จ็อบ-ธัชพล กู้วงศ์บัณฑิต ช่อง 3 ระบำเมฆ

“จ็อบ-ธัชพล” พระเอก “ระบำเมฆ” บัณฑิตสายลุยเอกภาพยนตร์ มหิดล อินเตอร์

Home / วาไรตี้ / “จ็อบ-ธัชพล” พระเอก “ระบำเมฆ” บัณฑิตสายลุยเอกภาพยนตร์ มหิดล อินเตอร์

จ็อบ-ธัชพล กู้วงศ์บัณฑิต พระเอกหนุ่มมาดเข้มช่อง 3 จากละคร “ระบำเมฆ” จากนักศึกษาสายภาพยนตร์ที่ค้นพบทางที่ใช่ในระหว่างเรียน หนุ่มน้อยที่รักอิสระจนไปสู่ความรักในการเป็น “นักแสดง” ที่ไม่ว่าใครจะส่งบทอะไรมา ก็แสดงให้คนดูเชื่อในตัวละครตัวนั้นได้

จ็อบ-ธัชพล กู้วงศ์บัณฑิต

จ็อบ-ธัชพล กู้วงศ์บัณฑิต

เด็กบริหารที่เปลี่ยนทางเข้าสู่สายนิเทศฯ

ตอนแรกเลือกด้านบริหารธุรกิจที่มหิดล อินเตอร์ เพราะที่บ้านทำธุรกิจกันหมด ผมก็ถูกปลูกฝังมาว่า โตไปก็คงทำธุรกิจเหมือนกัน แต่พอเรียนไปได้เทอมหนึ่ง เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว เกรดที่ออกมาก็ต่ำมาก แล้วเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เรียนด้านภาพยนตร์อยู่ เราก็คิดว่ามันดูน่าสนุกจังเลย ก็แอบกลัวเหมือนกันว่า มันจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบหรือเปล่า แต่พอได้มีโอกาสไปดูหนังเกี่ยวกับเส้นทางของคนทำธุรกิจ เรารู้สึกว่าเราอินกับตัวหนังมากกว่าเรื่องการทำธุรกิจ เลยตัดสินใจขอแม่ว่า ขอย้ายได้มั้ย แม่ก็โอเค แม่ไม่เคยบังคับผม เป็นคนให้อิสระกับผมมาก

เส้นทางสายวงการบันเทิงเลือดใหม่

พอเข้ามาเรียน เหมือนเราเจอตัวตนของเรา ได้ทำงานออกกอง  ชอบบรรยากาศกอง  เราว้าวกับทุกอย่างในกอง ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหน เพื่อนๆ ก็มีกันอยู่แค่ 20 คน ได้ลุยทำงานด้วยกันตลอด จนเรียนจบก็ยังล่องลอยอยู่นะ ใจจริงอยากเป็นผู้กำกับ แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน งานเบื้องหลังมันเริ่มยากมาก เลยมาจับกลุ่มกันทำหนังสั้นประกวด แต่ก็ยังอยู่ในกรอบไม่ได้ไปไหน เลยคุยกับเพื่อนว่าเราไปเรียนการแสดงกันมั้ย อย่างน้อยไม่ได้เป็นนักแสดงก็เอามาใช้ในการเป็นผู้กำกับในอนาคตได้ พอเข้าไปเรียนปุ๊บครูเลยส่งไปแคสละคร มีโอกาสได้ไปแคสซีรีส์เรื่องแรกของเว็บ Mello

จากซีรีส์ออนไลน์สู่การเป็นพระเอกช่องเต็มตัว

เรื่อง “ระบำเมฆ” ถือว่าเป็นพระเอกเต็มตัวเรื่องแรกของช่อง ก็ตื่นเต้นมาก เป็นบทบู๊ครั้งแรกด้วย ผมต้องลิสต์เลย ต้องขับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ให้เป็น ต้องบู๊ให้เป็น ต้องจับปืนให้เป็น มีหลายอย่างให้เรียนรู้แล้วมันก็ท้าทาย แต่ก็สนุกกับการเป็นนักแสดงที่ได้ลองเป็นหลายๆ อาชีพ คิดว่าอาชีพอื่นไม่น่าจะได้ทำ แต่ผมจะเป็นคนไม่ท่องบท อ่านแค่รอบเดียว เพราะท่องไปก็จำไม่ได้ จะใช้วิธีจำหน้าเซ็ทให้เห็นเป็นภาพ เวลาพูดก็จะเน้นไปว่าข้างในเราอยากสื่ออะไร อยากจะพูดอะไร

มากกว่าเป็น “ดารา” คือการเป็น “นักแสดง”

ถ้าในอนาคตไม่มีบทให้เล่นแล้ว ก็อยากจะย้ายมาลองทำงานเบื้องหลังเหมือนกัน เอาจริงๆ เป้าหมายของผมไม่ได้อยากเป็นคนดัง ผมจำคำพูดของครูการแสดงได้เสมอเลย เขาบอกว่า เขาไม่ได้อยากให้ลูกศิษย์เขาเป็น “ดารา” เพราะถ้าเป็น “ดารา” บางทีมันจะมีความห่วงว่าต้องดัง เราจะพะวงบทเรา แต่ถ้าเป็น “นักแสดง” คือคนที่รักการแสดงจริงๆ ไม่ว่าจะส่งบทอะไรมาก็เล่นได้