ข้อคิดการทำงาน พนักงานประจำ มนุษย์เงินเดือน มืออาชีพ

เรื่องเล่า-แง่คิด ชีวิตมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ | อาชีพนี้ดีอย่างไร?

Home / บทความการทำงาน / เรื่องเล่า-แง่คิด ชีวิตมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ | อาชีพนี้ดีอย่างไร?

“มนุษย์เงินเดือน” อาชีพนี้ดีอย่างไร? .. ได้รับรายได้แน่นอนเท่ากันทุกเดือน ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยไม่ต้องลงทุนเอง มีสังคมกว้าง ทันโลกทันเหตุการณ์ มีสวัสดิการดีกว่าคนทำกิจการส่วนตัว ไม่มีล้มละลาย ทำงานเพียงหน้าที่ที่รับผิดชอบ เบื่อเมื่อไร เปลี่ยนได้ทันที มีวันหยุดเยอะ จงภูมิใจกับสิ่งที่ท่านเป็นอยู่ มีอยู่ ได้อยู่มากกว่าถามหาสิ่งที่ยังไม่เป็น ยังไม่มี หรือยังไม่ได้

เรื่องเล่า-แง่คิด ชีวิตมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ

ข้อคิดสำหรับชีวิตการเป็นลูกจ้าง

  • ต้องเข้าใจบทบาทในหน้าที่นั้นอย่างถ่องแท้
  • ต้องปรับอารมณ์ให้เข้ากับบทบาทของงานในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย
  • ต้องพร้อมที่จะซ้อมบทบาทใหม่อยู่ตลอดเวลา
  • ต้องคิดว่า “ทุกครั้งที่ทำเต็มที่ เราได้มากกว่าองค์กร”
  • ต้องมีจรรยาบรรณ
  • ต้องไม่เอาผลตอบแทนเป็นตัวนำ เพราะจะทำให้บทบาทการแสดงเปลี่ยนไป

มนุษย์เงินเดือนมือใหม่ ควรจะปรับตัวอย่างไร?

  • เปิดการทักทายกับทุกคน
  • จดจำบุคคลสำคัญในองค์กรให้ได้
  • เรียนลัดจากคนเก่าและเอกสาร
  • อย่าคบคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว
  • ฟังและถามให้มากกว่าพูด
  • เก็บข้อมูลโดยการจดบันทึก
  • เข้าร่วมกิจกรรมให้มากที่สุด
  • อย่าเพิ่งแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ

เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นบวก

  • คิดเข้าข้างตัวเอง
  • คบเพื่อนคิดบวก
  • คิดถึงสิ่งที่แย่กว่า
  • คิดว่าโอกาสที่มีคุณค่าคือจุดเล็กๆ ที่คนทั่วไปมองข้าม
  • สรุป : การคิดบวกถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับคนที่อยากจะเป็น “มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ” คนคิดลบเปรียบเสมือนถังขยะที่เก็บแต่สิ่งที่ไร้ค่าในขณะที่…คนคิดบวกเปรียบเสมือนคลังสมบัติที่เก็บแต่สิ่งที่ล้ำค่า จงทำงานให้มากกว่าเงินเดือน

เหตุผลสำคัญที่สนับสนุนแนวคิดนี้ คือ

* ทำมาก…ได้ประสบการณ์มาก
* ทำมาก… ได้สร้างผลงานให้ปรากฏ
* ทำมาก…มีโอกาสเป็นบุคคลสำคัญขององค์กรมาก
* ทำมาก…สบายในภายหลัง

เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ

ความก้าวหน้าในอาชีพของ “มนุษย์เงินเดือน” มักจะถูกกำหนดโดยองค์กร หรือเรียกว่าระบบ “เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ” การเติบโตในเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพจะขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่าง คือ

1.ปัจจัยภายใน คือความพร้อมของตัวเราเอง

2.ปัจจัยภายนอก คือสถานการณ์ที่เอื้อหรือไม่เอื้อต่อการเติบโต

คนที่มีแผนที่เดินทางย่อมไปถึงเป้าหมายได้ดีกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่มีแผนที่นำทางอย่างแน่นอน

เทคนิคการพัฒนา “ลูกน้อง” ให้เป็น “หัวหน้า”

• ฝึกให้ลูกน้องคิดแทนหัวหน้าก่อนที่หัวหน้าจะคิดทำ
• ให้โอกาสลูกน้องได้เป็นหัวหน้า (โดยการมอบหมายงานให้ทำ)
• ร่วมกับลูกน้องกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
• พัฒนาลูกน้องตามความถนัดและเหมาะสม

เทคนิคการทำงานกับผู้บริหารหัวก้าวหน้า

  • ป้อนข้อมูลใหม่ๆ ให้ผู้บริหารได้มีโอกาสเลือก
  • คิดและเตรียมสิ่งใหม่ๆ ไว้ล่วงหน้า
  • อย่าเสี่ยง !! เถียงกับผู้บริหารในขณะที่กำลังร้อนวิชา
  • จงลองทำเองก่อนและค่อยใช้คนนอกมาช่วย

