รวมเทคนิค ทำข้อสอบ GAT พาร์ทภาษาอังกฤษ ยังไงให้ได้ 150 คะแนนเต็ม | ข้อสอบ + เฉลย

อย่างที่น้อง ๆ ทราบกันดีแล้วว่า การสอบเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษานั้น จะต้องใช้องค์ประกอบของคะแนนหลายตัวด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นผลการเรียนเฉลี่ยสะสม (GAPX), คะแนนสอบ O-NET, คะแนนวิชา 9 วิชาสามัญ และคะแนนสอบ GAT/PAT ฯลฯ

รวมเทคนิค ทำข้อสอบ GAT พาร์ทภาษาอังกฤษ

และในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ ก็มีเคล็ดลับการทำข้อสอบ GAT ในพาร์ทภาษาอังกฤษ มาฝากน้อง ๆ กันด้วยจ๊ะ พร้อมทั้งนี้ยังมีข้อสอบ + เฉลย มาให้น้อง ๆ ได้ลองฝึกทำกันก่อนสอบจริงอีกด้วย โดยการทำข้อสอบใน GAT พาร์ทอังกฤษนี้จะมีเวลาในการทำอยู่ที่ 1 ชั่วโมง 30 นาที จำนวน 60 ข้อ และมีคะแนนเต็ม 150 คะแนน ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลย…

รู้จัก! หน้าตาข้อสอบ GAT ภาษาอังกฤษ

สำหรับข้อสอบ GAT ในพาร์ทภาษาอังกฤษ ในปีหลัง ๆ ที่ผ่านมานั้น ได้มีการเน้นคำถามพวก Error Identification มากขึ้น แต่โดยรวม ๆ แล้วยังมีเนื้อหาที่ใช้สอบเหมือนเดิมอยู่ 4 ส่วนใหญ่ ๆ ด้วยกัน ได้แก่

Part I : Expressions (Q1-15)

ในส่วนของพาร์ที่ 1 จะเป็นข้อสอบในลักษณะของ Conversation ที่เอาไว้ใช้ในการพูดคุยโต้ตอบกัน (สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่รู้จักคำศัพท์พอสมควร หรือมีพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษมาบ้างแล้ว ก็มักจะทำส่วนนี้ได้กันเป็นส่วนใหญ่) สิ่งที่น้อง ๆ ควรไปศึกษาเลยสำหรับเนื้อหาในพาร์ทนี้ก็คือ พวกกลุ่มคำศัพท์ต่าง ๆ และสำนวน/ประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ยิ่งรู้เยอะยิ่งได้เปรียบนะจ๊ะ

Part II: Vocabulary (Q16-30)

สำหรับพาร์ทที่ 2 จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ Meaning in Context และ Meaning Recognition โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. Meaning in Context เป็นข้อสอบที่มี 4 ตัวเลือกให้หา synonym ที่ตรงกับคำศัพท์ที่ถูกขีดเส้นใต้ไว้ในโจทย์

2. Meaning Recognition ในส่วนนี้คำศัพท์ในโจทย์และตัวเลือกจะเป็นคำศัพท์เดียวกันและถูกขีดเส้นใต้เอาไว้ โดยที่น้อง ๆ จะต้องหาว่าตัวเลือกไหนมีความหมายตรงกับโจทย์มากที่สุด

เทคนิตการทำข้อสอบในส่วนนี้ น้อง ๆ จะต้องเป็นคนที่มีความรู้ด้านคำศัพท์และความหมายของทั้งคำศัพท์หรือประโยคนั้น ๆ เป็นอย่างดี เพราะยิ่งรู้เยอะก็จะยิ่งทำให้เราได้เปรียบทำข้อสอบได้เร็วมากขึ้น มีเวลาไปทำในส่วนอื่น ๆ ได้อย่างสบายใจค่ะ

Part III: Reading (Q31-45)

ส่วนที่ 3 จะเป็นพวกป้ายประกาศ ป้ายโฆษณา ที่ให้มาในโจทย์เป็น 2 ป้าย (หรือ เป็นการ์ตูน 3 ช่อง) และจะมีบทความ 3 บทความ (2 บทความแรกจะมีความยาวครึ่งหน้ากระดาษ ส่วนอีกบทความจะมีความประมาณ 1 หน้ากระดาษครึ่ง) โดยคำถามจะเป็นการถามความเข้าใจของเราที่มีต่อบทความที่ได้อ่านไปว่ามีมากน้อยแค่ไหน

Part IV: Structure and Writing (Q46-60)

