หนุ่มสุดฮอตจากเวทีประกวด AF8 คชา-นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์ เส้นทางจากเป็นนักร้องจนกลายมาเป็นนักแสดง และล่าสุดกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ซิงเกิ้ลใหม่ “ใต้ความโสด” ภายใต้สังกัดใหม่อย่าง GMM GRAMMY มาฟังบทสัมภาษณ์การทำงานในค่ายใหม่ พร้อมกับมุมมองเรื่องต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป ที่สาวๆ พลาดไม่ได้ โดยเฉพาะมุมมองความรัก! ที่จะมีรักใหม่ด้วยหรือเปล่า ต้องไปอัพเดทกันแล้วล่ะ
คชา นนทนันท์
คชา-นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์
KachaNontanun
ฟีดแบ็คเป็นยังไงบ้างกับเพลงที่ปล่อยออกมา
ก็ดีครับจากทั้งคนใกล้ตัวแล้วก็หลายๆ คนที่ไม่ใช่แฟนเพลง มีโอกาสได้ไปอ่านคอมเม้นบ้าง ซึ่งแค่นั้นผมก็รู้สึกดีใจมากๆ แล้ว ด้วยแนวเพลงแบบนี้ที่เราทำออกมา คือ เราอยากลองทำอะไรใหม่ๆ ที่เราไม่เคยทำ ก็ดีใจที่มีแฟนๆ ชอบ มีบางคนไม่รู้จักบอกมันแปลกหูดี ผมพอใจแล้วที่ทุกคนมีโอกาสได้ฟัง
การย้ายค่าย
มาพูดถึงการย้ายค่ายใหม่มาอยู่กับค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง GMM กันดีกว่าว่าต้องมีการปรับตัวยังไงบ้าง
การได้ย้ายมาอยู่ค่ายใหม่ แน่นอนครับก็ต้องมีการปรับตัวอยู่บ้าง ทั้งในเรื่องการทำงาน ทั้งปรับตัวให้เข้ากับบุคลากรของที่นี่ แต่หลักๆ สไตล์เพลงก็ยังคงเป็นสไตล์เดิมที่ยังคงความเป็นตัวเราเอาไว้ สาเหตุที่ย้ายค่ายเพราะผมอยากหาความท้าทายให้การทำงานใหม่ๆ พอเปลี่ยนค่าย เราก็ต้องขยันและพัฒนาตัวเองมากขึ้น เพราะที่นี่เป็นค่ายใหญ่ ต้องมีการทำงานเป็นระบบมากขึ้น
เพลงใหม่
มาพูดถึงเพลงใหม่กันบ้าง จุดเริ่มต้นของ “ใต้ความโสด” มีความเป็นมายังไง
ด้วยความที่เป็น Single แรกของผมกับค่ายใหม่ ผมก็มีไอเดียที่จะทำอะไรใหม่ๆ เพราะก่อนหน้านี้เวลาที่เปิดตัวเพลง ผมจะเปิดด้วยเพลงช้าตลอด ครั้งนี้เลยลองเปลี่ยนขอเปิดด้วยเพลงเร็วบ้าง เปิดด้วยสไตล์เพลงหรือเนื้อหาเพลงที่ไม่เคยมีในอัลบั้มที่ผ่านมา
เนื้อหาของเพลงเป็นยังไง
ก็ประมาณว่าจะพูดถึงการถามใครสักคนว่าสเปคของคนที่เราชอบมันดูสูงเกินไปไหม ถ้าสูงเกินไปก็ลองลดสเปคของตัวเองลงมาหน่อยเผื่อจะเจอคนที่มันเหมาะกับเรา (หัวเราะ)
เนื้อหาของเพลงแต่งมาจากชีวิตจริงรึเปล่าน้า
เนื้อหาก็ได้มาจากสิ่งที่เราเห็น คือปกติผมจะเล่นเฟซบุ๊กอยู่แล้ว ก็จะเห็นสเตตัสประเภทว่ายังโสดอยู่ หรือเอามาจากเรื่องของคนที่อยู่ใกล้ตัว คนที่เป็นเพื่อน ว่าทำไมอายุใกล้เคียงกับเราถึงยังโสดอยู่ และยิ่งมารู้เหตุผลว่าทำไมถึงยังโสด เพราะสเปคที่ตั้งไว้หายากเกินไป อันนั้นไม่ดีพอ มันยังไม่ใช่อะแก.. เราก็เลยเอามาเขียนเป็นเพลง เพราะเกิดจากการสงสัยของตัวเองล้วนๆ หรือเรียกว่าไปยุ่งเรื่องของชาวบ้านก็ไม่รู้นะ (หัวเราะ)
