เคยเห็นข่าวไหมว่า? หลาย ๆ คนที่พลาดการรับเข้าทำงานเพียงเพราะใช้สื่อโซเชียลมีเดียในทางที่ผิด เช่น มีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำว่า อะไรในโซเชียลมีเดียที่หากถ้าคุณได้โพสต์ลงไปบนไทม์ไลน์ของคุณแล้ว อาจจะส่งผลในอนาคตเวลาที่คุณสมัครงาน – 7 สิ่งในโซเชียลมีเดีย ที่มีผลต่อการสมัครงาน
7 สิ่งในโซเชียลมีเดีย ที่มีผลต่อการสมัครงาน
1. โพสต์เนื้อหาทางการเมือง แต่ยอมรับความแตกต่างทางความคิดไม่ได้
Shawn Breyer และทีมของเขาที่ Breyer Home Buyers ในจอร์เจียกำลังสัมภาษณ์รอบสุดท้าย ในตำแหน่งผู้ประสานงานการทำธุรกรรม ซึ่งพวกเขาจะจัดการกับสิ่งต่าง ๆ เช่น เอกสารการกำหนดเวลา รวมถึงการประสานงานระหว่างทนายความ สาเหตุที่ทำให้ Breyer และเพื่อนร่วมงานของเขาลังเล คือ ผู้สมัครกำลังโพสต์เนื้อหาทางการเมือง ซึ่งในระหว่างการหาเสียงของประธานาธิบดีไม่ได้ผิดปกติและไม่ได้เป็นปัญหา แต่พวกเขายังโต้เถียงอย่างก้าวร้าวกับใครก็ตามที่ไม่เห็นด้วย Breyer กล่าว “เราต้องการให้สมาชิกในทีมของเรา สามารถแยกแยะความแตกต่าง และทำงานร่วมกันได้ และเรารู้สึกว่าการกระทำเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะไม่สามารถปฏิบัติเช่นนี้ได้”
2. เมื่อผู้สมัครโกหกเกี่ยวกับแม่ของเธอว่ากำลังป่วย
Rich Franklin เป็นผู้ก่อตั้งและประธานของ KBC Staffing ซึ่งเป็นบริษัทจัดหาพนักงาน เผยว่า เวลาที่ผู้สมัครงานขอเลื่อนกำหนดการนัดหมาย โดยมีเหตุผลอ้างเกี่ยวกับแม่ของเธอว่ากำลังป่วย ซึ่งแน่นอนวาสพวกเขาเข้าใจ แฃะไม่มีปัญหาในการนัดหมายใหม่ แต่เมื่อไปส่องโปรไฟล์ Facebook ของเธอ แล้วมีรูปของเธอออกไปทานอาหารเย็นกับแม่ในวันรุ่งขึ้น ทำให้บริษัทไม่คิดจะเรียกเธอสัมภาษณ์อีก เพราะว่าเธอโกหก
3. เมื่อผู้สมัครสวมสัญลักษณ์ทางการเมืองในรูปโปรไฟล์ของเขา
“ชายคนหนึ่งเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ของเขาและพร้อมที่จะได้รับการว่าจ้าง” แต่เมื่อ “เราพบเขาใน Facebook และโปรไฟล์ของเขาสวมแจ็กเก็ตนักขี่จักรยานกับสัญลักษณ์สวัสติกะ” ผู้สมัครงานคนนี้แม้เขามีพื้นฐานและทักษะที่ถูกต้องเหมาะกับงาน และเขากำลังจะได้งานแน่ ๆ แต่เมื่อได้เห็นรูปโปรไฟล์กับสัญลักษณ์สวัสติกะ เขาจะไม่ได้งานนั้นไป เพราะสัญลักษณ์ทางการเมืองเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมาก ๆ
4. เมื่อผู้สมัครรับงานรับเลี้ยงเด็ก และมีโพสต์คลิปวีดีโอเชิงล้อเลียน
เอเจนซี่ของแฟรงคลินกำลังจ้างงานที่รับเลี้ยงเด็กใหม่ และมีการตรวจสอบประวัติของผู้สมัคร เช่น ถ้าหากพบโพสต์เป็นคลิปวีดีโอเชิงล้อเลียนเมื่อเด็ก ตกลงมาจากสิ่งของต่างๆ เช่น ชิงช้า ที่นอน หรือว่าลื่นจากสไลด์เดอร์) “เราไม่ต้องการคนที่สนุกสนานกับการได้รับอันตรายของเด็ก ๆ เข้ามามีส่วนร่วมกับบริษัท” เพราะถ้ามีคนอื่นเห็นสิ่งนี้ หรือผู้ปกครองมาเห็น มันจะไม่ดีสำหรับบริษัท
5. เมื่อผู้สมัครโกรธและสาปแช่งเกี่ยวกับกีฬา
Jill Pante ผู้อำนวยการศูนย์บริการอาชีพมหาวิทยาลัยเดลาแวร์เลิร์นเนอร์ เคยนำคณะกรรมการช่วยกันในการตัดสินใจขั้นสุดท้ายระหว่างผู้สมัครสองคน ซึ่งทั้งสอง มีทักษะเท่าเทียมกัน มีความกระตือรือร้น และเหมาะสมกับสำนักงานนี้ แต่ถ้าคนใดที่เคยมีโพสต์ที่แสดงออกว่าโกรธ หรือสาปแช่งเกี่ยวกับกีฬา หรือสิ่งต่าง ๆ ลงในสื่อโซเชียมีเดียนั้น เขาจะมองว่าคุณเป็นคนอารมณ์ร้อน และไม่รู้จักควบคุมตัวเอง
6. เมื่อผู้สมัครแสดงมุมมองที่ขัดแย้งกับค่านิยมของบริษัท
Cristian Rennella ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ elMejorTrato.com ซึ่งเป็นเครื่องมือค้นหาสินเชื่อและผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ ที่มีอยู่ในอาร์เจนตินา, บราซิล, เม็กซิโก และอีกหลายประเทศกำลังมองหา CTO (Cchief Technology Officer ) คนใหม่
การหาคนที่มีทักษะด้านเทคนิคเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่พวกเขามีผู้สมัครที่มีแนวโน้มอย่างน้อยหนึ่งคน เมื่อพวกเขาดูประวัติในโซเชียลมีเดีย และพบทวีตที่ผู้สมัครระบุว่าการสำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นในการหางานเป็นโปรแกรมเมอร์ / ซึ่งสิ่งนี้ขัดกับวัฒนธรรมของบริษัทอย่างชัดเจน
7. โพสต์สเตตัสหรือภาพ อาจทำให้เป็นปัญหา
ด้วยเหตุผลหลายประการภาพบางภาพ โพสต์บางโพสต์อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ ถ้าคุณจำเป็นจะต้องให้เพื่อนที่ทำงาน หรือหัวหน้าเป็นเพื่อนกับคุณในสื่อโซเชียลต่างๆ แนะนำการตั้งค่าเป็นส่วนตัวให้แค่เพื่อนที่สนิทของคุณเห็นเท่านั้นก็พอ!! ไม่จำเป็นต้องให้คนที่ทำงานเห็น ป้องกันไว้จะดีกว่าอะนะ
ที่มา : themuse