กว่าจะสอบติดมหาวิทยาลัยได้แต่ละที่นั้น เรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะว่ามีการสอบหลายขั้นตอนมาก ทั้งสอบข้อเขียน ใช้คะแนนจากการสอบ GAT/PAT 9 วิชาสามัญ และด่านสุดท้ายก็คือ ‘การสอบสัมภาษณ์’ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดแล้วว่าเราได้เรียนต่อที่นี้หรือไม่
10 คำถาม สอบสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัย
ดังนั้นเรามาเตรียมตัวกันให้พร้อมก่อนสอบสัมภาษณ์กันจริงๆ เลยดีกว่า กับ 10 คำถามยอดฮิต ที่เรามักจะได้เจอกันอยู่บ่อยๆ เวลาสอบสัมภาษณ์เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษามีอะไรบ้าง
1. การแนะนำตัวเอง
การที่คณะกรรมการถามคำถามนี้ ไม่ใช่ว่าอยากรู้ข้อมูลส่วนตัวของคุณ เพราะอย่าลืมว่า พวกเขาย่อมมีประวัติส่วนตัวของคุณโดยละเอียดอยู่แล้ว ดังนั้น คำถามนี้จึงเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้คุณ ทำคะแนนสร้างความประทับใจแรกแก่กรรมการ และยังเหมือนเป็นการละลายพฤฒิกรรมให้คุณผ่อนคลายกับคำถามต่อๆ ไปอีกด้วย
คำตอบ : สำหรับข้อนี้ ไม่มีอะไรแนะนำคุณมากนัก นอกจากให้คุณมี “สติ” เพราะถ้าคำถามแรกคุณตอบอย่างมีสติ รับรองว่าคำถามต่อๆ ไปผ่านฉลุยแน่นอน
- ต้องเตรียม “ค่าใช้จ่าย” อะไรบ้าง? เมื่อน้อง ๆ ก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยปี 1
- 8 อาชีพมาแรง สำหรับบัณฑิตจบใหม่ ในยุคดิจิทัล – เงินดี อนาคตไกล
2. ทำไมถึงเลือกเรียนคณะ/สาขานี้
เป็นคำถามที่ร้อยทั้งร้อยต้องเจอ และยังเป็นคำถามที่ชี้วัดชะตากรรมของคำถามต่อไปเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าคุณตอบดีเข้าตากรรมการ คำถามต่อไปก็ง่ายขึ้นเรื่อยๆ เพราะกว่า 50% ของคณะกรรมการจะตัดสินในใจแล้วว่าคุณเหมาะหรือไม่กับการเรียนคณะนี้นั่งเอง
คำตอบ : เชื่อว่าหลายคนที่เจอคำถามนี้ ก็ต้องตอบว่า “อยากเรียนมานานแล้วค่ะ/ครับ” ซึ่งคำตอบแบบนี้ถือว่าเฉยๆ มาก พวกเขาจะไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับคำตอบของคุณเลยจนกว่าคุณจะกล่าวข้อมูลเสริมเข้าไป เช่น ฝันอยากแอร์โฮสเตสมาตั้งแต่เด็ก จึงตั้งใจเรียนด้านภาษามาโดยตลอด และทุกครั้งที่ขึ้นเครื่องบินได้มีโอกาสเห็นพี่ๆ เขาพูดภาษาคล่องๆ ให้บริการอย่างชำนาญแล้วก็ยิ่งรู้สึกมีแรงบันดาล ดังนั้นจึงเลือกเรียนคณะ/สาขานี้ เป็นต้น
3. รู้หรือไม่ว่าคณะ/สาขานี้เรียนอะไรบ้าง?
