รีวิว TCAS62 แต่ละรอบเหมาะกับใคร – รู้ก่อน เตรียมตัวก่อน ช่วยให้เหนื่อยน้อยลง

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย โลกจะเปลี่ยนแปลงไปเพียงใด “การศึกษา” ยังคงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเสมอ ซึ่งมุมมองของการลงทุนด้านการศึกษา ไม่ได้หมายถึงเรื่องค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในการศึกษาได้ จะต้องอาศัยความมุ่งมั่น ทุ่มเท เติมเต็มความรู้ เตรียมความพร้อมให้กับตนเองอยู่เสมอ จึงจะเป็นผู้ที่ชิงความได้เปรียบในการศึกษาได้ ซึ่งการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ก็ต้องอาศัยการเตรียมความพร้อมไม่แพ้กัน ยิ่งเตรียมตัวดีเท่าไหร่ โอกาสที่จะไปถึงฝันยิ่งมากขึ้นเท่านั้น โดยในปีนี้ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย หรือ ทปอ. ให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับผู้สมัคร เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเตรียมความพร้อมก่อนสมัคร TCAS62

รีวิว TCAS62 แต่ละรอบเหมาะกับใคร

รู้ก่อน เตรียมตัวก่อน ช่วยให้น้อง ๆ เหนื่อยน้อยลง

ดร.พีระพงศ์ ตริยเจริญ คณะกรรมการพัฒนาระบบ TCAS ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวว่า

“สิ่งสำคัญที่น้อง ๆ ต้องรู้เกี่ยวกับ TCAS62 คือ การสมัครทั้ง 5 รอบที่ ทปอ.เปิดรับสมัคร เป็นเพียงทางเลือกให้กับน้อง ๆ ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติ น้อง ๆ อาจเลือกเพียงรอบเดียวที่เหมาะกับตนเอง ทุ่มเทในรอบนั้น และทำอย่างสุดความสามารถ ก็มีโอกาสคว้าที่นั่งในสาขา คณะ สถาบันในดวงใจไปมากกว่าครึ่ง แต่ก่อนอื่น น้อง ๆ ต้องรู้ก่อนว่า TCAS ในแต่ละรอบ มีความหมายอย่างไร และเหมาะกับใคร ซึ่งหากเข้าใจความหมายของ TCAS62 แต่ละรอบอย่างลึกซึ้ง จะช่วยให้น้อง ๆ มีการวางแผนที่ดี มีเป้าหมายที่ชัดเจน นั่นหมายถึง จะทำให้น้อง ๆ เหนื่อยน้อยลงนั่นเอง”

Talent โดดเด่น สถาบันไหนก็เฟ้นหา

มาเริ่มต้นกันด้วย

TCAS รอบที่ 1 หรือ รอบยื่นแฟ้มสะสมผลงาน

ซึ่งในรอบนี้ เหมาะกับน้อง ๆ ที่มีผลงาน กิจกรรม มีความสามารถพิเศษ ที่สอดคล้องกับสาขาวิชาที่ต้องการจะเรียน โดยผู้สมัครต้องเอาผลงานดังกล่าวไปยื่นกับสาขาวิชา ในสถาบันที่สนใจ เช่น คนไหนเก่งดนตรี ก็เอาผลงานความโดดเด่นด้านดนตรี ชื่อรางวัลที่เคยได้ มาใส่ในแฟ้มสะสมผลงานโดยไม่ใช้คะแนน โดยพิจารณาจากหลักฐาน เช่น เกียรติบัตร รูปภาพของการประกวด ว่ามีความสอดคล้องกับสาขาวิชาที่ต้องการเรียนอย่างไร หรือในขณะเรียน ทำโครงงานอะไรที่คิดว่าภาคภูมิใจและเกี่ยวข้องกับสาขาที่สมัคร ก็สามารถใส่ประกอบมาได้ โดยมีพื้นที่ให้ 10 หน้ากระดาษ A4เท่านั้น ซึ่งสถาบันที่เราส่งแฟ้มไป จะคัดเลือกจากแฟ้มที่มีการใส่ผลงานที่มีความโดดเด่น จากความสนใจที่สอดคล้องกับวิชาที่จะเรียน (Pre-Screening) และเมื่อได้บุคคลที่น่าสนใจแล้ว จะเรียกไปสอบสัมภาษณ์ ซึ่งจะนำแฟ้มสะสมผลงานมาพิจารณาว่าใช่ตัวตนผู้สมัครจริงหรือไม่ เรียกได้ว่า TCAS รอบที่ 1 วัดกันที่อินเนอร์ คือการดูตัวตน ดูโปรไฟล์ และความสนใจเป็นสำคัญ โดยไม่ต้องใช้คะแนนสอบใด ๆ ยื่นเลย