ในชีวิตจริงคิดว่าจะเจอเหมือนในเพลงมั้ย ฮ่าๆ
เรารู้ตัว เราจะไม่พยายามซ้ำกับเนื้อเพลงแน่นอนครับ (หัวเราะ)
อัพเดทชีวิตจริงกันบ้าง ความรักเป็นยังไงบ้างล่ะ ตอนนี้
เรื่อยๆ ครับก็มีคนที่เข้ามาคุยบ้างออกไปบ้าง ผมไม่ได้มองจุดนั้นเป็นหลัก เพราะเดี๋ยวจะทำงานส่งไม่ทันด้วยส่วนหนึ่ง
คนที่จะเข้ากับคชาได้ต้องมีอะไรพิเศษมั้ย
ต้องลองคุยกันครับว่านิสัยจะเข้ากันได้รึเปล่า ทุกอย่างมันต้องเริ่มจากการพูดคุย ถ้านิสัยเข้ากันได้เราน่าจะรู้ว่ามันโอเค ตรงกับไลฟ์สไตล์เราหรือเปล่า ต้องเข้าใจในตัวเราด้วยว่าเราเป็นคนแบบไหน เรามีระยะเวลาในการทำงานอาจจะแปลกกว่าคนอื่นๆ ไม่เหมือนคนอื่นสักเท่าไหร่ แล้วนิสัยก็ต้องอะเลิร์ทกว่าผม เพราะถ้าไม่ได้สนิทกัน ผมก็จะเงียบๆ มึนๆ (หัวเราะ) ถ้าคนที่อะเลิร์ทกว่าเรานิดหนึ่ง เราก็จะได้กระตือรือร้น มีกิจกรรมทำร่วมกัน น่าจะดีกว่า
มุมมองความรัก ณ ปัจจุบัน อัพเดทกันสุดๆ
ผมไม่เคยนิยามมันถูกสักทีเลย พยายามจะนิยามหลายๆ รอบ รู้สึกว่านิยามไม่เคยถูก พอนิยามปุ๊ป มันก็จะเปลี่ยนรูปไปอีกอย่างหนึ่ง ผมว่ามันเป็นเรื่องของความพอดีความเหมาะสมมากกว่า อย่าว่าแต่เรื่องความรักเลย ผมว่ามันสามารถใช้กับได้ในหลายๆ เรื่อง ถ้าทุกอย่างมันพอดี มันก็จะโอเค บรรยากาศโดยรอบก็จะดีไปด้วย
ทำไมเพลงส่วนใหญ่ที่คชาปล่อยออกมา ถึงได้เป็นแนวอกหัก
ผมว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคนทั่วๆ ไป โอเคเราอาจไม่สมหวังในความรัก ไม่สมหวังในรูปแบบไหน เราก็จะเอาตรงนั้นมาเล่ามาถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลง แล้วเราก็เป็นคนที่ชอบฟังเพลงแนวนี้อยู่แล้ว เลยเข้าใจและสื่อสารออกมาได้ง่ายกว่า
ในการทำงานมีวิธีหาแรงบันดาลใจยังไงบ้าง
ส่วนใหญ่ก็จะมาจากโลกภายนอกแหละครับ บางทีเรานั่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมๆ ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกัน ต้องออกไปดูคน ออกไปดูเมือง ออกไปดูหลายๆ คนที่เขาใช้ชีวิตกัน เราก็แบบได้มุมมองใหม่ๆ มา หรือบางทีเราได้เจอเพลงใหม่ MV ใหม่ๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ ผ่านทางยูทูป เราก็รู้สึกว่า เฮ้ยเจ๋งดี หรือได้ดูซีรีส์ ได้ดูละครสร้างแรงบันดาลใจได้ แบบเรื่องนี้ดีอะ น่าจะมาเขียนเป็นเพลง ผมว่ามันได้หลายทางนะ ส่วนใหญ่จะเป็นการไปเที่ยวแล้วได้เจออะไรใหม่ๆ อะ
