ยอร์ช-ยงศิลป์ หนัง

สัมภาษณ์ “ยอร์ช-ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์” พระเอกในภาพยนตร์ “15+ ไอคิวกระฉูด”

Home / วาไรตี้ / สัมภาษณ์ “ยอร์ช-ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์” พระเอกในภาพยนตร์ “15+ ไอคิวกระฉูด”

หนังเรื่อง 15+ ไอคิวกระฉูด เป็นหนังที่เล่าเรื่องราวของวัยรุ่นเห่ออายุ 15 ปี ฮอร์โมนพลุ่งพล่านที่มีความกระเหี้ยนกระหือรือ อยากรู้อยากลองในเรื่องของ “ความรัก” และ  “เซ็กส์” งานนี้ค่ายสหมงคลฟิล์มฯ ได้พระเอกวัยใส งานดี อย่าง ยอร์ช-ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์ มาเป็นตัวละครหลักในการเล่าเรื่อง เชื่อว่าหลายคนคงอยากจะรู้ว่า เขาเป็นใคร วันนี้ Campus-Star จะพาคุณไปดู สัมภาษณ์ “ยอร์ช-ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์” พระเอกในภาพยนตร์ “15+ ไอคิวกระฉูด” มาทำความรู้จักกับพระเอกหน้าใส วัยกระเตาะกันหน่อย

รู้จักกับ ยอร์ช-ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์ …

แนะนำตัว

สวัสดีครับ ผม “ยอร์ช-ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์” ครับ ในเรื่อง “15+ ไอคิวกระฉูด” ผมรับบทเป็น “ฉลาดเลิศ” ครับ ก็เป็นภาพยนตร์เต็มตัวเรื่องแรกของผมครับ

บทบาท-คาแรคเตอร์

คาแรคเตอร์ของ “ฉลาดเลิศ” ก็จะเป็นคนที่สุภาพเรียบร้อย จะเก่งเรื่องเรียนทางวิทยศาสตร์- คณิตศาสตร์อะไรอย่างนี้ คือคิดเรื่องยากๆ ให้เป็นเรื่องง่ายๆ ได้ง่าย แต่ประสบการณ์ชีวิตจะไม่ค่อยมี เรื่องง่ายนี่จะไม่ค่อยรู้ เรื่องเพศศึกษานี่จะไม่รู้เรื่องเลย วันๆ อยู่กับการทดลอง การเรียนอย่างเดียว อ่านหนังสืออย่างเดียว ลุกส์ภายนอกก็จะเป็นเด็กเรียนเลยครับ ใส่แว่น ดูเนิร์ดๆ มีเพื่อนสนิทอยู่สองคน คือ “โอหยอง” กับ “โอบื้อ” ครับ สองคนนี้ประสบการณ์ชีวิตเหมือนจะเยอะมาก สนใจกันแต่เรื่องเซ็กส์ๆ แต่ผมนี่จะไม่ประสีประสาอยู่คนเดียวเลย ก็เลยจะได้เรียนรู้ประสบการณ์หื่นๆ จากสองคนนี้ครับ

