เตะตา HR บริษัทต่างชาติ

Home / บทความการทำงาน / 4 เคล็ดลับเด็ด ส่ง “เรซูเม่” ให้เตะตา HR บริษัทต่างชาติ

ตั้งแต่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สมาคมอาเซียน คนไทยก็เริ่มสอดส่องหางานบริษัทต่างชาติมากขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะด้วยสวัสดิการที่มากกว่า หรือสภาพแวดล้อมที่มีโอกาสประสานงานกับชาวต่างชาติก็แล้วแต่ ทำให้การเขียนเรซูเม่ดี ๆ เตะตา HR ดูจะเป็นกำแพงขั้นแรกที่บุคคลเหล่านี้ต้องพยายามฟันฝ่าไปให้ได้ซะก่อน แต่เพราะคนไทยยังติดการเขียนเรซูเม่ที่มีเนื้อหาเหมือนโปรไฟล์หรือ Portfolio ซะส่วนใหญ่ ทำให้แม้บางครั้งประสบการณ์ทำงานของคุณจะดี ประวัติการศึกษาเป็นเลิศ แต่มันกลับไม่สร้างความแปลกใหม่จน HR ไม่สนใจจะเปิดอ่าน เป็นเหตุให้ iPrice บริษัทต่างชาติที่ทำการตลาดมากถึง 7 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หยิบหยกเทคนิคการเขียนเรซูเม่ยังไงให้เข้าตา HR มานำเสนอถึง 4 ข้อเน้น ๆ ด้วยกัน มีอะไรบ้างมาดูกันเลย

ส่ง เรซูเม่ ให้เตะตา HR บริษัทต่างชาติ

1. ไฮไลท์เด็ดในเรซูเม่ต้องมี

อย่าส่งอีเมลโล้น ๆ ต้องมีไฮไลท์เด็ดในเรซูเม่ประกอบด้วย

แม้ปัจจุบันคนไทยจะหางานผ่านเว็บไซต์พร้อมส่งใบสมัครด้วยระบบอัตโนมัติซะส่วนใหญ่เพราะมันสะดวกดี แต่ขอบอกเลยว่าบริษัทใหญ่ ๆ หรือบริษัทต่างชาติมัก Ignore ใบสมัครเหล่านี้ เหตุเพราะมันเป็นวิธีเดียวกับที่คนนับร้อยนับพันเขาก็ส่งไปกัน แถมยังเพิ่มงานให้ HR ต้องมานั่งคัดแยกเพิ่มอีกต่างหาก ทางที่ดีคุณควรดูข้อมูลบริษัทและส่งอีเมลส่วนตัวไปหาพร้อมแนบเรซูเม่ และ CV ไปด้วยจะช่วยเพิ่มความสนใจให้ HR มากกว่า

มากไปกว่านั้น อย่าลืมเขียนอีเมลแนะนำตัวคร่าว ๆ และหลีกเลี่ยงการใช้ข้อความแบบโรบอต เช่น “สมัครงานค่ะ ฝากพิจารณาด้วยนะคะ” หรือ “ผมสนใจในตำแหน่งการตลาดครับ ฝากพิจารณาใบสมัครด้วยนะครับ” ถ้าจะถามว่าทำไม ง่าย ๆ ให้คุณลองคิดภาพคุณเปิดกล่องขาเข้าในอีเมลที่เต็มไปด้วยข้อความเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เป็นคุณก็คงไม่อยากกดเข้าไปอ่านเหมือนกัน ทางที่ดีควรระบุตำแหน่งงานให้ชัดเจน แนะนำตัวและแจ้งจุดประสงค์ที่ส่งอีเมลมาควบคู่ไปด้วย เช่น

//////////////////

หัวข้ออีเมล : สมัครงานตำแหน่งการตลาดออนไลน์

สวัสดีครับ (ชื่อผู้รับสมัครหรือบริษัทที่เปิดรับสมัคร)

สวัสดีครับผมชื่อ นาย ก. เรียนอยู่ที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผมทราบว่าบริษัทของคุณได้เปิดรับสมัครตำแหน่งการตลาดออนไลน์จำนวนหนึ่งตำแหน่ง เนื่องจากผมศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 เมเจอร์การตลาด ผมจึงมีความสนใจอย่างมากที่จะเข้าร่วมทำงานและเป็นส่วนหนึ่งของทีมครับ (ในส่วนนี้ให้บ่งบอกถึงความสนใจในตัวงาน)

ผมแนบใบสมัคร, เรซูเม่ และ CV ของผมมาพร้อมอีเมลฉบับนี้

ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผมจะได้รับการพิจารณาและได้รับโอกาสได้เข้าพูดคุยกับคุณในโอกาสต่อไป

ขอบพระคุณอย่างสูง
นาย ก.