ส่วนในพาร์ทสุดท้ายจะเป็น Error Identification และจะมีประโยคมาให้เราทำ 6 ประโยค โดยจะให้น้อง ๆ เรียงลำดับประโยค (Sequence) จาก 1-6 ให้ถูกต้อง ซึ่งใน 2 ส่วนนี้โดยเฉพาะพาร์ท Error Identification น้อง ๆ ส่วนใหญ่จะทำพลาดกันเยอะเลยทีเดียวและกลัวพาร์นี้กันมากที่สุด แต่น้อง ๆ รู้ไหมว่าข้อสอบแบบนี้มีหลักการการทำที่ตายตัวอยู่ ดังนั้นน้อง ๆ จะต้องลองทำข้อสอบแบบนี้เยอะและลองจับเทคนิคการทำของตนเองดู เพียงเท่านี้ก็จะทำให้น้อง ๆ สามารถทำข้อสอบพาร์ทนี้ได้เยอะขึ้นแล้ว

ติว GAT ฟรี ! กับครูพี่โบว์ ตอน 1

Link seeme.me/ch/krubow/94jmoq

สิ่งที่น้อง ๆ ควรเน้นอ่านเป็นพิเศษ

1. โครงสร้างประโยค

โดยส่วนใหญ่แล้วจะวัดเรื่องประโยคหลัก ประโยครอง ถ้าประโยคหน้าเป็นส่วนหลักประโยคหลังต้องเป็นส่วนรอง หรือเป็นส่วนขยาย แต่ถ้าข้างหน้าเป็นส่วนรองข้างหลังก็ต้องเป็นส่วนหลักแทนที่ ซึ่งประโยคที่มีคำเชื่อมนำนั้นจะเป็นส่วนของประโยครอง ถ้าไม่มีคำเชื่อมส่วนรองหรือส่วนขยายมักจะเป็น Participle และประโยคหลักจะต้องมี Subject + Verb แท้เสมอ

2. Verb

Verb ส่วนใหญ่ถ้าเป็น V.แท้ จะเป็น V.ที่มีการผันตามประธานและเวลา จะวัดเรื่อง Tense ซึ่งมักจะออก Present Perfect Tense หรือ Tense คู่ในอดีต เช่น

– เหตุการณ์ดำเนินอยู่แล้วมีเหตุการณ์มาแทรก โดยที่เหตุการณ์ดำเนินอยู่จะใช้ Past continuous ส่วนเหตุการณ์ที่เข้ามาแทรกจะใช้ Past simple

– เหตุการณ์เกิดก่อนเกิดหลัง โดยที่เหตุการณ์เกิดก่อนจะใช้เป Past perfect และเหตุการณ์เกิดหลังจะใช้ Past simple

– เหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีตทั้งคู่ จะใช้ Past continuous ทั้งคู่

– การใช้ Future tense คู่ Future tense ไม่ได้ เพราะหลัง Future tense จะต้องเป็น Present tense ในประโยคหลักต้องเป็น Future tense เท่านั้น ส่วนในประโยคย่อยจะใช้เป็น Present tense เสมอ

3. Connector

Connector เป็นคำเชื่อมต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้วัดว่า หลังคำเชื่อมเหล่านี้จะตามด้วย Clause (ประโยคย่อย หรือตามด้วยคำนาม หรือคำที่ทำหน้าที่เสมือนคำนามอย่าง Gerund) โดยน้อง ๆ สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ เลย เช่น Connector ที่ตามด้วย Preposition (คำบุพบท) เช่น ถ้ามี of มี to ตามมา อย่าง because of ก็มักจะตามด้วยนามเสมอ แต่ถ้า because เฉย ๆ จะตามด้วย clause เป็นต้น

4. Word Choice

Word Choice จะออกใสส่วนของ Error ซึ่งออกเป็นคำศัพท์ในการเลือกใช้คำให้ถูกต้องในประโยคนั้น ๆ เช่น do – make ต่างกันอย่างไร, like – alike ใช้แบบไหน เป็นต้น ดังนั้นเวลาที่เราอ่านโจทย์แล้วแกรมม่าถูกแสดงว่าผิดที่ศัพท์แน่นอน

5. Word Building

Word Building เป็นการสร้างคำ น้อง ๆ ต้องรู้ว่า Part of Speech มีอะไรบ้าง แต่ละตัวทำหน้าที่อะไรบ้างและอยู่ในตำแหน่งใดของประโยค

ข้อสอบ GAT พาร์ท English

ข้อมูลจาก : www.mylearnville.comwww.chil-english.comwww.dek-d.com

บทความที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง