เบลล์-เลลาณี ทศพร ลูกไม้ใต้ต้น “แม่แก้ว-อภิรดี” กับการเรียนสองปริญญา พร้อมๆ กับการได้เป็นมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2017 ตำแหน่ง Best Voice Award และความฝันในการเป็นนักร้องในสังกัด Mono Music
เบลล์-เลลาณี ทศพร
การเรียนถึง 2 ปริญญาและความฝันในการเป็นนักร้อง
หนึ่งความฝัน คือ วงการบันเทิง อีกหนึ่ง คือ แอร์โฮสเตส
อีกหนึ่งความฝันที่นอกจากวงการบันเทิง คือฝันอยากเป็นแอร์โฮสเตส เลยเลือกเรียนบริหารด้านการโรงแรม ที่ม.ศิลปากร อินเตอร์ ซึ่งจะได้ปริญญาตรีสองใบ คือของฝรั่งเศสกับไทยรวมกันใน 4 ปี แล้วทุกปีก็จะได้ไปฝึกงาน ซึ่งพอเข้ามาเรียนปีแรกก็ต้องปรับตัวเยอะมาก เพราะเบลล์ไม่เคยเรียนทางด้านอินเตอร์มาก่อน
การเรียนสองปริญญาก็เข้มข้นกว่าที่อื่น ทุกปีจะมีวันหยุดแค่อาทิตย์เดียว และที่ยากที่สุดคือปี 3 ที่มันก้าวกระโดดจากปีแรกเยอะมาก ทั้งงานกลุ่มและพรีเซ้นท์ เหมือนเขาต้องเตรียมพร้อมให้เด็กไปฝึกงานที่ต่างประเทศ เลยจะฝึกหนักมากกว่าที่อื่น ทั้งฝึกงาน ทำงานที่มอ เรียนทฤษฎีอีก ต้องเมเนจจัดการเวลาให้ดี
มุ่งมั่นอดทนจนจบถึง 2 ปริญญา
ตอนนั้นไปฝึกงานเป็นเชฟที่ฝรั่งเศส ตอนไปฝึกอาทิตย์แรก โดนไล่ออกจากเชฟเพราะพูดภาษาเขาไม่รู้เรื่อง เขาพูดกันเร็วมาก แต่เบลล์รู้สึกว่าไม่ได้ เราต้องกลับไปยืนจุดนั้นให้ได้ หนูก็พยายามฟังทุกวัน พยายามคุยกับแขก สุดท้ายได้กลับไปเป็นเชฟเหมือนเดิม การไปฝึกงานเปลี่ยนมุมมองชีวิตเรามากเลยค่ะ เราได้ลงไปสัมผัสคนทำงานทุกรูปแบบ หนูเคยถามอาจารย์ว่า อาจารย์ทำไมต้องฝึกเยอะแยะ มันนานแล้ว อยากกลับไปเรียน เขาบอกว่า ยู สอนยูชงกาแฟ ทฤษฎีเจ็ดวัน ยูรู้กาแฟทุกรสชาติบนโลกใบนี้ สู้ยูไปทำงานปฎิบัติสามวันเต็มๆ ทำทุกอย่าง ยูว่าแบบไหนได้มากกว่ากัน แต่คราวนี้ยูก็ต้องรู้ทั้งสองอย่าง เพราะถึงเวลาตอนทำทุกอย่างจะเร็วมาก มันมาพร้อมความกดดันและความพึงพอใจของความลูกค้า
มันอาจจะฟังดูเหมือนเฮ้ย เรียนการโรงแรมดูชิลล์ว่ะ ปูเตียง ทำขนม ดูสบาย ไม่สบายนะคะ สี่ปีต้องอดทน กว่าจะจบมาได้ รู้สึกภูมิใจค่ะ หลายคนยอมแพ้ช่วงปี 3 ลาออกไปเยอะมาก เบลล์เคยคิดถึงขนาดปริญญามีไว้ทำไม แต่พอเราใกล้จบ ถึงได้คำตอบ ปริญญาคือเครื่องพิสูจน์ว่าเรามีความรับผิดชอบ แล้วก็อดทนพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จขั้นแรก มันการันตีได้ว่าเราเป็นคนคุณภาพที่จะสามารถทำงานต่อไปในอนาคตได้
นางงามเสียงสวยเปลี่ยนชีวิต