//////////////////

เพียงการเขียนอีเมลแนะนำตัวเองง่าย ๆ เท่านี้ ก็จะทำให้บริษัทเห็นว่าคุณสามารถแนะนำตัวเองให้บริษัทจดจำได้ และที่สำคัญบริษัทก็พร้อมที่จะเปิดเรซูเม่ของคุณขึ้นมาพิจารณาไปด้วยเช่นกัน อย่างน้อยก็อยากเห็นหน้าไว้ก่อนแหละ

2. เนื้อหาเป๊ะ กระชับ และแตกต่าง

ส่วนใหญ่เรซูเม่ของคนไทยจะมีเนื้อหาคล้าย ๆ กัน คือใส่ข้อมูลเข้าไปให้เยอะ ๆ แต่เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ทุกคนมีอยู่แล้ว HR เลยมองผ่านเพราะไม่ดึงดูดความสนใจมากพอ เช่น ทักษะทางคอมพิวเตอร์ Excel, Word และ Powerpoint หรือ ทักษะทางภาษาอย่างอังกฤษ และภาษาไทย เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่สามารถช่วยในการตัดสินใจใด ๆ ได้เลย ถ้าคุณจะใส่ต้องแนบรายละเอียดเข้าไปเพิ่มอย่าง Excel สามารถทำ Vlookup หรือ Pivotable ได้ ส่วนภาษาก็ควรใส่ระดับภาษาของคุณลงไป เช่น ภาษาอังกฤษ เคยไปสอบโทอิคมาได้คะแนนเท่าไหร่ เป็นต้น

แต่อย่าลืมว่า คนอื่นก็ใส่ได้เหมือนกัน เผลอ ๆ อาจมีรายละเอียดหรูเลิศกว่าคุณก็เป็นได้ ทางที่ดีควรใส่ความสามารถทางด้านโปรแกรมที่หลากหลาย อย่าโฟกัสเพียง Microsoft เท่านั้น ยิ่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซกำลังมาแรง หากคุณลองศึกษาเครื่องมือจำพวก Google Analytics หรือ Google Adwords ดูสักระยะจะทำให้คุณมีภาษีดีกว่าคนอื่น ๆ ได้ แม้บริษัทนั้น ๆ จะไม่ได้ทำธุรกิจแนวนี้ แต่มันก็สื่อให้คุณดูแปลกใหม่ไม่จำเจจน HR อยากเรียกมาดูตัวก็เป็นได้

3. ใช้ภาษาให้สวยหรู

ใช้ภาษาให้สวยหรูเข้าไว้ แม้จะเคยได้เกรด 0 วิชาภาษาอังกฤษมาแล้ว

แน่นอนว่าปัจจุบันทักษะภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทในการคัดคนเข้าทำงานมากขึ้น จนบางคนที่พูด อ่าน เขียนได้แค่ภาษาไทยอย่างเดียวดูจะหมดกำลังใจไปเลย แต่คุณสามารถลดจุดด้อยนี้ออกไปได้เพียงเขียนเรซูเม่ภาษาเป๊ะ ๆ เข้าไว้ก่อน เพราะเป็นเรื่องปกติที่ถ้าคุณไม่มีความสามารถด้านภาษาก็ย่อมไม่หางานที่ต้องข้องเกี่ยวกับมันอยู่แล้ว เพียงเขียนเรซูเม่ให้สวยหรูประดับบารมีก็พอ ซึ่งบางครั้งมันอาจให้คุณดูน่าสนใจแซงบรรดานักเรียนนอกที่คิดง่าย ๆ โดยใช้ภาษาพื้น ๆ เขียนเรซูเม่ส่งก็เป็นได้ แนะนำว่าควรค้นหาตัวอย่างเรซูเม่ภาษาอังกฤษที่เขียนโดยต่างชาติแล้วมาปรับเปลี่ยนข้อมูลเล็กน้อยภายในเอาดีกว่า ไม่มีใครรู้หรอก

