จากผลการศึกษา The International SOS Risk Outlook 2022 ผู้เกี่ยวข้องด้านการจัดการบริหารความเสี่ยง คาดว่ารูปแบบการเดินทางและการทำงานจะเข้าสู่ภาวะทรงตัวภายในสิ้นปี 2565 โดยผลการศึกษานี้แสดงถึงระยะเวลาที่ใช้เพื่อปรับสู่ “ความปกติรูปแบบใหม่” ซึ่งรูปแบบและวิถีการกลับมาทำงานนั้นแตกต่างกันไป ตามลักษณะของการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ทั้งการทำงานที่บ้านและที่ทำงาน มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะทรงตัวแล้ว ในขณะที่การทำงานในสำนักงานคาดว่าจะใช้เวลานานกว่า การเดินทางเพื่อธุรกิจคาดว่าจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ยาวนานที่สุด โดย 15% ของผู้ตอบแบบสอบถาม คาดว่าอาจใช้เวลานานถึงสองปีในการปรับสู่ “ความปกติรูปแบบใหม่”
รูปแบบการทำงานใหม่ ทำงานจากที่บ้านสองวัน
ข้อมูลเชิงลึกนี้มาจากผลการสำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านความเสี่ยงเกือบ 1,000 คนใน 75 ประเทศ ควบคู่ไปกับข้อมูลเชิงลึกจาก Workforce Resilience Council และข้อมูลภายใต้ลิขสิทธิ์ของ International SOS Risk Outlook 2022 ยังบ่งบอกว่าการทำงานแบบไฮบริดจะยังคงมีอยู่ต่อไป ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงระยะยาว ต่อรูปแบบการทำงานสำหรับหลาย ๆ องค์กร
การคาดหมายด้านการเดินทาง แตกต่างกันทั่วโลก
ระยะเวลาที่คาดว่าจะใช้กว่า การเดินทางเพื่อธุรกิจจะเข้าสู่ภาวะทรงตัวนั้นแตกต่างกันอย่างมากทั่วโลก โดย 40% ของผู้ตอบแบบสอบถามในยุโรปมองในแง่บวกว่าวิถีการใช้ชีวิตแบบใหม่ จะเข้าที่เข้าทางในอีกหกเดือนข้างหน้า ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามในอเมริกาและเอเชียคาดว่าจะใช้เวลานานกว่านั้น
ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียกว่า 49% คาดว่า ความแน่นอนจะเกิดขึ้นได้ อาจใช้เวลาตั้งแต่ 12 เดือนถึง 3 ปี การคาดหมายที่แตกต่างกันเหล่านี้ อาจสะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมกัน ของมาตรการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด และระดับการฉีดวัคซีนทั่วโลก ตลอดจนข้อกำหนดด้านการเดินทางและการเข้าประเทศที่แตกต่างกัน
จากผลการสำรวจของผู้ตอบแบบสอบถาม Risk Outlook มีเพียง 54% ที่เต็มใจเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ เมื่อเทียบกับ 73% ที่ต้องการเดินทางภายในประเทศ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขของผู้ที่พร้อมเดินทางไปต่างประเทศในช่วงวันหยุด ที่มีเพียง 47% เท่านั้น
นพ. จามร เงินชารี ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส กล่าวว่า “องค์กรต่าง ๆ ต้องสร้างความมั่นใจกลับคืนมา และทำให้การปฏิบัติงานจากระยะไกลและแบบพบหน้าประสบผลสำเร็จ ในขณะที่การเดินทางเพื่อธุรกิจกลับมาเติบโตอีกครั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เคยเป็นมาก่อน
มาตรการด้านการเดินทางที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับการตรวจโควิด ส่งผลให้การเดินทางระหว่างประเทศนั้นมีความซับซ้อน สำหรับองค์กรที่ดูแลด้านการวางโปรแกรมการเดินทาง จำเป็นต้องทำความเข้าใจในเชิงรุกเกี่ยวกับความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นด้านลอจิสติกส์ ความปลอดภัย และสุขภาพ และให้การสนับสนุนที่จำเป็นแก่พนักงาน สิ่งสำคัญคือการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน ซึ่งสามารถช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น ข้อมูลเชิงลึกนี้จำเป็นต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น โควิดสายพันธุ์ใหม่ หรือข้อกังวลด้านความปลอดภัยและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
รูปแบบการทำงานใหม่ ทำงานจากที่บ้านสองวัน