จริงๆ ช่วงใกล้จบ หนูไปสมัครงานโรงแรมที่มาเก๊า ไปสมัครเป็นเลขาที่ออสเตรเลีย แล้วก็สอบชิงทุนที่จีนติดแล้ว แต่พอได้ประกวดมิสแกรนด์ และได้ตำแหน่ง เส้นทางทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด จริงๆ ตอนได้มงก็ไม่คิดว่าจะได้ งานในวงการก็ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ เหมือนเราวิ่งหนีสิ่งที่เราค้นหามาตลอด เพราะเมื่อตอนเด็กเบลล์มีปม คือ รู้สึกกดดันที่เกิดเป็นลูกคุณพ่อคุณแม่ แล้วชอบโดนคนส่วนใหญ่ที่มองมาตัดสินความเป็นลูกดาราก่อนความสามารถของเบลล์ เลยทำให้เกิดความไม่มั่นใจ ตั้งแง่กับความสามารถของตัวเอง อยากจะเลือกที่ไม่ต้องเดินทางแบบพ่อแม่ดีกว่า จะได้พิสูจน์ตัวเองได้ชัดเจนมากกว่า แต่พอมงลงปุ๊บ เราก็ต้องเลือกทำให้เต็มที่ และรู้สึกว่า ตอนนี้เราต้องเชื่อตัวเองแล้วนะ ไม่ใช่เพื่อพิสูจน์ให้คนรอบข้างเห็น แต่เราต้องเอาชนะใจตัวเอง เหมือนเบลล์ทำแล้วมีความสุข เหนื่อยแค่ไหนแล้วมีความสุข มันก็คือทางที่ใช่ของเราแล้วแหละ
ตื่นมาวันนี้ คุณย่ำอยู่กับที่หรือเปล่า
จากเวทีประกวดมันทำให้ทุกคนแล้วก็คุณอารู้ว่าเราร้องเพลงได้จริงๆ นะ สุดท้ายได้เข้ามาเป็นศิลปินในสังกัด Mono Music รู้สึกโชคดีมากที่มีผู้ใหญ่มาซัพพอร์ตความฝันของเรา สิ่งที่เรารัก ทุกคนใน Mono ก็เต็มที่กับเบลล์มาก ตอนนี้มีซิงเกิ้ลเพลงแรก “สักคืนได้ไหม” ก็เลือกเพลงในเสียงหวานตอนประกวดนางงามที่คนชอบ เราออกมาเพื่อตอบโจทย์แฟนคลับคนที่เรารัก แต่ก็จะต้องมีซิงเกิ้ลต่อไปที่จะบอกตัวตนความเป็นเบลล์มากขึ้นแน่ๆ ซึ่งพอได้เข้ามาในวงการเราก็เข้าใจถึงสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำมาตั้งแต่หนูเด็กๆ เลย เข้าใจแล้วว่าทำไมต้องดูแลตัวเองขนาดนี้ มันน่าจะเป็นอาชีพที่ได้มาง่าย แต่พูดได้เลยว่ามันไม่ง่าย การแข่งขันสมัยนี้สูงมาก คุณต้องมีความพยายาม ความตั้งใจจริงๆ
ทุกวันนี้เบลล์ตื่นมาจะดูตัวเองตลอดว่าตอนนี้เราย่ำอยู่กับที่หรือเปล่า เบลล์ชอบทำงานอะไรที่มันท้าทายความสามารถตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรหยุดนิ่ง อนาคตก็คือการพัฒนาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ก่อนหน้าเคยกังวลนะว่าตัวเองต้องประสบความสำเร็จ แต่พอถึงจุดนั้นจริงๆ กลับไม่มีความสุข เบลล์ก็เลยนึกย้อนกลับไปดูว่าทำไม จริงๆ แล้วความสุขที่มีทั้งหมด สิ่งที่ประสบความสำเร็จก็คือตลอดระยะเวลาเดินทางที่มีทั้งดีและไม่ดี เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคนอื่น นั่นคือการเดินทางของชีวิต การผจญภัยต่างๆ ที่ผ่านมาเบลล์ว่ามันเป็นจุดมุ่งหมายแล้ว เป็นความสุขแล้ว แค่คิดสั้นๆ ไม่ต้องคิดไกล แค่คิดทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ
ติดตามคอลัมน์ Interview ในนิตยสาร Campus Star No.59