การบริหารชีวิตในระหว่างเดินทางอยู่บนถนน สายอาชีพลูกจ้าง

  • มองไปข้างหน้าให้มากกว่ายึดอยู่กับอดีตและติดอยู่กับปัจจุบัน
  • คิดเสียว่าไม่มีใครอยู่กับเราตลอดชีวิต
  • ไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวรในที่ทำงาน
  • ทุกคนเป็นคนดี แต่เส้นทางเดินอาจจะทับกันบ้าง
  • คิดว่าเราเพิ่งรู้จักทุกคนในทุกวัน

ความเจ็บปวดช่วยสร้างคุณค่าของการมีชีวิตเป็นปกติฉันใดการขัดแย้งกันบ้าง จะช่วยสร้างคุณค่าของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันฉันนั้น

ลด ละ เลิก ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง”

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง” เกิดขึ้นมากในสังคมไทย มีอยู่ 2 ประการ คือ
1. คนไทยชอบเห่อ หรืออยาก
2. ผู้ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้หรือขายสินค้าออกโฆษณาล่อใจเหลือเกิน (เจอโฆษณาแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยก็ไม่รอด จอดป้ายเงินผ่อนทุกราย)

ข้อควรพิจารณาก่อนจะผ่อนอะไร
• สิ่งที่ผ่อนเป็นภาระหรือการลงทุน
• จำเป็นต่อชีวิตหรือไม่
• มีเงินพอหรือไม่

การวางแผนการเก็บเงิน

เทคนิคง่ายๆ คือ “หลัก 3 บัญชี” โดยให้เปิดบัญชี 3 บัญชี ดังนี้

บัญชีที่ 1 คือบัญชีที่เงินเดือนเข้าไว้กดเอทีเอ็มสำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
บัญชีที่ 2 คือบัญชีเงินออมเพื่อฉุกเฉิน เร่งด่วน(อาจจะเป็นออมทรัพย์ก็ได้)
บัญชีที่ 3 คือบัญชีเงินออมเพื่อออกจากงานหรือออมเพื่ออนาคต

ไม่มีความทุกข์ใดจะหนักและหนาเท่ากับการผ่อนหนี้ที่ก่อขึ้นมาจากความโลภและไม่ประมาณตนเอง

จรรยาบรรณประจำตำแหน่งมนุษย์เงินเดือน

  • จงตระหนักว่าบทบาทและหน้าที่ของเราคืออะไร
  • จงพอใจในผลประโยชน์ที่ได้รับ
  • จงคิดว่ามลทินในชีวิตไม่มีน้ำยาอะไรลบออกได้
  • จงคิดว่าถ้าบริษัทเป็นของเรา เราจะทำหรือไม่
  • จงชมตัวเองทุกครั้งที่รักษาจรรยาบรรณไว้ได้
  • จงสอนตัวเองโดยผ่านการสอนคนอื่น
  • อย่าเห็นแก่ประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย
  • อย่าทำเพราะคนอื่นเขาทำกัน
  • อย่าคิดว่าทำแล้วไม่มีใครรู้ใครเห็น

เทคนิคการทำงานอย่างมีความสุข

  • การรักงานที่ทำอยู่ คือประตูสู่การทำงานที่เรารัก
  • เปลี่ยนปัญหาให้เป็นความท้าทาย
  • อย่าเปิดช่องว่างให้ความเบื่อเข้ามาแทรก
  • อย่าระบายอารมณ์ลงที่งาน

แบ่งหัวใจให้เรื่องสำคัญก่อนความสุขในการทำงานไม่ต้องหาจากที่ไหนมันอยู่ที่ใจของเราเอง

รายการอาหารประจำวัน

เช้า : กาแฟ ขนมปัง มาม่า น้ำผลไม้ 10+5+5+10 = 30 บาท

กลางวัน : ข้าวผัดกระเพราไข่ดาว ผลไม้ น้ำดื่ม 30+10+5 = 45 บาท

เย็น : ข้าวไข่เจียวหมูสับ แกงจืด 15+20 = 35 บาท

ค่าใช้จ่ายประจำวันเบ็ดเตล็ด = 60 บาท

รวมค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งวันเท่ากับ 30+45+35+60 = 170 บาท

จำนวนวันทั้งหมด ตั้งแต่อายุ 56 (หลังเกษียณ) ถึง 80=25 ปีคูณ 365 วัน = 9,125 วัน

ดังนั้นเงินที่จำเป็น ต้องใช้เพื่อประทังชีวิตอยู่ขั้นต่ำเท่ากับ 9,125 คูณ 170 = 1,551,250 บาท เงินจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่สำคัญอื่นๆ เช่น ค่ารถ ค่าซ่อมรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าซ่อมบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเสื้อผ้า ฯลฯ และที่สำคัญที่สุดคือ ค่ารักษาพยาบาลสำหรับตัวเอง

คุณคิดว่าตอนคุณอายุ 55 คุณมีเงินเก็บขั้นต่ำ หนึ่งล้านห้าแสนบาทหรือยัง ??? ..

ที่มา : forward mail เรียบเรียงโดย รัตน์ชนก ยอดพินิจ อ้างถึง ณรงค์วิทย์ แสนทอง, มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ. กรุงเทพฯ : บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน), 2548