เช็คโรงเรียน เช็คพื้นที่ เช็คทักษะตัวเอง แล้วไปหยุดที่ TCAS รอบ 2

ในรอบที่ 2 จะมาจากโครงการต่าง ๆ ที่เปิดรับสมัคร ซึ่งนักเรียนที่สนใจ สามารถสอบถามได้จากโรงเรียนของตนเอง ว่าทำความร่วมมือไว้กับโครงการใดบ้าง เพื่อเช็คสิทธิ์ในการสมัครสอบ และสิ่งสำคัญที่น้อง ๆ ต้องใส่ใจในรอบนี้ คือรายละเอียด หลักเกณฑ์ เงื่อนไขของโครงการต่าง ๆ เพราะบางโครงการจะมาพร้อมทุนการศึกษา ซึ่งอาจระบุเงื่อนไขว่าต้องรักษามาตรฐานเกรดเฉลี่ยขั้นต่ำ จึงจะได้ทุนเรียนจนจบ และบางโครงการอาจพ่วงสัญญาผูกพันไปจนถึงการทำงานในองค์กรที่ให้การสนับสนุนทุนดังกล่าวในระยะเวลาที่กำหนดอีกด้วย ดังนั้น TCAS รอบ 2 จึงเหมาะกับน้อง ๆ ที่มีผลการเรียนดี วิชาการเด่น มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่รับสมัครตามที่โครงการกำหนด อาทิ โครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) โครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย โครงการสู่ความเป็นเลิศด้านภาษาและวรรณคดีไทย เป็นต้น

รอบที่ 3 รอบรับตรงร่วมกัน เตรียมคะแนนให้พร้อมก่อนยื่น

รอบนี้ เป็นรอบที่น้อง ๆ จะต้องใช้คะแนน เพื่อยื่นสมัครและสามารถจัดอันดับได้ถึง 6 อันดับ ซึ่งในปีนี้ จุดที่แตกต่างจาก TCAS61 คือ สาขาของ กสพท. จะเป็น 1 ในตัวเลือกของการสมัคร TCAS รอบที่ 3 (รับตรงร่วมกัน) นั่นหมายถึงน้อง ๆ สามารถเลือกสาขาใด สถาบันใดที่สนใจก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกลุ่มของ กสพท. ทั้ง 6 อันดับเลยก็ได้ โดยยังคงเกณฑ์การคัดเลือกเดิมไว้บางส่วน คือ ใช้คะแนนจากคะแนน 9 วิชาสามัญ O-NET GAT/PAT และอาจใช้ GPAX ร่วมด้วย โดยในรอบนี้มีคำแนะนำว่า ให้น้อง ๆ เรียงสาขา คณะ สถาบันที่อยากเรียนมากที่สุดเอาไว้อันดับที่ 1 และสาขาอื่น ๆ เรียงลงมาตามลำดับ และสิ่งที่ต้องจำให้ดี คือ น้อง ๆ จะต้องวางแผนให้รอบคอบก่อนการสมัคร ควรหาตัวเองให้เจอว่าอยากจะเรียนอะไร เรียนที่ไหนมากที่สุด โดยให้พิจารณาจากคะแนนและความถนัดของตนเองเป็นสำคัญ เพราะปีนี้ ถึงน้อง ๆ บางคนอาจมีคะแนนสูง มีโอกาสเลือกได้หลายอันดับ แต่หลักเกณฑ์ปีนี้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า น้องจะได้สิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์เพื่อไปยืนยันสิทธิ์เพียง 1 อันดับเท่านั้น