มาพูดถึงแบรนเสื้อผ้ากันบ้างดีกว่า ภายใต้ชื่อ KACHA x SMILEYHOUND (คชา ฟอร์ สไมลี่ฮาวน์) มีที่มายังไง
ผมโชคดีมากๆ ที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจ็คนี้ ในชื่อ GMM X GREYHOUND THE ICONIC COLLECTION หนึ่งในนั้นก็จะมีคอลเล็กชั่นของผมอยู่ด้วย ก็มีส่วนช่วยในเรื่องของการออกแบบร่วมกับพี่ๆ ดีไซเนอร์ มีการเสนอไอเดียกันว่าความชอบของเราเป็นแบบไหน สิ่งที่เราชอบคืออะไร ก็จะเอามาจากความชอบของผม มาหาจุดปรับเปลี่ยนที่จะมาใส่ในคอลเล็กชั่นนี้ได้ ด้วยความที่ผมชอบใส่เสื้อผ้าโทนสีที่เรียบง่ายโดยปกติจะเป็นคนใส่สีดำ สีกลม สีเทา ใส่อยู่ประมาน 3 สีนี้ ก็เลยดึงความชอบของเรามาใส่ตรงนี้ เสื้อผ้าจะออกแนวมินิมอลคือใส่ง่ายๆ คุมโทนสบายๆ แต่ก็ไปแมตช์กับชิ้นอื่นๆ ได้เหมือนกัน
มีความอยากลองเป็นดีไซน์เนอร์นานรึยัง
เคยฝันไว้ว่าอยากมีคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าเป็นของตัวเองเหมือนกันนะ แล้วโอกาสก็มาถึง เราก็ไม่รีรอที่จะคว้าเอาไว้ พยายามที่จะทำสุดความสามารถในส่วนของการออกแบบ
ปกติวันสบายๆ ของคชามีสไตล์การแต่งตัวแบบไหน
เป็นเสื้อผ้าแนวสตรีททั่วไป ผมจะใส่เป็นเสื้อยืดโอเว่อร์ไซส์ กางเกงยีนส์ขาสั้นบ้าง ขายาวบ้าง กับรองเท้าผ้าใบที่ชอบสักคู่นึง ต่างหู พวกสร้อยข้อมือ นาฬิกาทั่วไป ส่วนวันทำงานเราก็ต้องดูอีกว่างานเป็นรูปแบบไหน ควรแต่งเรียบร้อยประมาณไหนครับ ผมว่าเอามาแมตช์ใช้ได้ทั้ง 2 อย่างเลย ทั้งแบบวันสบายๆ หรือวันที่แบบแต่งตัวเรียบร้อยขึ้นมาสักนิดนึง แต่เป็นการเรียบร้อยที่ดูสนุกสักนิดหนึ่งในเสื้อผ้าที่เราใส่ ด้วยเรื่องของลายเสื้อผ้า หรือเรื่องของสีบางชุด
แล้วงานอดิเรกอย่างอื่นมีอะไรบ้าง
เตะฟุตบอลบ้างเป็นกิจกรรมที่ได้วิ่งออกกำลังกาย ได้วิ่งเล่นกับเพื่อนๆ มีเข้าครัวทำอาหารบ้าง ล่าสุดที่เพิ่งหัดทำน่าจะเป็นกะเพราครับ (หัวเราะ) ของก็มีสะสมพวกของเล่น พวกฟิกเกอร์พวกโมเดลบ้าง แล้วก็ผมเป็นมนุษย์ที่ชอบเล่นเกมอยู่แล้ว ก็มีเล่นเกมบ้าง เหมือนที่เกมเมอร์ทั่วไปเขาเล่นกัน
จากจุดเริ่มต้นในความเป็นนักร้อง จนถึงปัจจุบันในเส้นทางบันเทิง คิดว่าตัวเองมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