เพื่อนซี้คู่หื่นคู่ฮาสองคนนี้ มีผลกับชีวิตในตัวละครของเรายังไงบ้าง

มีผลแทบจะทั้งเรื่องเลยครับ คือเริ่มเรื่องผมไปชอบเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ “เชอร์รี” เป็นดาวโรงเรียนที่นักเรียนชายทุกคนแอบปลื้ม แล้วคือผมไม่รู้จะทำยังไงให้เค้าชอบเรา เชอร์รี่เป็นคนที่ชอบผู้ชายที่เก่งกว่า ฉลาดกว่า ผมก็เลยไปท้าเค้าว่าถ้าผมชนะโครงการวิทยาศาสตร์ในปีนี้ คุณเชอร์รีต้องมาลองพิจารณาผมดู แต่เชอร์รีดันอยู่กลุ่มเดียวกับ “สุดารัตน์” ซึ่งเป็นคนที่เรียนเก่งและทำโครงการวิทยาศาสตร์ได้ดีมาก คือจะชนะทุกปี ไม่มีใครจะโค่นแชมป์เธอได้ ผมก็เลยต้องให้ “โอบื้อ” กับ “โอหยอง” ช่วยคิดแผนการเอาชนะซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ให้เป็นไปได้อะไรอย่างนี้ ซึ่งแต่ละแผนการนี่มีแต่เรื่องหื่นๆ ฮาๆ ที่ไม่มีใครเค้าคิดกัน แต่ไอ้สองคนนี้มันคิดได้ ความสนุกวุ่นวายมันก็เลยเริ่มจากจุดนี้ครับ

คาแรคเตอร์นี้เหมือนหรือต่างจากยอร์ชยังไงบ้าง

ต่างครับ เพราะฉลาดเลิศจะเป็นคนที่สุภาพมาก สุภาพเกิน ไม่รู้อะไรเลยนอกจากเรียน ส่วนผมนี่จะชอบเล่น เรื่องเรียนไม่เท่าไหร่ การพูดของฉลาดเลิศจะครับทุกครั้งเลย แทนตัวเองว่าฉลาดเลิศ จะไม่พูดคำหยาบเลย จะเรียกเป็นชื่อเพื่อน หรือเป็นคุณอะไรอย่างนี้มากกว่า ลุกส์ก็จะดูเนิร์ดๆ เป็นเด็กเรียนเลย ส่วนตัวผมจริงๆ ก็เรียกเพื่อนปกติ กู-มึงอะไรอย่างนี้ครับ แล้วก็เป็นพวกขี้เล่นมากกว่า สมมติถ้าอยู่คนเดียวอาจจะไม่แสดงออกมาก แต่ถ้ามีคนที่ผมรู้จักหรือสนิทอยู่ด้วยข้างๆ ก็จะแหย่กันเล่นมุกกัน

ครั้งแรกที่หนังติดต่อมาให้เล่นเรื่องนี้รู้สึกยังไงบ้าง

ตอนแรกผมก็คิดๆ อยู่ เพราะบทมันค่อนข้างจะติดเรตนิดนึง ผมก็เลยลองคิดดูก่อน แต่โดยรวมแล้วเป็นบทที่ท้าทายดี ผมก็อยากลองเล่น เพราะที่ผ่านมาก็เล่นแต่เศร้าๆ ดราม่ามาเต็ม ก็เลยอยากเปลี่ยนคาแรคเตอร์ อยากพลิกบทบาทตัวเองบ้างครับ ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็พลิกแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ไปเยอะเลยครับ เปลี่ยนแปลงคาแรคเตอร์จากละครมากครับ ในเรื่องนี้จะเป็นเด็กที่ประสบการณ์ชีวิตไม่ค่อยมี แล้วทำให้เราอยากรู้อยากลอง อยู่ในวัยอยากรู้ ก็เลยลองๆๆ จนทำให้เกิดเรื่องอะไรอย่างนี้ครับ

เล่นหนังเต็มตัวเรื่องแรกก็ไม่กดดันเท่าไหร่นะครับ เพราะมันเป็นคาแรคเตอร์วัยเราพอดี เราก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนคาแรคเตอร์ในเรื่อง และในกองก็ได้อยู่กับเพื่อนๆ พี่ๆ วัยใกล้กัน ก็สนุกดี ไม่เครียดซักเท่าไหร่ มีเพื่อนเล่นกันตลอดเวลา บรรยากาศในกองก็สนุกครับ เพราะผู้กำกับเค้าก็จะมีมุกมาเล่นตลอด พวกผมก็ไปหามาเล่นกัน เล่นทั้งกองเลย ก็สนุกสนานเฮฮา เป็นการผ่อนคลายครับ ต้องรอดูครับว่าจะเป็นยังไง แต่สนุกแน่ครับ

