ในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ จะพาทุกคนไปรู้จักกับ เอก นนทกฤช กลมกล่อม ผู้ประกาศข่าวหล่อคมเข้มจากช่อง MONO 29 กันค่ะ ดีกรีบัณฑิตคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ นอกจากนี้เขายังได้รับรางวัลญาณสังวร คนดีศรีสยาม สาขาผู้เป็นแบบอย่างดีเด่น และรางวัลพระราชทานเทพทอง ครั้งที่ 19 อีกด้วย
เอก นนทกฤช กับมุมมองด้านการศึกษา ที่พัฒนาได้ แต่ต้องใช้เวลา
โดยในบทความนี้ เอก นนทกฤช ผู้ประกาศข่าวมากความสามารถจากช่อง MONO 29 จะมาบอกเล่าถึงมุมมองด้านการศึกษาไทยและความสำคัญของใบปริญญาบัตรในยุคปัจจุบัน ที่ถือได้ว่าเป็นใบเบิกทางในการสมัครเข้าทำงาน แต่สุดท้ายแล้วพอได้เข้าไปทำงานจริง ๆ เราก็ต้องวัดกันที่ด้านความสามารถ การทำงานได้จริง ไม่ใช่เก่งแต่ด้านทฤษฎีเท่านั้น…
มุมมองด้านการศึกษาไทย
ถามว่า ทำไมการศึกษาไทยยังไม่สามารถพัฒนาไปถึงระดับนานาชาติได้นั้น อย่างที่เราได้เห็นการมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่ต้องการเปลี่ยนแปลงมันไม่เคยเกิดขึ้นได้จริง ๆ สักที แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้วในโรงเรียนเอกชนบางแห่ง หรือโรงเรียนรัฐบาลบางแห่งเท่านั้น
– สังคมไทย ยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง
สำหรับ การเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาไทยอาจจะทำได้ยาก เนื่องจากมันยังติดปัญหาอยู่ที่ระบบของการบริหารงาน ระบบโครงสร้าง ทั้งภาครัฐ และก็เรื่องลำดับขั้นต่าง ๆ รวมไปถึงเรื่องของบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งครูที่มีประสบการณ์ในด้านการสอน หรือครูใหม่ที่เพิ่งเรียนจบมา ก็ยังคงอยู่ในรูปแบบเดิม ๆ โดยมีส่วนน้อยมากที่จะเป็นครูที่อยู่ในรูปแบบใหม่ หรืออาจจะกล่าวได้ว่า “สังคมไทย ยังไม่พร้อมที่จะมีการเปลี่ยนแปลง”
– ไม่มีใครลงมือทำอย่างจริงจัง
ถึงแม้ว่าการศึกษาไทยจะเป็นเรื่องที่พูดถึงกันเป็นอย่างมากในวงกว้าง แต่ก็ยังไม่มีใครที่ได้ลงมือทำ มีแต่คนวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นว่ามันยังไม่ดี ไม่โอเค แต่ก็ไม่ได้ลงมือทำกันจริง ๆ ซึ่งเชื่อว่าถ้าหากใครได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วนำข้อมูลที่ได้ศึกษามานั้นไปเปรียบเทียบกับโครงสร้างการเรียนการสอน ทั้งในรูปแบบวิชา หลักสูตร การสอนของครู เทคนิค และยังรวมถึงรูปแบบการให้การบ้านกับเด็ก ๆ ด้วย มันค่อนข้างมีความแตกต่างจากประเทศที่เขามีระบบการศึกษาที่ดี
– ความแตกต่างของระบบการศึกษา
ซึ่งถ้าเราลองมองดูจะรู้ถึงความต่างของนักเรียนในประเทศที่มีระบบการศึกษาดี ว่าพวกเขาเรียนสบายด้วยซ้ำไป แต่เมื่อมองย้อนกลับมาที่เราเด็ก ๆ กลับเรียนหนัก โดยสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ได้ออกมามันก็ไม่เหมือนกัน แต่ก็เชื่อว่าการศึกษาไทยสามารถพัฒนาได้ไปถึงระดับนานาชาติได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันคงไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน หากสังคมไทยยังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลง มันก็คงยังจะต้องเป็นแบบนี้ต่อไป เพราะมันไม่ใช่ว่าทุกอย่างเหมือนเดิม แต่การศึกษาไทยเปลี่ยนแปลงไปไกลมาก ๆ มันคงไม่ใช่อย่างงั้น การเปลี่ยนแปลงนั้นทุกอย่างมันจะต้องค่อยเป็นค่อยไปถึงจะสำเร็จได้
– พัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป เชื่อว่าทำได้
แต่ก็เชื่อว่าในอนาคตจะต้องทำได้แน่นอน เพราะในปัจจุบันมีพลังงานของคนรุ่นใหม่มากขึ้น เหมือนกับล่าสุดที่ได้เคยคุยกับน้อง ๆ นักเรียนชั้น ม.3 ที่ได้มีโอกาสเข้ามาดูขั้นตอนการทำงานที่ MONO29 เด็ก ๆ นักเรียนถามคำถามเยอะมากเกี่ยวกับการทำงาน ทำให้ได้มีโอกาสคุยกับเขา และรู้ว่าเด็ก ๆ ในยุคปัจจุบันได้หันมาให้ความสนใจด้านการเมืองเพิ่มมากขึ้น โดยพวกเขาติดตาม และรู้เรื่องเกี่ยวกับการเมืองค่อนข้องเยอะ ซึ่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่จะช่วยทำให้การศึกษาไทยได้รับการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
และนอกจากนี้ ถึงแม้ว่าการศึกษาไทยจะสามารถผลิตคนได้เก่งจริง แต่ว่าคนที่จะเข้ามาหน้าที่ หรือเข้าทำงานแล้วเก่งจริง ๆ นั้นยังมีน้อย เพราะเราจะเห็นได้ว่าการเรียนการสอนส่วนใหญ่ยังคงเน้นการเรียนด้านเนื้อหาสาระมากกว่าการปฏิบัติจริง
ความสำคัญของใบปริญญา
ในสังคมไทยอาจจะยังสำคัญ เพราะส่วนใหญ่ถ้าไม่มีก็สมัครเข้าทำงานไม่ได้นะครับ ซึ่งมีบริษัทน้อยแห่งที่ไม่ได้ดูเรื่องใบปริญญา และโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบริษัทต่างชาติ หรือบริษัทข้ามชาติเท่านั้น ถือได้ว่ามีส่วนน้อยมาก ๆ ที่จะไม่ให้ความสำคัญกับใบปริญญา
– ใบปริญญาไม่ได้การรันตีความสามารถ
ซึ่งในตรงนี้ผมมีความเห็นว่า มันแบ่งออกเป็น 2 ด้านครับ คือด้านที่ 1 ถ้าไม่มีใบปริญญา แต่คุณมีความสามารถ อันนี้เห็นด้วยครับ ที่จริงแล้วกระดาษแผ่นเดียวมันไม่ได้สามารถการันตีได้ว่า “คุณทำงานได้ดีแค่ไหน” เชื่อว่าคนทำงานก็น่าจะมีประสบการณ์เจอเพื่อนร่วมงานที่เรียนดี จบดี จบสูง เกรดดี แต่พอถึงเวลาทำงานจริง ๆ ก็ทำงานไม่ได้ ทำงานไม่เป็นบ้างก็มี แต่สำหรับบางคนที่จบไม่สูง แต่กลับสามารถทำงานได้ดีกว่าก็มี
– ถึงไม่มีใบปริญญา เราก็ต้องมีความพร้อม
แต่อย่างที่บอกไปว่าในบ้านเรา ปัจจุบันก็ยังให้ความสำคัญใบปริญญาอยู่ เนื่องจากสามารถใช้เป็นใบเบิกทางในการสมัครเข้าทำงานได้ แต่พอได้งานแล้ว สุดท้ายเราก็ต้องมาวัดกันที่ความสามารถอีกรอบอยู่ด้วยครับ
และถ้าหากในอนาคตจะไม่มีใบปริญญาเลยก็ดี แต่พอไม่มีก็ต้องย้อนกลับไปในคำถามแรกเกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนการสอนว่ามันไม่ได้หมายความว่าคุณเรียนจบ ม.3 ม.6 ก็สามารถมาสมัครงานได้ แต่ตัวคุณเองจะต้องมีความพร้อมด้วย ทั้งความรู้ด้านทฤษฎีและด้านปฏิบัติ รวมถึงพื้นฐานของคนที่จะออกมาทำงานวัย 20-21 ปี ซึ่งถ้าคุณมีความพร้อมและมั่นใจว่าสามารถทำได้ก็สามารถสมัครเข้าทำงานได้ โดยไม่ต้องห่วงเรื่องใบปริญญาเลย ซึ่งก็เชื่อว่าในหลาย ๆ บริษัทจะมีการเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น
ผู้ประกาศข่าว MONO29 รับพระราชทานรางวัลเทพทอง ครั้งที่ 19
Link : seeme.me/ch/goodmorningthailand/M08wPd
รวมภาพ เอก นนทกฤช
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ
ขอบคุณภาพจาก IG : @ake_nonthakrit