4. CV และเรซูเม่ ต่างกันนะ ต้องส่งให้ครบ

เชื่อว่ายังมีหลายคนสับสนระหว่าง CV และเรซูเม่ว่ามันคืออันเดียวกัน บอกเลยว่า ‘ผิด’ ถ้าจะให้อธิบายง่าย ๆ ว่ามันต่างกันยังไงก็คือ เรซูเม่จะเป็นประวัติส่วนตัวของคุณในรูปแบบ Bullet Point ส่วน CV จะเป็นข้อมูลการทำงาน ซึ่งคุณควรใส่ให้มันมีความสอดคล้องกับงานที่จะสมัครด้วย ในกรณีที่ไม่มีประสบการณ์ แนะนำให้กล่าวอ้างกิจกรรมที่ทำในสมัยเรียน งานพาร์ททาม หรือผลงานที่โดดเด่นในวิชาที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น จากการศึกษาข้อมูลของแผนก HR บริษัท iPrice ที่ทำการตลาดใน 7 ประเทศแถบทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบว่า คนไทยส่วนใหญ่มักส่งเรซูเม่ที่มีประวัติส่วนตัว และการทำงานรวมอยู่ด้วยกันเท่านั้น ทำให้ในส่วนของ CV มีเนื้อหาน้อยไม่กระชับ ไม่ดึงดูดเท่าที่ควร เมื่อเปรียบเทียบกับผู้สมัครท่านอื่นที่ส่งมาครบทั้ง CV และเรซูเม่ ทำให้ HR เลือกที่จะเปิดอ่านอีเมลของคนที่ส่งมาครบมากกว่า แม้บางครั้งประสบการณ์ของคุณจะเริ่ด แต่ถ้าไม่ทำการบ้านให้ดีก่อนส่งเมลก็อาจแพ้เด็กจบใหม่ได้นะ

คำแนะนำสำหรับมือใหม่

แนะนำถ้าใครเป็นมือใหม่เพิ่งเริ่มหางานละก็ ควรเริ่มจากใส่ข้อมูลเหล่านี้ซะก่อน

ย่อหน้าแรก ควรบอกเล่าถึงตัวของคุณ เช่น ชื่อ, สถานศึกษา, ตำแหน่งที่สนใจ

ย่อหน้าที่สอง ต้องเปลี่ยนเนื้อหาให้มีความเหมาะสมกับบริษัทหรือตำแหน่งที่สมัคร ถ้าหากคุณสมัครเข้ามาทำงานในตำแหน่ง Content Marketing คุณจะต้องบอกเล่าประสบการณ์การทำงานในด้านการตลาดที่ผ่านมา พร้อมแจกแจงรายละเอียดว่าประสบการณ์เหล่านั้นจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทที่คุณสมัครงานได้อย่างไร

ย่อหน้าสุดท้าย คือการขอบคุณสำหรับเวลาที่บริษัทได้พิจารณาประวัติของคุณ และคุณสามารถลงท้ายด้วยการขอให้พวกเขาพิจารณาอย่างเต็มที่

ข้อมูลทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่ใช้ได้กับบริษัทต่างชาติเท่านั้น แต่ปัจจุบันบริษัทสัญชาติไทยก็เริ่มนำมาปรับใช้ในการคัดคนเข้าทำงานเหมือนกัน เพราะมันช่วยให้พวกเขาคัดบุคลากรที่มีประสิทธิภาพมาร่วมงานด้วยง่ายมากขึ้น หากคุณสามารถส่งเรซูเม่ตามเทคนิคที่เรานำมาเสนอได้ละก็ นอกจากสร้างความประทับใจ ดึงดูดความสนใจ และเตะตาพวกเขาแล้ว เปอร์เซ็นที่คุณอาจได้งานก็ยังสูงขึ้นตามไปด้วย

ภาพประกอบ www.pexels.com

บทความแนะนำ