ย้อนกลับไปวันที่เข้าฉากครั้งแรกเลยเป็นยังไง

ถ่ายวันแรกเนี่ยผมไปคนเดียวเลย ไม่มีเพื่อนเลย ก็เลยนั่งอยู่คนเดียว ถ่ายเสร็จก็มานั่งคนเดียว ก็ต้องไลน์หาพวกพี่ๆ พี่ดีดี (โอบื้อ), พี่ยูโร (โอหยอง) ว่าไม่มาซักที ไม่มีเพื่อนคุย วันนั้นเลยนั่งเหงาทั้งวันเลย ฉากวันนั้นเป็นฉากที่มีการเปลี่ยนแปลงกับร่างกายครับ ผมก็เลยตื่นเต้นมาก รีบวิ่งลงมาหาอากง เปิดให้อากงดู ตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคยเห็นมันขึ้นมาก่อน ทำไมเยอะขนาดนี้ (หัวเราะ)

ต้องเข้าฉากกับ “พี่บอลลูน พินทุ์สุดา” ด้วย

ใช่ครับ ก็สนุกสนานดีครับ พี่เค้าชอบแหย่ ผมก็ไม่รู้จักมาก่อนว่าพี่เค้าเป็นเน็ตไอดอลรุ่นแรก เพิ่งมารู้ทีหลังครับ “พี่บอลลูน” ก็เซ็กซี่ดีครับ พี่ดีดีกับพี่ยูโรชอบชวนผมไปดู จริงๆ ผมไม่อยากดูหรอก มันมีฉากที่พี่เค้าใส่ชุดเซ็กซี่นิดนึง พี่สองคนนั้นเค้าก็ชอบเรียกให้ผมไปดูหน้ากองอย่างงี้ จริงๆ ผมไม่ได้อยากไปดูเลย อยากนั่งทำสมาธิเพื่อฉากต่อไปมากกว่า (หัวเราะ)

เรื่องนี้มีฉากและมุกทะลึ่งเยอะเลย มีความสนุกสนานยังไงบ้าง

เยอะจริงครับ แต่มันก็เป็นไปตามคาแรคเตอร์ตามบทตามเรื่องราวครับ ทุกคนเล่นกันอย่างเข้าขาสนุกสนานกันมากครับ ผมเองก็ชอบนะครับ มันฮาดี เล่นแล้วไม่เครียด แต่มันก็อาจจะมีเขินๆ หน่อย เช่น ฉากกระโปรงครูฝึกสอนเปิดงี้, ฉากนัดสาวไซด์ไลน์มาหางี้, ฉากเป้าตุงกันเป็นแถวงี้ และก็มีอีกหลายๆ ฉากครับ เป็นฉากทะลึ่งน่ารักๆ มากกว่าจะหยาบโลนนะครับ ก็ไม่เคยเล่นแบบนี้มาก่อน สนุกดีครับ

เป็นหนังตลกทะลึ่งอย่างนี้ แล้วมีฉากที่แสดงยากสำหรับเราบ้างมั้ย

ก็มีนะครับ จะเป็นพวกฉากดราม่า มันเป็นซีนอารมณ์ ต้องใช้สมาธิเยอะมาก มันต้องเข้าถึงบทบาทจริงๆ ครับ มันถึงแสดงสีหน้าออกมา ถึงผมไม่มีบทพูดแต่ผมก็ต้องอยู่ในคาแรคเตอร์ อยู่ในเนื้อเรื่อง ถึงผมจะเคยเล่นดราม่ามาก่อน แต่มันก็ยังกดดันอยู่ดีครับ

ดราม่ากับทะลึ่ง ฉากไหนแสดงยากกว่ากัน

ดราม่ายากกว่าเยอะครับ ทะลึ่งนี่สบายอยู่แล้ว (หัวเราะ)