Admissions แบบเดิมแต่เพิ่มเติมคือหาตัวเองให้เจอ

ในรอบนี้ ใช้เกรดเฉลี่ยสะสม (GPAX) คะแนน 9 วิชาสามัญ O-NET GAT/PAT เกือบจะเหมือนกันกับรอบ 3 แต่ในรอบที่ 4 (Admissions) ทปอ.จะแบ่งกลุ่มสาขาวิชาเป็นทั้งหมด 10 กลุ่ม ในแต่ละกลุ่มจะมีสัดส่วนการใช้คะแนนไม่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถเรียงอันดับได้สูงสุด 4 อันดับ (ได้สิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์เพื่อไปยืนยันสิทธิ์เพียง 1 อันดับเท่านั้น) ที่สำคัญการสมัครในรอบที่ 4 นี้ใช้คะแนน GPAX ในทุกกลุ่มสาขาวิชาสูงถึง 20% จึงเป็นรอบที่เหมาะกับน้อง ๆ ที่เตรียมตัวมาดี ตั้งใจเรียนในห้องเรียนตั้งแต่เรียนชั้น ม. 4 ทำเกรดเฉลี่ยสะสมได้ดี อาจทำให้น้อง ๆ เหนื่อยน้อยลงในรอบนี้

อิสระเต็มที่ แต่มีสิทธิ์เลือกแค่หนึ่งเดียว

มาถึงรอบนี้ อาจหมายถึงรอบเก็บตก ซึ่งอาจหมายถึงน้อง ๆ บางคนที่ติดในรอบแรก ๆ ไปแล้ว แต่อยากลองเปิดโอกาสให้ตัวเองจนถึงรอบสุดท้าย (รับตรงอิสระ) หรือสนใจเฉพาะสาขาที่เปิดรับในรอบนี้เท่านั้น และอาจหมายถึงน้อง ๆ ที่พลาดโอกาสมาตลอดทั้ง 4 รอบเลยก็ได้ ซึ่งในรอบนี้น้อง ๆ สามารถเลือกสมัครในสาขาที่เปิดรับอย่างอิสระ ในช่วงเวลาที่กำหนด จะสมัครกี่ที่ก็ได้ เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้เลือกกันแบบเต็มที่ในรอบสุดท้ายนี้ แต่การรับสมัครทั้งหมด จะอยู่ภายใต้กรอบการยืนยันสิทธิ์ผ่านส่วนกลาง (ทปอ.) เหมือนกับทุกรอบที่ผ่านมา ดังนั้น แม้ว่าน้อง ๆ ไปสมัครหลายที่ และติดหลายที่เช่นกัน แต่การยืนยันสิทธิ์ จะทำให้เพียงที่เดียวเท่านั้น และอยู่ในกรอบระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้เท่านั้น

– ภาพรวม TCAS62 ทั้ง 5 รอบ –

เมื่อมองในภาพรวมของ TCAS62 ทั้ง 5 รอบแล้ว จะเห็นได้ว่าแต่ละรอบจะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเกณฑ์การพิจารณา สัดส่วนในที่ใช้ในการสมัคร ระยะเวลาในการยืนยันและการสละสิทธิ์ชัดเจนขึ้น กระบวนการบริการจัดการสิทธิ์ภายในระยะเวลาที่กำหนด ดังนั้น หากน้อง ๆ มีการวางแผนเตรียมความพร้อมที่ดีมากพอ ศึกษารายละเอียดการรับสมัครแต่ละรอบอย่างรอบคอบ ประกอบกับการวางแผน มีเป้าหมายในอนาคตของตนเองอย่างชัดเจน เชื่อว่าน้อง ๆ จะมีคำตอบให้กับตนเองว่าเรา เหมาะกับ TCAS รอบไหน และเมื่อได้คำตอบแล้ว ก็มุ่งมั่นตั้งใจในรอบนั้นอย่างสุดความสามารถ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการช่วยให้น้อง ๆ สามารถคว้าโอกาสนั้นไว้อย่างที่ตั้งใจอย่างแน่นอน

ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ ส่วนประชาสัมพันธ์ ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) หมายเลขโทรศัพท์ 02-354-5150-2 หรือเข้าไปที่ โFacebook.com/cuptthailand

บทความที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง