ตี๋หน้าใส นักแสดงดาวรุ่งที่โด่งดังมาจากฮอร์โมน เดอะซีรีส์ มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล กับความเป็นบัณฑิตหมาดๆ จากรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และพร้อมจะน้อมนำพระราชดำรัสของพ่อหลวงมาใช้ในชีวิตการทำงานนับจากนี้ต่อไป
บัณฑิตใหม่ มาร์ช-จุฑาวุฒิ ขอน้อมนำพระราชดำรัสของ “พ่อ”
จากเรียนเพื่อแม่ กลายเป็นใช่ในชีวิตจริง
ตอนแรกอยากเข้านิเทศฯ จุฬาฯ แต่สุดท้ายถามตัวเองอยู่นานว่าเราอยากเข้าอะไร แล้วแม่อยากให้เรียนบริหารเป็นวิชาชีพติดตัว สุดท้ายเลยเลือกบริหารอันดับแรก แล้วคะแนนก็ถึงด้วย ตอนแรกคิดว่าเรียนตามใจแม่ แต่เรียนไปเรียนมา ก็ดีใจที่ได้เข้ามาเรียน ขอบคุณม่าม๊าที่ทำให้ได้เข้ามาในจุดนี้ เพราะมันช่วยปลูกฝังความคิดในการทำธุรกิจให้เราได้ดีมาก จริงๆ เปิดเรียนวันแรกไม่มีความสนใจในธุรกิจเลย แต่พอเรียนไปก็ทำให้เรามีไฟ พอเราเรียนปุ๊บ เรามีวิชา เรามีเครื่องมือ ก็อยากทำโน่นทำนี่ไปหมด แล้วที่จุฬาฯ เขาจะสอนเป็นเคส STUDY ให้เราได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่เกิดขึ้นจริงๆ ซึ่งผมชอบวิชาที่มันพลิกแพลงได้ บริหารมันดิ้นได้ มันเปิดให้เรามีอิสระทางความคิด
ช่วงชีวิตกอบโกยในมหาวิทยาลัย
ปีหนึ่งผมไปอยู่ในทีมฟุตบอลของมหา’ลัย ด้วยความที่เรียนชายล้วนมาก่อน ก็จะชอบเตะฟุตบอล แล้วพอเข้าทีมฟุตบอลก็ทำให้เรารู้สึกว่าเรียนมหา’ลัยก็ไม่ได้แตกต่างจากมัธยมเลย เพื่อนบางคนก็ยังเป็นเพื่อนสมัยประถมหรือมัธยมอยู่ รู้สึกโชคดีที่มีเพื่อนกลุ่มนี้ แล้วก็ได้รู้จักรุ่นพี่ที่ดีด้วย เราได้คำแนะนำจากเขาเยอะ ทั้งในแง่การใช้ชีวิตในมหา’ลัย ทำยังไงถึงจะกอบโกยสิ่งที่มหา’ลัยให้เราแล้วเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้ ตลอด 4-5 ปี เป็นชีวิตมหา’ลัยที่สนุกมาก แต่มีช่วงที่จบช้าเพราะเทอมหนึ่งถ่ายหนังหนักมาก ก็ต้องดร็อปเรียนไว้ก่อน พอกลับมาใหม่ก็ลงลุยทีเดียวหกตัวเลย พอจบจริงๆ ก็ดีใจที่เราทำสำเร็จให้ป๊ากับม๊าได้ แต่ในแง่ของการทำงาน เรามีโอกาสได้ทำงานมาก่อน ได้ลองโน่นลองนี่ ก็รู้ว่า จริงๆ ความสำเร็จหรือความยากของมัน คือ สิ่งที่เราต้องเจอหลังเรียน ก็เลยไม่ได้ดีใจขนาดนั้น ยังมีอะไรต้องพิสูจน์กันต่อไป ผมบอกกับอาจารย์ที่มหา’ลัยตลอดว่า วันหนึ่งเรียนจบก็เป็นความสำเร็จขั้นหนึ่ง แต่มันเป็นแค่ขั้นแรกสำหรับผม ถ้าวันหนึ่งผมประสบความสำเร็จจริงๆ ผมจะกลับมาเล่าให้อาจารย์ฟัง
น้อมนำพระราชดำรัสของพ่อหลวงมาใช้ในชีวิตการทำงานต่อไป
ตั้งแต่ผมจำความได้ เราก็รู้ตัวว่าเรารักในหลวง แต่ตอนเด็กเราไม่รู้หรอกว่า เรารักเพราะอะไร แต่พอโตมา ได้อ่านบทความ ได้รับรู้โน่นนั่นมากขึ้น ทำให้รู้ว่าสิ่งที่พระองค์ท่านทำเพื่อคนไทยเยอะมากๆ แทบจะทุกวินาที ท่านคิดถึงแต่คนไทย ประเทศไทยตลอด สิ่งเหล่านี้มันเลยเป็นคำตอบได้ว่านี่คือสิ่งที่ทำให้เรารักพระองค์ท่านมาก ตัวผมเองในฐานะคนไทย เราอายุแค่ 20 อาจจะยังไม่มีโอกาสตอบแทนพระองค์เท่าไหร่ แต่จากนี้ผมก็คงทำสุดความสามารถในการตอบแทนประเทศ ตอบแทนพระองค์ที่ทำเพื่อประเทศเรามาตลอด และพร้อมที่จะน้อมนำพระราชดำรัสของพระองค์มาใช้ในชีวิตการทำงาน ซึ่งมันเยอะมาก ทุกกระทำของในหลวง มันบอกอะไรหลายๆ อย่าง สิ่งที่พระองค์ท่านสอนหรือชี้นำคนไทยทุกคนเป็นเรื่องที่ดี และเป็นสิ่งที่ผมจะพยายามนำมาปรับใช้ในชีวิตต่อไป เป้าหมายชีวิตตอนนี้ของผม ไม่มีนะ ไม่ใช่ล่องลอย อย่างการเรียน อยากเรียนด้านจิตวิทยาต่อ แต่ก็คงต้องอีกพักใหญ่ ส่วนธุรกิจก็กำลังจะเริ่มทำ แต่ในวงการไม่มีเป้าหมายจริงๆ เราแค่ยังสนุกกับมัน แต่ก็ไม่ได้โฟกัสไปที่ความสำเร็จ เป้าหมายหลักของเรา คือ ครอบครัวมากกว่า แค่ทำทุกโอกาสที่เข้ามาหาเรา ซื่อสัตย์กับอาชีพของตัวเอง กับหน้าที่ของตัวเอง ทำทุกวันให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นงานบันเทิงหรือธุรกิจ แล้วก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ผิดพลาด มันก็ทำให้เราเติบโตขึ้น และพร้อมจะเจอกับปัญหาต่อไป
ติดตามได้ในคอลัมน์ interview นิตยสาร campus star no.43