การร่วมงานกับเพื่อนๆ นักแสดง เป็นยังไงบ้าง เมาท์มาโลด

ร่วมงานกับ “พี่พลอย” ก็สนุกดีครับ บางทีเค้าจะไม่รู้เรื่องแต่ทำเป็นรู้เรื่องอะไรอย่างนี้ สมมติอย่างเรื่องหนังสือสามก๊ก คือในเรื่องพี่พลอยเค้าจะเป็นตัวละครที่อ่านสามก๊กทุกวัน พกสามก๊กติดตัวไปแทบทุกที่ในโรงเรียน แต่ตัวจริงเค้าจะไม่รู้เรื่องสามก๊กเลย ผมเคยดูหนังมาบ้างก็จะอธิบายให้เค้าฟัง แล้วเค้าก็จะอ๋อๆๆ แต่จริงๆ เค้าก็จะงงอยู่ดีอะ เค้าบอกไม่เข้าใจ พี่พลอยเค้าไม่ค่อยมีอะไรหรอก จะเป็นเด็กใสใสมากกว่า เหมือนจะรู้เรื่องแต่ก็ไม่รู้เรื่อง เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ ซื่อมากๆ

“พี่อิงแลนด์” จะเป็นคนขี้แกล้ง สมมติพวกผมชอบไปแซวก่อน ไปแกล้งเค้าก่อน ผมกับพี่ดีดีกับพี่ยูโร จะชอบไปล้อเค้าว่าขาใหญ่ ถีบผมทีโอ้โห วันนั้น 20 กว่าเทก แล้วพอไปล้อปุ๊บเค้าก็จะไม่มีมีเพื่อน มีแค่พี่พลอยซึ่งก็จะโดนแกล้งเหมือนกัน กลุ่มผมเยอะกว่ามีสามคน เลยทำให้มีอำนาจแกล้งเค้า พอผมโดนเค้าแกล้งก็จะมีพี่ดีดีกับพี่ยูโรเข้ามาช่วย เค้าก็จะแพ้ตลอด แต่เค้าก็จะแกล้งคืนแหละ ชนนู่นนี่นั่น ตัวหนาๆ ชนผมตัวแค่เนี้ยะ ปลิวเลยครับ พอพวกเราผู้ชายสามคนรวมตัวก็จะป่วนกองครับ ก็จะไปหามุกเล่น ไปแกล้งคนนั้นคนนี้ แต่ส่วนมากผมจะมีถ่ายเยอะสุด เลยจะไม่ค่อยไปนั่งคุยเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดตอนพักเที่ยงพักกินข้าวก็จะไปด้วยกัน 5 คน ก็จะหาเรื่องแกล้งกัน แอบกระซิบบอกกันก่อนไรงี้

ส่วน “พี่ดีดี” กับ “พี่ยูโร” เนี่ยเค้าเป็นคนที่พอผมชวนเล่นอะไรเค้าก็จะเล่นหมดเลย เป็นคนที่เข้าใจกัน แหย่กันเล่น แกล้งกันเล่น ชอบรวมหัวกันแกล้งพวกผู้หญิง พี่ดีดีจะเหมือนพี่ยูโรเลย พอผมชวนเล่นอะไร เค้าก็จะเล่นด้วย จะอยู่ด้วยกันตลอด ทำให้อยู่ในกองแล้วมันสนุกไม่น่าเบื่อครับ

พี่ดีดีเค้าอาจจะดูใสใส เป็นเด็กเรียน แต่จริงๆ ไม่ใช่ครับ ถ้ามีนักแสดงสาวที่มาเข้าฉากอะไรงี้ เค้าจะไม่อยู่หน้ามอนิเตอร์ แต่จะไปอยู่ตรงกล้องเลย เอะอะก็จะวิ่งไปช่วยดูเค้า ไปช่วยดูเค้า เอะอะเป็นงี้ตลอด พี่ยูโรนี่ เอ็กซ์ตร้าทุกคนเลย คนไหนมาใหม่นะ ซักพักสะกิดผมละ มีไลน์กลุ่ม ก็ส่งเฟซคนนั้นมาเลย ไม่รู้ไปได้มาจากไหน ไวมาก ไปเที่ยวกับเอ็กซ์ตร้าคนนั้นคนนี้ มีเอ็กซ์ตร้าให้ขนมมาก็มี เจ้าชู้มากครับ

