นักศึกษาวิชาทหาร ปรับวิชา รด.

กำหนดให้มีการปรับสัดส่วนวิชาที่ต้องเรียน ของนักศึกษาวิชาทหาร ในปี 62

Home / ข่าวการศึกษา / กำหนดให้มีการปรับสัดส่วนวิชาที่ต้องเรียน ของนักศึกษาวิชาทหาร ในปี 62

ในปี 2562 จะมีการปรับรูปแบบการเรียนการสอน ของนักศึกษาวิชาทหาร โดยจะลดส่วนเนื้อหาวิชาทหารในห้องเรียนลง แต่ไปเพิ่มสัดส่วนเนื้อหาของวิชาทั่วไปเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย และการบรรเทาสาธารณภัยลงไปแทน อีกทั้งยังเน้นย้ำการสร้างทักษะความเป็นผู้นำ และทักษะภาษาอังกฤษอีกด้วย

ความเปลี่ยนแปลงในการปรับสัดส่วนวิชาเรียน ของนักศึกษาวิชาทหาร

ในวันที่ 19 มิ.ย.2562 ที่ผ่านมา ครูฝึกนักศึกษาวิชาทหารจากมณฑลทหารบกทั่วประเทศ 225 นาย ร่วมระดมความคิดพัฒนาการฝึกนักศึกษาวิชาทหารเพื่อรองรับการปรับปรุงหลักสูตรใหม่ที่จะเริ่มใช้ในปีการศึกษา 2562 โดยการปรับหลักสูตรนี้ก็เพื่อฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ให้เป็นทั้งกำลังพลสำรองที่มีคุณภาพ และเยาวชนที่ดีออกสู่สังคม แต่ก็ต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และมีความทันสมัย โดยปรับปรุงเฉพาะการฝึกภาคที่ตั้งปกติในห้องเรียน 80 ชั่วโมง แต่การฝึกภาคสนามยังคงเนื้อหา และขอบเขตการฝึกเดิม

รายละเอียดวิชาที่ปรับสัดส่วน

การปรับเพิ่ม ลดแต่ละส่วนของการเรียนตามหลักสูตรใหม่ คือ ลดสัดส่วนวิชาทหารจากเดิมร้อยละ 70 เหลือร้อยละ 55 เพิ่มวิชาทั่วไปจากเดิมร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 45 และจะมีการเพิ่มวิชาเรียนเข้ามาอีก 7 ตัวได้แก่

  1. ประวัติศาสตร์ชาติไทย
  2. สถาบันพระมหากษัตริย์
  3. บทบาททหารกับความมั่นคง
  4. ปฐมพยาบาล
  5. บรรเทาสาธารณภัย
  6. วิชาผู้นำ
  7. จิตอาสา

ทั้งนี้เพื่อลดความซ้ำซ้อนของเวลา และเนื้อหา เนื่องจากบางวิชาสามารถนำไปเรียนรู้ในภาคสนาม เช่น วิชาอาวุธศึกษา รวมทั้งจะปรับกระบวนการเรียนการสอน ให้นักศึกษาวิชาทหารมีส่วนร่วมมากขึ้น ทั้งการค้นคว้า หาข้อมูล และแก้ปัญหาตามเงื่อนไขสถานการณ์ต่าง ๆ ภายใต้การทำงานเป็นทีม และเชื่อมโยงการใช้สื่อโซเชียลในเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งหลักสูตรใหม่นี้จะนำมาใช้ในเดือน ก.ค. 62 นี้

การเสริมทักษะที่จำเป็น

นอกจากจะต้องมีการปรับวิชาเรียนให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ทางกระทรวงกลาโหม ยังได้มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาของโรงเรียนนายร้อยเหล่าทัพ ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปัจจุบัน และแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านการศึกษา โดยจะเน้นเรื่องของภาวะผู้นำที่ต้องมีองค์ความรู้ ควบคู่กับคุณธรรม จริยธรรม โดยย้ำให้เสริมการศึกษาภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสารในอนาคตอีกด้วย

ที่มา : thaipbs news 

บทความแนะนำ