ประวัติศาสตร์

สพฐ.ยืนยันไม่ปรับหลักสูตรประวัติศาสตร์ – กรณีน้ำใส BNK48 ใส่เสื้อลายสวัสดิกะ

Home / ข่าวการศึกษา / สพฐ.ยืนยันไม่ปรับหลักสูตรประวัติศาสตร์ – กรณีน้ำใส BNK48 ใส่เสื้อลายสวัสดิกะ

หลังจาก น้ำใส BNK48 ใส่เสื้อพิมพ์ลายสวัสดิกะไปซ้อมคอนเสิร์ตในวันที่ 25 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ก็เกิดเป็นประเด็นดราม่าในวันต่อมา อีกทั้งประเด็นนี้ยังเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยถึงกับออกมาพูดถึงประเด็นนี้

สพฐ. ยืนยันไม่ปรับเปลี่ยนหลักสูตร วิชาประวัติศาตร์

และเมื่อไอดอลที่คนทั่วประเทศให้ความสนใจ และจับตามองอย่าง BNK48  เอาเสื้อลายสวัสดิกะมาใส่ จนเกิดประเด็นดราม่าใหญ่โต เรื่องนี้ก็เลยเป็นชนวนให้เราย้อนกลับมาดูบทเรียนประวัติศาสตร์ ที่เราเรียนกันตั้งแต่เด็ก เนื่องจากความเห็นต่อประเด็นนี้ต่างก็โยนความผิดไปที่น้องน้ำใสที่เลือกเสื้อตัวนี้มาใส่ ผิดที่ผู้จัดการ คนที่ดูแลน้องๆ ไม่ให้น้องน้ำใสเปลี่ยนเสื้อขึ้นก่อนขึ้นซ้อมการแสดง และสุดท้ายก็โยงกลับเข้ามาที่การศึกษาไทยกับคำถามที่ว่า โตมายังไง ทำไมถึงไม่รู้ ยังไงก็ต้องเรียนมาแล้วไม่ใช่หรือ ในวิชาประวัติศาสตร์ก็มีสอน 

ทุกคนเคยเรียนเรื่องนาซีมาแล้ว ?

วันที่ 28 มกราคม 2562 ที่ผ่านมาหลังจากที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ยินปัญหาที่มีคนติงเรื่องการสอนประวัติศาสตร์ในชั้นเรียนให้กับเด็กๆ สพฐ. จึงออกมายืนยันว่าในหลักสูตรมีสอนอยู่แล้ว แต่ผู้เรียนนั้นจำไม่ได้เอง ดังนั้นหลักสูตรก็ไม่จำเป็นต้องแก้ไข ปรับเปลี่ยนอะไร แล้วในกรณีของน้องน้ำใส ก็ผิดที่ผู้ใหญ่ คนที่ดูแลศิลปิน ทำไมถึงไม่ตรวจเช็คเสื้อผ้าของน้องๆ ก่อนขึ้นแสดง

บทเรียนประวัติศาสตร์สอนอะไรเราบ้าง ?

เมื่อตัดประเด็นเรื่องของน้องน้ำใสออกไป เพราะน้องทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แล้วน้องก็ออกมาขอโทษแล้ว แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็กลับมาสู่เรื่องของการศึกษา เพราะต่างก็โทษกันไปมา เพราะไม่รู้บ้าง เรียนมาแล้ว จำไม่ได้เองบ้าง เราเลยเอาหลักสูตรการสอนสังคมให้กับเด็กๆ ที่ต้องเรียนตามกำหนดของการศึกษาขั้นพื้นฐานมาวิเคราะห์กัน ว่าปัญหานั้นอยู่ที่ตรงไหน โดยเริ่มจากในหมวดของวิชาประวัติศาสตร์ เด็กๆ จะต้องเรียนอะไรกันบ้าง

1.การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ และวิธีการทางประวัติศาสตร์

2. ประวัติศาสตร์ไทย

  • สมัยสุโขทัย
  • สมัยอยุธยา
  • สมัยรัตนโกสินทร์
  • ยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย

3. ประวัติศาสตร์โลกฝั่งตะวันตก

  • ประวัติศาสตร์ยุโรปสมัยโบราณ ( อารยธรรมเมโสโปเตเมีย, อารยธรรมอียิปต์, อารยธรรมกรีก, อารยธรรมโรมัน)
  • ประวัติศาสตร์ยุโรปสมัยกลาง (ยุคมืด : Dark Age)
  • ประวัติศาสตร์ยุโรปสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance)
  • ประวัติศาสตร์ยุโรปสมัยใหม่ (สมัยแห่งการค้นพบ : Age of Discovery)
  • ยุคปฎิวัติวิทยาศาสตร์
  • ความขัดแย้งระหว่างประเทศ (สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2)

4. ประวัติศาสตร์โลกฝั่งตะวันออก

  • ประวัติศาสตร์จีน
  • ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

เหล่านี้คือเนื้อหาที่สอนในวิชาประวัติศาสตร์ที่เรารวบรวมมา เป็นเนื้อหาที่เด็กทุกคนต้องเรียนไม่ว่าจะเรียนสายวิทย์ หรือสายศิลป์ เราจะเห็นได้ว่าเนื้อหาที่เด็กต้องเรียน และท่องจำมีจำนวนมาก และเรื่องของฮิตเลอร์ นาซี การก่อสงครามของเยอรมันก็ไม่ได้รับการพูดถึงมากนัก ยกเว้นใครสนใจแล้วจะไปหาความรู้เพิ่มเติมเอง ดังนั้นการที่ใครหลายคนจะจำเรื่องของ ฮิตเลอร์ หรือนาซีไม่ได้ก็เป็นเรื่องธรรมดา เช่นเดียวกับวิธีการสอนแบบไทยสไตล์ที่เน้นการท่องจำเป็นเรื่องปกติ แล้วยังจะคาดหวังอะไรกับความรู้ด้านประวัติศาสตร์ แบบจำไปสอบ สอบเสร็จแล้วก็ลืมกันนะ

ที่มา : www.matichon.co.th , dek-d

ภาพ : noige.xyz

บทความแนะนำ