ในแง่การแสดงร่วมกัน แต่ละคนเป็นยังไงบ้าง

ผมชอบเลยนะ “พี่ยูโร” เวลาเล่นหื่นที อื้อหือใช่เลย แล้ว “พี่ดีดี” นี่เป็นหนังเรื่องแรกของเค้าแต่เค้าเล่นแบบธรรมชาติมากเลย ไม่น่าเชื่อว่าเป็นหนังเรื่องแรก เพราะเรื่องแรกของผมนี่ยังพูดเป็นท่องอยู่เลย แต่นี่หนังเรื่องแรกของเค้าเล่นได้ขนาดนี้ สุดยอดเลย ผมชอบทุกฉากที่อยู่กับพี่ดีดีกับพี่ยูโร เพราะฉากที่อยู่ด้วยกันสามคนแล้วมันสนุกดีครับ มันไม่น่าเบื่อ และได้มีเพื่อนคุยเล่นด้วยครับ เล่นกับ “พี่พลอย” ก็สนุกดี เพราะเค้าเล่นเก่งอยู่แล้ว แสดงสีหน้ารับส่งได้ดีมาก ถึงไม่มีบทพูดเค้าก็อยู่ในเรื่องตลอด

อย่างฉากในห้องสุดารัตน์นี่พี่พลอยเค้าเล่นดีมาก ส่งอารมณ์มาดี แล้วผมก็เลยทำตัวไม่ถูกจริงๆ ตามคาแรคเตอร์เลย แล้วยิ่งฉากที่มันคล้ายๆ จะเลิฟซีน ต้องเอาหน้าใกล้ๆ กันผมก็มีเขินครับ แต่ก็ต้องเข้มแข็งไว้ กลั้นไว้ไม่ให้สีหน้าออก เพราะพี่พลอยเค้าอินกับบทมากครับ

เรื่องนี้ผมก็หนักเหมือนกันครับ โดนถีบมั่ง โดนเอาเข่ากระแทกเป้ามั่งอะไรอย่างนี้ ยี่สิบกว่าเทก เพราะเป็นฉากที่ “พี่อิงแลนด์” ต้องกระโดดเตะผมแล้วต้องเห็นกางเกงใน แต่มันก็ยังไม่เห็น ผมเลยต้องโดนเตะหลายรอบอยู่ครับ

การร่วมงานกับคู่หูผู้กำกับหน้าใหม่

ดีครับ แล้วก็สนุกดีครับ ไม่เครียด เพราะเค้าจะชอบเล่นมุก อย่าง “พี่ป้อ” นี่จะชอบแหย่ รู้เรื่องเพศศึกษาเยอะมาก แล้วเวลาผมไปนั่งกับเค้า เค้าจะชอบชี้ให้ดูนักศึกษาอะไรอย่างนี้ ถามคนนั้นสวย คนนี้สวยไรงี้ พอเห็นกระโปรงเปิดปุ๊บนี่ตาจะดีเป็นพิเศษครับ ส่วน “พี่เบน” จะดูเงียบๆ ไม่ค่อยมีอะไรหรอก แต่จริงๆ อาจจะทะลึ่งลึกๆ แต่ผมไม่รู้มากกว่า (หัวเราะ)
การทำงานของพี่ๆ ทั้งสองคนจะไม่ดุเลยนะครับ เค้าจะใช้เหตุผลมากกว่าครับ เค้าจะสอน ไม่ดุเลย แล้วก็จะพูดแบบเบาๆ ให้เราเข้าใจง่าย ไม่กดดัน ไม่เครียด ถ้าไม่ได้ก็เอาใหม่

