กว่าจะมีวันนี้ มุมความคิดที่เปลี่ยนไปตามช่วงชีวิตของ กันต์ กันตถาวร พิธีกรสุดฮอตจากรายการ The Mask Singer จากที่ใครรู้จักเขาในฐานะนักแสดง การเดินทางอันยาวนานเกือบสิบปีในวงการบันเทิง จนกระทั่งวันนี้ในอีกบทบาทใหม่ ในสนามเด็กเล่นแห่งใหม่ที่ท้าทาย
กันต์ กันตถาวร พิธีกรรายการ The Mask Singer
สนามเด็กเล่นใหม่! กันต์ กันตถาวร
เพื่อนในมหาวิทยาลัย ช่วยกันเรียน ช่วยกันจบ
ตอนเอนทรานส์ผมไม่รู้จะเลือกอะไร เพราะไม่ได้ชอบอะไรเป็นจริงเป็นจัง ผมไม่ได้อยากเป็นวิศวะ หมอ หรือนักวิทยาศาสตร์การกีฬา แต่ที่เลือกบัญชี จุฬาฯ เพราะที่บ้านก็ทำเอเจนซี่โฆษณาด้วย คิดว่าควรจะมีพื้นฐานทางธุรกิจไว้ เลยเลือกสาขาบริหารการตลาด ซึ่งชีวิตในมหา’ลัยของผม คือการได้ปาร์ตี้สังสรรค์ ได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ ซึ่งเพื่อนปัจจุบันก็คือกลุ่มเพื่อนสนิทที่ยังคบกันจนถึงปัจจุบัน จบมาเพราะช่วยกันนี่แหละ สมมุติวิชาหนึ่ง เพื่อนไม่ต้องอ่านเลย ผมอ่านวิชานี้ แล้วเวลาสอบทีหนึ่ง ก็มานั่งหาซูเปอร์เลกเชอร์ของแต่ละคน วิชาที่เพื่อนต้องสอบ เพื่อนมาติวให้ผม วิชาที่ผมต้องสอบ ผมติวให้เพื่อน นั่นแปลว่าถ้าตก ตกทั้งแก๊งค์ เพราะว่าคนๆ นี้เกร็งข้อสอบผิด หรือติวไม่ดี มันเหมือนความสามัคคีที่เราช่วยกันจบได้ แล้วเกรดออกมาใกล้กันหมด คือ 2.8 เหมือนเราได้กลุ่มเพื่อนที่ช่วยชีวิตกันไว้ อยู่ด้วยกันและมีไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กัน
จากนักแสดงสู่พิธีกรเปลี่ยนชีวิต
จบใหม่ๆ ไปเป็นผู้ช่วยพ่อทำงานที่บ้าน แต่ไปๆ มาๆ การทำงานกับพ่อมันไม่สนุกหรอก เราไม่มีทางเก่งกว่าพ่อได้เด็ดขาด สุดท้ายเริ่มได้เข้าวงการ จากการเป็นนายแบบ จนมาถึงนักแสดง แล้วช่วงนั้น ผมเล่นละครเจ็ดวันติดกันเป็นเวลาสามปี ไม่มีวันหยุดสักวัน แล้วยังต้องดูแลบริษัทตัวเองอีก 5 บริษัท มีวันหนึ่งคุณพ่อคุณแม่ชวนกินข้าวเช้า ผมโทรไปถามกองละครว่ากินข้าวเช้าก่อนถ่ายได้มั้ย เขาบอกไม่ได้ กันต์ต้องมีถ่าย ไม่ใช่ความผิดของกอง แต่เป็นความผิดของเราเองว่าทำไมเราต้องรับเยอะขนาดนั้น ป๊ากับม๊าก็ถามว่าอยากกินอะไร ข้าวเหนียวหมูปิ้ง เรื่องโง่มาก อาหารเช้าง่ายๆ ปรากฏวันนั้นผมถ่ายกลับไปบ้านดึก มีข้าวเหนียวหมูปิ้งแขวนอยู่ที่ประตูบ้าน โห ขนลุกน้ำตาแทบไหล เฮ้ย ไม่ใช่ล่ะ ชีวิตเราไม่ใช่อย่างนี้
นั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญ ทำให้กลับมาถามตัวเองว่าจริงๆ เราชอบทำอะไร อาชีพจริงๆ ที่อยากทำ คือ พิธีกร แต่ไม่มีคนสนับสนุน กว่าคุณจะเป็นพระเอกได้ ไม่ใช่ทุกคนเป็นได้นะ เล่นไปอีก 10 ปี ค่อยเปลี่ยนไม่สายหรอก แต่ผมคิดในมุมกลับว่า ถ้าผมอายุ 40 ไม่ใช่ผมเลือกเป็นพิธีกร แต่มันคือผมถูกผลักให้ไปทำพิธีกรเพราะแก่แล้วเป็นพระเอกไม่ได้ ผมเลยเลือกที่จะคิดเลยทำเลย เริ่มนับจากศูนย์ใหม่เลย ซึ่งตอนทำพิธีกรครั้งแรก รู้สึกเลยทำไมเราไม่รู้อะไรเลย เลยต้องเริ่มทำการบ้านใหม่หมด เปิดดูทุกเทปทุกรายการในยูทูป ดูสไตล์พิธีกรแต่ละคน แล้วที่เหลือคือประสบการณ์ที่มันเกิดขึ้นจริงๆ
ก้าวต่อไป ลงเล่นในสนามเด็กเล่นของตัวเองให้นานที่สุด
ตอนนี้ผมไม่เคยรู้สึกว่าผมมาทำงานสักวัน แต่เหมือนผมมา Playing on the Playground เพียงแต่สนามเด็กเล่นผมจะเปลี่ยนไป อย่างรายการ The Mask Singer ผมก็จะสนุกกับการที่ได้เล่นกับกรรมการ มันเป็นการทำงานที่ไม่เคร่งเครียด เหมือนเพื่อนคุยเล่นกันมากกว่า หรือแฟนพันธุ์แท้ ก็เป็นอีกรายการที่ต้องดึงศักยภาพของผมออกมา เหมือนมีคนจ้างให้ผมเป็นตัวเองในสนามเด็กเล่นที่แตกต่างกัน ถามว่าก้าวต่อไปผมจะทำอะไร ผมคงอยากจะเล่นในสนามเด็กเล่นของผมให้นานที่สุด แต่ผมก็ไม่รู้ว่าวันหนึ่งโจทย์ในชีวิตของผมจะเปลี่ยนไปมั้ย ผมอาจจะเหนื่อยวิ่งเล่นในสนาม แล้วกลับมานอนพัก กินกาแฟอยู่บ้านก็ได้
ติดตามบทสัมภาษณ์กันต์ได้ในคอลัมน์ interview นิตยสาร campus star no.50