Covid19 New Normal Outsource การจ้างงาน ฟรีแลนซ์ แรงงาน โควิด19

การเปลี่ยนแปลงของตลาดงาน แรงงาน การจ้างงานระยะสั้นเพิ่มสูงขึ้น

Home / บทความการทำงาน / การเปลี่ยนแปลงของตลาดงาน แรงงาน การจ้างงานระยะสั้นเพิ่มสูงขึ้น

แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย วิเคราะห์สถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงของตลาดงาน ในช่วงการระบาดของโควิด -19 ตลาดงาน-แรงงาน ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง พร้อมชี้การจ้างงานรูปแบบเอาท์ซอร์ส-งานระยะสั้นมีแนวโน้มเติบโต ท่ามกลางสถานการณ์โควิด ตลาดแรงงานได้ปรับตัว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ การจ้างงานเอาท์ซอร์ส และการจ้างงานระยะสั้นก็เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับวัฒนธรรมการทำงานปกติใหม่ (New Normal) ในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม แนวโน้มดังกล่าวสามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานระยะสั้นและรองรับทิศทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2564

การเปลี่ยนแปลงของตลาดงาน แรงงาน

นางสาวสุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลกระทบอย่างต่อเนื่องของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นเป็นระลอกที่ 3 ส่งผลให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และการแพร่กระจายที่กว้างขึ้น เมื่อเทียบกับสองระลอกที่ผ่านมา แต่องค์กรต่างๆ ยังคงปรับรูปแบบการทำงานของตนอย่างต่อเนื่อง ในช่วงต่างๆของการระบาด

หากจะวิเคราะห์เจาะไปถึงรูปแบบการจ้างงาน และกลุ่มแรงงาน จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้แนวโน้มการจ้างการของนายจ้างมีการหันมาใช้การจ้างงานในรูปแบบเอาท์ซอร์ส (Outsource) เพิ่มมากขึ้น ด้วยสาเหตุหลายประการ ได้แก่ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิดและการระบาดรอบใหม่, แรงงงานต่างด้าวที่กลับประเทศ รวมถึงข้อจำกัดทางด้านงบประมาณ

สาเหตุดังกล่าว ทำให้นายจ้างเลือกใช้ “แรงงานคนไทย” ในรูปแบบเอาท์ซอร์ส (Outsource) มากขึ้น เพื่อบริหารจัดการต้นทุน โดยเริ่มจาก การทดลองว่าจ้างพนักงานเป็นจ้างระยะเวลาสั้นๆ โดยระยะเวลาในการจ้างสั้นลง จาก 1 ปี เป็น 3-4 เดือน ตามความต้องการของลูกค้าที่อาจยังคงไม่มากหรือต่อเนื่อง แต่ต้องการกำลังการผลิตสำหรับความต้องการและกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายทั้งจากในและต่างประเทศ ทั้งนี้ การจ้างงานรูปแบบเอาท์ซอร์ส (Outsource) นายจ้างสามารถเปลี่ยนจากพนักงานสัญญาจ้างมาเป็นพนักงานประจำได้ ยิ่งทำให้นายจ้างวางแผนกำลังคนได้แม่นยำ สามารถควบคุม ประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถตอบโจทย์สถานการณ์ปัจจุบันที่ยังคงไม่แน่นอนแต่ยังคงสามารถรักษากำลังการผลิตสำหรับอนาคตได้

การเปลี่ยนแปลงของตลาดงาน แรงงาน การจ้างงานระยะสั้นเพิ่มสูงขึ้น

ภาพจาก unsplash.com

ทางด้านอัตราการใช้แรงงานในภาพรวมขณะนี้ ยังคงมีการเพิ่มลดจำนวนคนในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อสังเกตการณ์และแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานบางกลุ่ม เพื่อชดเชยการขาดแคลนแรงงานในปัจจุบัน คาดการณ์หลังควบคุมภาวะการแพร่ระบาดระลอก 3 แรงงานมีทิศทางขยายตัว และใช้เวลากว่าจะฟื้นตัวได้ตามปกติ ทั้งนี้ อัตราการขยายตัวมีความแปรผันตามทิศทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังจากการฉีดวัคซีนโควิดเริ่มแพร่หลาย ความเชื่อมั่นในการใช้ชีวิตและความปลอดภัยมีมากขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศ ที่จะมีมากขึ้นตามลำดับ ทำให้แนวโน้มการจ้างงานมีมากขึ้นในบางธุรกิจ และบางธุรกิจเป็นรูปแบบของการจ้างงานระยะสั้น

โดยครึ่งปีหลัง ทั้งการท่องเที่ยว ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจบริการต่างๆ คาดการณ์สัญญาณบวก ด้วยแรงขับเคลื่อนจากภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ที่มีต่อตลาดแรงงานในช่วงครึ่งปีหลัง หากมีมาตรการกระตุ้น ทางเศรษฐกิจที่เหมาะสม กอปรกับ แผนการฉีดวัคซีนที่รวดเร็วและครอบคลุมตามเป้าหมายในระดับประเทศ จะเป็นการซ่อมสร้าง ฟื้นฟู และกระตุ้นเศรษฐกิจไทยทำให้ตลาดแรงงานมีแนวโน้มที่ดีขึ้นมาอีกครั้ง

จากการแพร่ระบาดและความตึงเครียดทางการเมืองอื่น ๆ ผู้ประกอบการธุรกิจต้องปรับแผนกำลังคน โดยจ้างแรงงานไทยเพิ่มขึ้น เพื่อการผลิตและคลังสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแรงงานต่างชาติจำนวนมาก ที่เดินทางกลับประเทศบ้านเกิด เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก จึงจำเป็นต้องจัดการกับการบริหารจัดการต้นทุน เพื่อรองรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปและความไม่แน่นอนในการจ้างแรงงานต่างชาติท่ามกลางวิกฤตในปัจจุบัน

จับตาแรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม ทิศทางแรงงานที่คาดว่าจะฟื้นตัวครึ่งปีหลังต่อจากนี้ ที่น่าจับตา โดยเฉพาะแรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวว่าจะฟื้นตัวเมื่อใด และมีสัญญาณอะไรต่อไปจะเป็นทิศทางบวกหรือไม่ ในส่วนนี้มุมมองของเรา วิเคราะห์จากการกำหนดเป้าหมายการฉีดวัคซีนโควิด ให้ครอบคลุมแต่ละประเทศ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่กลางปี 2564 ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และแผนการฉีดวัคซีนโควิดให้ทั่วถึงในไตรมาสที่ 4 ได้แก่ เกาหลีใต้ มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ จีน และยุโรป อันจะส่งผลต่อการคลายล็อค หากวัคซีนมีการกระจายมากกว่า 60-70% ในแต่ละประเทศ แผนการฉีดวัคซีนน่าจะเกิดขึ้นได้ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งประเทศไทยก็จะสามารถดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจได้มากขึ้น

ทั้งนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย มีแผนการฉีดวัคซีน ในระดับครอบคลุมเริ่มตั้งแต่กลางปี จนถึงปลายปีนี้ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าจะเห็นสัญญาณ ของการเดินทางจากนักท่องเที่ยวประเทศต่างๆ กลับคืนมาได้ในช่วงปลายปีนี้อีกครั้ง

ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังมีอยู่ ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ และแรงงานต้องเตรียมการผลิตสินค้าที่จะมาช่วงปลายปี เพื่อป้อนให้กับตลาดที่มีกำลัง การสั่งซื้อสินค้าจำนวนมาก ในช่วงสองไตรมาสสุดท้ายของปีตามปกติ ปัจจัยเหล่านี้ จะส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบการทำงานปกติใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น แรงงานและผู้ประกอบธุรกิจควรเสริมภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองและองค์กรด้วย “การสร้างทักษะใหม่ ที่จำเป็นในการทำงานตอบโจทย์ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ (Reskill) และ การพัฒนายกระดับทักษะ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตต่อไป (Upskill) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พร้อมรับมือสำหรับการก้าวสู่ยุคความปกติถัดไป (Next Normal)

บทความแนะนำ