พรหม-พรพรหม อดีตผู้ช่วย ส.ส. สหรัฐฯ สู่การลงสมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์

เรียกได้ว่าตอนนี้ กระแสด้านการเมืองในประเทศไทยกำลังมาแรงเลยทีเดียว เพราะเหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นก็จะก้าวเข้าสู่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) นั่นก็คือวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นั่นเอง ซึ่งในช่วงนี้เราก็เริ่มที่จะเห็นผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคต่าง ๆ เริ่มประกาศนโยบายและหาเสียงกันในพื้นที่ต่าง ๆ กันแล้ว

เปิดโปรไฟล์ พรหม-พรพรหม อดีตผู้ช่วย ส.ส. สหรัฐฯ

โดยในปีนี้ก็มีนักการเมืองรุ่นใหม่ลงสมัคร ส.ส. กันหลายคนเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละคนก็ได้โปรไฟล์และความสามารถที่ดีไม่แพ้กันเลย และในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ ก็ไม่พลาดที่จะพาทุกคนมารู้จักกับ พรหม–พรพรหม (ณ สงขลา) วิกิตเศรษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตบึงกุ่มและเขตคันนายาว (แขวงรามอินทรา) กรุงเทพมหานคร จากพรรคประชาธิปัตย์ กันค่ะ ทั้งเขายังเป็น 1 ใน 21 New Dem กลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ อีกด้วย ถ้าพร้อมแล้วไปทำความรู้จักกับเขากันเลย…

ประวัติส่วนตัว

สำหรับ พรหม-พรพรหม (ณ สงขลา) วิกิตเศรษฐ์ หรือ บี๋ เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2535 (ปัจจุบันอายุ 26 ปี) เป็นบุตรชายของ พนิช วิกิตเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และพัชรีภรณ์ ณ สงขลา โดยมีพี่น้อง 1 คน คือ พราว-พรรณพร วิกิตเศรษฐ์ หรือ บีบี๋

ด้านการศึกษา พรหม-พรพรหม จบการศึกษากระดับปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ จากประเทศอังกฤษ และจบปริญญาโทด้านพลังงานและสิ่งแสดล้อม จากประเทศสหรัฐอเมริกา

ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา (ด้านการเมือง) พรหม-พรพรหม เคยเป็นผู้ช่วย ส.ส. ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ดูแลด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม

เส้นทาง… ทางการเมือง

ก่อนที่เขาจะเข้ามาเป็นนักการเมืองเต็มตัว ระหว่างที่เรียนในช่วงปิดเทอมเคยมีโอกาสได้ช่วยบิดา พนิช วิกิตเศรษฐ์ ในการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมตอนปี 2553 ซึ่งได้แยกกันหาเสียงกับบิดา โดยเขาได้รับมอบหมายให้ปราศรัยตามโรงเรียน และในตอนเลือกตั้งปี 2554 ไปกับ ส.ก. อีก 2 คน โดยจะเจอกับบิดาตอนเย็นเพื่อประชุมหารือถึงแนวทางการหาเสียง

โดยหลังที่เรียนจบปริญญาตรี เขามีความสนใจอยากทำงานด้านการเมืองที่อเมริกา แต่ไม่รู้ว่าจะต้องสมัครอย่างไรและสมัครกับใคร เขาจึงเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของสภาคองเกรส ซึ่งในสภาของอเมริกาจะมีชมรมอยู่ โดยเขาทำงานอยู่ในชมรมที่เกี่ยวกับประเทศไทย และกว่าเขาจะได้งานนี้ก็ต้องผ่านการสอบสัมภาษณ์ถึง 3 ครั้งด้วยกัน

และในที่สุดเขาก็ได้เข้าทำงานตามที่หวังเอาไว้เป็นระยะเวลา 1 ปี มีหน้าทีเป็นผู้ช่วย ส.ส. ซึ่งในขณะที่เขาทำงานเป็นผู้ช่วย ส.ส. อยู่ เขาก็ตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทด้วย เพราะรู้ดีว่าจะเป็นนักการเมืองต้องเรียนด้านรัฐศาสตร์เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ก็ควรเจาะลึกไปอีกหนึ่งด้านด้วย หลังจากนั้นเขาก็กลับมาเมืองไทย และเริ่มทำงานด้านการเมืองอย่างเต็มตัว