ข้อมูลจาก Risk Outlook ระบุว่า 77% ขององค์กรต่าง ๆ ได้นำแนวทางการทำงานแบบไฮบริดมาใช้ ระบบการทำงานที่พบบ่อยที่สุดคือ ให้พนักงานทำงานที่บ้านสัปดาห์ละสองวัน และในสำนักงานหรือพื้นที่หน้างานอีกสามวัน โดยมีเพียง 15% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า พวกเขาต้องการทำงานห้าวันต่อสัปดาห์ ที่สำนักงานหรือพื้นที่หน้างาน ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเทียบกับสถานการณ์ก่อนเกิดโรคระบาด
ไม่ว่าพนักงานจะทำงานภายในสำนักงานกี่วันก็ตาม องค์กรต้องแน่ใจว่าพนักงานรู้สึกปลอดภัย และได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
ผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวถึงประเด็นสำคัญหลายอย่างที่ควรจะมุ่งเน้น เพื่อสนับสนุนพนักงานเมื่อพวกเขากลับไปในสถานที่ทำงาน : สามอันดับแรก ในการสนับสนุนการกลับมาสู่ภาวะปกติอย่างปลอดภัย
- การเข้าถึงบริการดูแลด้านสุขภาพจิต
- ช่องทางในการสื่อสารกับพนักงานในช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญ
- การเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพตามตำแหน่งสถานที่
“เมื่อเราสอบถามองค์กรต่างๆ ถึงการสนับสนุนพนักงาน ในการกลับไปปฏิบัติงานในสถานที่ทำงานอย่างปลอดภัยได้อย่างไร ทำให้เห็นได้ชัดว่า การลงทุนด้านการสื่อสารในภาวะวิกฤตนั้นมีความสำคัญมาก อย่างไรก็ตาม ประเภทของข้อมูลที่องค์กรในแต่ละประเภทธุรกิจต้องการสื่อสารนั้นมีความแตกต่างกัน สำหรับองค์กรที่รับผิดชอบด้านการเดินทางเพื่อธุรกิจจำนวนมาก ข้อมูลด้านสุขภาพ และความปลอดภัยตามตำแหน่งสถานที่ ถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับพนักงาน และโดยทั่วไปพนักงานออฟฟิศจะมองหาบริการดูแลด้านสุขภาพจิตเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ คาดว่าเรื่องสุขภาพจิตจะเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบหลักต่อการทำงานในปีนี้ การดูแลด้านสุขภาพจิต จึงมีความสำคัญต่อการป้องกันปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพในการทำงาน” นพ. จามร เงินชารี กล่าวเสริม
//////
เกี่ยวกับบริษัทกลุ่มบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส
กลุ่มบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส เป็นผู้นำในการให้บริการความช่วยเหลือด้านการแพทย์และความมั่นคงปลอดภัยแก่พนักงานขององค์การต่าง ๆ ทั่วโลก ด้วยนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของบุคลากรทางแพทย์และความมั่นคงปลอดภัยของอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอส การบริการของบริษัท ฯ ช่วยป้องกันและบริหารความเสี่ยงให้แก่องค์กร ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่าง ๆ เช่น สภาพอากาศที่เลวร้าย โรคระบาด ภาวะวิกฤตด้านความมั่นคงปลอดภัย เราให้บริการความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีเพื่อให้คุณอุ่นใจและปลอดภัย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นภาวะปกติหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน บริการของอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส ช่วยให้องค์กรมีความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน
อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอสก่อตั้งในปี 2528 ปัจจุบันให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรทั่วโลกมากกว่า 12,000 บริษัท ได้แก่ รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ องค์กรข้ามชาติ องค์กรขนาดกลาง สถาบันการศึกษาและหน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไร บริษัทฯ มีพนักงานมากกว่า 12,000 คนทั่วโลก ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งประจำอยู่ที่สำนักงานและไซต์งานมากกว่า 1,000 แห่งใน 90 ประเทศ ที่ยืนเคียงข้างคุณเพื่อให้ความช่วยเหลือทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดทั้งปี
ดูแลพนักงานของคุณวันนี้ ติดต่อเราได้ที่: www.internationalsos.com