มุมมองความรักในวัยเรียน

ผมว่ามันก็เป็นรักในวัยเด็ก รักใสใสอะไรอย่างนี้มากกว่า มีคนปรึกษา มีคนคุยด้วยอะไรอย่างนี้มากกว่า ยังไม่ได้แบบจริงจังอะไรขนาดนั้น ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดอะไรนะครับ

เลข 15 หรือตอนอายุ 15 มีความหมายกับตัวเองยังไงบ้าง

เลข 15 หรือวัย 15 ของผมมันก็เหมือนทำให้เราได้โตขึ้น ได้เจอกับโลกอะไรใหม่ๆ ขึ้น เป็นช่วงที่เราเห่อในทุกอย่าง เช่น ทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ครั้งแรก บัตรประชาชนเปลี่ยนเป็นนาย ตัวเราสูงขึ้น มีหนวด มีขนต่างๆ ทำให้เราเห่อ… รู้สึกเหมือนตัวเราเองโต ก็เลยอยากลองทำโน่นนี่ แต่บางทีมันก็ไม่ควร แต่เราก็อยากจะลองดูว่ามันเป็นยังอะไรอย่างงี้ วันที่ผมอายุ 15 ผมก็ไปทำบัตรประชาชนกับบัตร ATM เลย รู้สึกตื่นเต้นมาก มีบัตร ATM ครั้งแรก เห่อมาก อำนาจอยู่ในมือเรา แม่ก็โอนตังค์เข้ามา เราก็ไม่ต้องขอแม่ จะซื้ออะไรก็ซื้อ โตแล้วทำอะไรก็ได้ อะไรประมาณนี้ครับ

เสน่ห์ความน่าสนใจและความพิเศษของหนังเรื่องนี้

ผมว่าอยู่ที่เรื่องติดเรตนี่แหละ มุกทะลึ่งในหนังทั้งหลายแหล่ เพราะมุกมันตลกมากครับ แล้วหนังคอเมดี้ทะลึ่งวัยรุ่นก้าวผ่านวัยแบบนี้มันก็ไม่ค่อยได้สร้างออกมานะครับ แน่นอนว่า มันก็มีทั้งความบันเทิงสนุกสนาน และข้อคิดอยู่ในตัวหนังด้วย

ช่วงอายุ 15 ก็เป็นช่วงที่อยากรู้อยากลอง เป็นช่วงที่เปิดโลกใหม่ ทำให้เราอยากทำโน่นทำนี่ คิดว่าเราโตแล้ว แต่จริงๆ ก็ยังเป็นเด็ก อยู่ช่วงวัยเห่อ มันก็จะเห่อๆ หน่อย เห็นอะไรก็ตื่นเต้นไปหมด เห่อมันไปทุกอย่าง เห่อความรัก อยากจะมีแฟน อยากจะคบแฟนแบบจริงจัง อยากให้มีคนมาปรึกษา แล้วก็เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จะดีก็ดีเลย จะร้ายก็ร้ายเลย มันมีความเปลี่ยนแปลงตามร่างกายด้วย ฮอร์โมนก็พลุ่งพล่าน เป็นหนังที่สะท้อนช่วงวัยที่เรากำลังเปลี่ยนแปลง, สับสน, ต้องการอิสระ แต่ก็ยังรับผิดชอบไม่ได้ทุกอย่าง เป็นช่วงที่ทะลึ่งก็เยอะ ดราม่าก็แยะ หนังเรื่องนี้มันก็จะสื่อถึงชีวิตจริงของวัยรุ่นช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ก้าวผ่านวัยจากเด็กไปเป็นผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดีเลยครับ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มีอยู่ในหนังเรื่อง “15+ ไอคิวกระฉูด” ถ้าอยากรู้ว่าสนุกยังไงก็ต้องลองไปดูกันให้ได้นะครับ

บทความแนะนำ