จริงๆ แล้วทักษะแห่งอนาคตมีเสาหลักสองเรื่องสำคัญคือ ทักษะความคิดสร้างสรรค์ และ ทักษะการใช้เทคโนโลยี อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัย World Economic Forum ( https://bit.ly/2L2QXwt ) ซึ่งผลการศึกษาได้สรุปทักษะที่จำเป็นเพื่อเตรียมพร้อมตัวเองสู่โลกการทำงานในอนาคต หากฝึกปรือทักษะสองเรื่องนี้ให้เป็นคุณลักษณะเด่นของตัวเองได้ ไม่ว่าคุณจะเรียนอะไรในตอนนี้ก็กล่าวได้ว่าคุณจะไม่มีวันตกยุค
ทำอย่างไร ถ้าความรู้ที่เรียนในวันนี้ ไม่มีอาชีพรองรับในอนาคต
ล่าสุด Creativity + Technology เป็นแนวคิดที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพได้นำไปใช้ในการสร้างกระบวนการเรียนการสอนในทุกคณะ มาทำความเข้าใจกันหน่อยว่าด้วยแนวคิดนี้ เรียนสอนกันอย่างไร
เปลี่ยนวิธีเรียน กระตุ้นให้คิด
มหาวิทยาลัยกรุงเทพใช้การเรียนแบบ Project Based Learning ผู้เรียนจะได้ทำงานกันจริงจังตั้งแต่เข้ามาเรียนปี 1 การรวมทีมกันทำงานทำให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนทักษะการเรียนรู้ เพราะแต่ละคนมีความถนัดต่างกัน จึงทำให้งานที่ออกมานั้นสมบูรณ์แบบมากขึ้น การทำงานแต่ละโปรเจกต์จะฝึกผู้เรียนให้สามารถใช้เทคโนโลยีเป็น รู้จักคิดวิเคราะห์แก้ปัญหา เรียนรู้การปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้
เปลี่ยนบทบาทผู้สอน
ผู้สอนมีบทบาทเป็น Facilitator เป็นผู้สร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้และให้คำแนะนำ มหาวิทยาลัยกรุงเทพได้ชื่อว่าเป็น Creative University เรียนคณะไหนของมหาวิทยาลัยไอเดียบรรเจิดก็เกิดได้ตลอด ไอเดียเหล่านั้นก่อรูปร่างได้จริงเพราะมหาวิทยาลัยมี Ecosystem ด้านการศึกษาพร้อมมากที่จะสนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียน ทั้งพันธมิตรภาคธุรกิจ มหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ และเครื่องมืออุปกรณ์ครบครันทันสมัย เบ้าหลอมการเรียนรู้แบบนี้ได้สร้างบัณฑิตให้มีคุณลักษณะเฉพาะตัวคือ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความรู้ในการใช้เทคโนโลยี และมีจิตวิญญาณผู้ประกอบการ
เรียนข้ามศาสตร์
การเรียนรู้ข้ามคณะเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ทลายข้อจำกัดเดิมๆ ของสังคมการศึกษาไทยที่ว่า เรียนสายวิทย์จะไม่เก่งสร้างสรรค์ หรือเรียนสายศิลป์จะอ่อนวิทย์และเทคโนโลยี แต่ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพเติมเต็มความรู้ให้แบบไม่มีข้อจำกัด
ตัวอย่างเช่น คณะนิเทศศาสตร์สาขาการผลิตอีเว้นท์และการจัดการนิทรรศการและการประชุม นักศึกษาได้เรียนรู้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในสายงานนิเทศฯ ด้วยการนำเครื่องมือเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในโปรเจกต์งานนักศึกษา เช่น 3D Animation, projection mapping, Hologram Technology, AR, VR เป็นต้น
ผลงานของนักศึกษาชั้นปีที่ 2 โปรเจกต์ Project Mapping งาน Open House BU ซึ่งจัดไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นบทพิสูจน์กระบวนการเรียนรู้ C+T ได้ดี
ชมผลงานจัดเต็มได้ที่ลิ้งค์นี้ https://www.bu.ac.th/th/bu-magazine/view/461
คณะสายวิทยาศาสตร์ก็ไม่เบา ต้องบอกว่าเป็นวิทย์คิดสร้างสรรค์ ชัดเจนที่สุดคือ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม สาขาเกมและสื่อเชิงโต้ตอบ นักศึกษาชั้นปีที่ 2-3 รวมกลุ่มกันไปแข่งขันการพัฒนาเกมในงาน Gaming Dev BootCamp ซึ่งมี 24 ทีมจาก 7 มหาวิทยาลัยร่วมส่งผลงาน โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพได้รับรางวัลชนะเลิศกับผลงานพัฒนาเกมภายใต้โจทย์ Thailand 2077 ในชื่อผลงาน “Dissolve Space” เป็นเกมในรูปแบบ Si-Fi Shooting Adventure ใช้เทคโนโลยี VR สร้างความตื่นตาได้เสมือนจริง
ชมผลงานได้ที่ลิ้งค์นี้ https://www.bu.ac.th/th/bu-magazine/view/460
ผลงานชิ้นนี้มีความโดดเด่นในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ นักศึกษาผู้พัฒนาเกมบอกว่า เป็นเพราะพวกเขาได้เรียนรู้ข้ามศาสตร์ในรายวิชา Storytelling จากคณะนิเทศศาสตร์ ทำให้เข้าใจและสามารถฝึกทักษะที่ดีในการสื่อสาร การนำเสนอความคิดรวบยอด และการเล่าเรื่อง
แนวคิด C+T ถูกนำไปใช้สร้างกระบวนการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ให้กับทุกคณะของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และเพื่อให้สอดรับกับโลกธุรกิจที่เปลี่ยนไป ในปีการศึกษา 2563 มหาวิทยาลัยกรุงเทพได้พัฒนาหลักสูตรใหม่ 4 หลักสูตร ได้แก่
- คณะนิเทศศาสตร์ หลักสูตร Creative Content Production and Digital Experience
- คณะนิเทศศาสตร์ หลักสูตร Broadcasting and Streaming Media Production
- คณะวิศวกรรมศาสตร์ หลักสูตร Artificial Intelligence Engineering and Data Science และ
- คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม หลักสูตร Computer Science – Data Science and Cyber Security
เป็นการก้าวไปข้างหน้าของมหาวิทยาลัยกรุงเทพด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างคนรุ่นใหม่ให้พร้อมรับมือกับทุกความท้าทายของอาชีพในอนาคตได้อย่างมั่นใจ