ก็เยอะครับ ส่วนใหญ่ทุกการเปลี่ยนแปลงมันเกิดจากประสบการณ์ที่เราได้ทำงานในทุกๆ สายงาน บุคคลหลายๆ คนที่เราได้ไปเจอ เราได้เรียนรู้ได้ซึมซับแนวคิด เรารู้ว่าอันไหนควรดึงมาใช้ ตรงไหนเป็นเรื่องที่ดี ตรงไหนเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เราก็ต้องปรับ จากวันนั้นมาถึงวันนี้มันก็เปลี่ยนแปลงขึ้น บางอย่างที่มันไม่ได้อย่างใจเราสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นแต่ก่อนเราคงใจร้อนกว่านี้ คือแบบทำไมมันไม่ได้อย่างนั้นทำไมไม่ได้อย่างนี้ แต่พอทำงานมามันทำให้เรารู้ว่ามันไม่มีอะไรเพอร์เฟ็กต์ทุกอย่างหรอก ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการแก้ปัญหา ถ้าอันไหนมันที่ผ่านไปได้แบบ 100% ถือว่ามันเป็นวันดีๆ แล้วกัน
จากนักร้องจนมาเป็นนักแสดงซีรีส์หลายเรื่อง ความแตกต่างของแต่ละบทบาทที่ได้รับ
แสดงไม่ต้องร้อง ร้องไม่ต้องแสดง (หัวเราะ) ก็เอาจริงๆ แล้วข้อแตกต่างก็จะเป็นอย่างที่ผมบอกบางทีเรื่องร้องเพลงเราทำมานานกว่าก็จะรู้เยอะกว่า เพราะเราคลุกคลีอยู่กับมันเยอะกว่า แต่กับเรื่องแสดงเราเพิ่งมีโอกาสเมื่อไม่นานมานี้ เราไม่ได้ทำมันบ่อยนัก ก็อาจจะต้องเรียนรู้ ถ้าถามว่าให้เลือกระหว่างนักร้องกับนักแสดงอันไหนดีกว่า ก็ต้องตอบว่านักร้องดีกว่า แต่การแสดงก็สนุกนะ ได้กลับไปทำการบ้านหนักจนแบบโอเค ทำให้คนอื่นเชื่อได้ว่าแบบเราเป็นตัวละครตัวนั้น
อยากจะทำอะไรอีกนอกเหนือจากร้องกับแสดง
ก็ทั้ง 2 อย่างนี้แหละครับอยากทำให้ดีก่อน อีกอย่างคือถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปทำพิธีกรอีก เคยทำพิธีกรอยู่ช่วงหนึ่ง ถ้าได้กลับไปอีกก็อยากกลับไปทำให้ดีขึ้น อยากปรับปรุงวิธีพูดหรือพัฒนาการพูดของตัวให้ดีให้ฉะฉานขึ้น
ถ้าตอนนี้ไม่ได้เป็นคชาที่เป็นนักร้องหรือนักแสดงแล้ว อยากจะทำอะไรอื่นอีกบ้าง
ที่บ้านมีธุรกิจอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เป็นนักร้องนักแสดงก็คงกลับไปทำธุรกิจที่บ้านเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้า แต่ถ้าผมมีเสียงร้องเพลงอยู่ ผมก็จะร้องเพลงไปเรื่อยๆ (หัวเราะ)
แล้วไม่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองบ้างหรอ
อยากครับ แต่ยังเป็นก้อนเมฆลอยอยู่บนอากาศยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง (หัวเราะ)
เรามาถึงจุดนี้ได้ อยากให้ฝากถึงน้องๆ ที่อยากเป็นศิลปินนักร้องที่ประสบความสำเร็จแบบคชาบ้าง
ต้องเริ่มจากฝึกฝนจนชำนาญ เราก็ไม่ต้องมัวมารอว่าโอกาสจะวิ่งมาหาเราเมื่อไหร่ แต่ต้องทำตัวเราให้พร้อม เพราะถ้าไม่พร้อม ความสามารถที่เรามีอยู่ไม่พอ ถ้าโอกาสมันวิ่งเข้ามาหาเรามันก็จะน่าเสียดายมากที่เราไม่สามารถคว้ามันไว้ได้
ติดตามสัมภาษณ์คชาเพิ่มเติมในคอลัมน์ itech & igad นิตยสาร campus star no.46