คำถามนี้เป็นการทดสอบว่าคุณหาความรู้เกี่ยวกับคณะที่จะเข้ามาศึกษามากน้อยเพียงใด ดังนั้นจึงไม่ควรตอบแบบผิวเผิน เช่น ไม่ทราบ หรือ คณะมนุษย์ศาตร์ก็มีไว้สอนภาษา เพราะถ้าตอบแบบนั้นก็เตรียมรอสอบที่ใหม่ได้เลย
คำตอบ : สำหรับข้อนี้คุณควรจะตอบเป็นเชิงลึกลงไป เช่น คณะมนุษย์ศาตร์เป็นคณะที่มีการเรียนการสอนหลากหลาย ซึ่งนอกจากภาษาแล้ว ยังสอนการบริการ, การตลาด, การบริหาร รวมไปถึงความรู้ต่างๆ ที่เราสามารถนำไปใช้ในการทำงานได้จริงอีกด้วย เรียกได้ว่ารู้อะไรเกี่ยวกับคณะนี้ให้ตอบออกไปให้หมดเลยก็ว่าได้
4. เรียนหนักนะ จะไหวเหรอ?
เป็นคำถามสั้นๆ แต่ได้ใจความ เพราะเป็นเหมือนการคอนเฟริมความมั่นใจของคุณไปในตัว คณะกรรมการบางคนอาจจะถามเหมือนเป็นเชิงดูถูกให้คุณของขึ้นเล่นๆ แต่อย่าไปคิดมาก ให้ตอบแบบมั่นใจเข้าไว้ว่าเราทำได้
คำตอบ : ไหวแน่นอนค่ะ/ครับ เพราะถ้าได้เข้าคณะที่ฝันมานาน คิดว่าคงไม่มีไรยากไปกว่านี้แล้วค่ะ/ครับ ขอย้ำว่าเสียงที่ตอบต้องมีความมั่นใจ ห้ามยิ้มแหย่ๆ หรือเกาหัวแก๊กๆ เป็นอันขาด
5. แล้วถ้าไม่ได้ที่นี่จะทำยังไง
เมื่อได้ยินคำถามนี้ ขอย้ำคำว่า “สติ” อีกครั้ง เพราะคณะกรรมการเพียงแค่ดูไหวพริบและความคิด หลังจากได้รับแรงกดดันเท่านั้น ห้ามตอบว่า “ไม่ทราบ” เป็นอันขาด
คำตอบ : ให้ย้ำความตั้งใจที่จะเข้าคณะนี้อีกครั้ง โดยอาจจะตอบว่าจะรอรอบสัมภาษณ์หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่เป็นการย้ำว่าคุณต้องการเข้าศึกษาต่อคณะนี้จริงๆ
6. ถามเกี่ยวกับกิจกรรมที่เคยเข้าร่วม
คำถามนี้ไม่ใช่การชวนคุย แต่เป็นคำถามที่จะดูว่าคุณเป็นคนมีสาระหรือไม่ ใช้เวลาว่างเป็นประโยชน์หรือเปล่า และกิจกรรมที่คุณเคยทำสอดคล้องกับคณะที่จะเรียนมากน้อยเพียงใด
คำตอบ : ข้อนี้คุณอาจจะตอบสร้างภาพ เกี่ยวกับกิจกรรมที่สอดคล้องกับคณะที่จะเข้าก็ได้ หรือถ้าคุณจะตอบแบบตรงไปตรงมา ก็ขอให้คุณอธิบายเพิ่มเติมไปว่า เพราะอะไรถึงเข้าร่วมและกิจกรรมที่ทำมีประโยชน์อะไรบ้าง แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะทำกิจกรรมที่ตรงกับอาชีพหรือคณะที่เรียน ขนาดหมอยังไปเตะบอล ทั้งที่ไม่ได้จบคณะพละศึกษาสักหน่อย
7. ข้อดีของคุณคืออะไร
แน่นอนว่าหลายคนย่อมมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย แต่ข้อดีของคุณมันดีต่อคนอื่นหรือเปล่านั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
คำตอบ : ให้คุณตอบไปเลยอย่างมั่นใจว่าคุณมีข้อดีอะไรบ้าง แต่อย่าลืมที่จะเติมท้ายไปว่า ข้อดีของคุณดีต่อคนอื่นอย่างไรด้วยนะ
8. ข้อเสียของคุณคืออะไร
บางคนอาจตอบอย่างมั่นใจว่า “ไม่มี” เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับตนเอง แต่คุณอย่าลืมคิดไปว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ดีพร้อมไปหมดทุกอย่างหรอกนะ และคนที่รู้ข้อเสียของตนเองก็ดูเป็นคนน่าคบหามากกว่าคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีข้อเสียอะไร
คำตอบ : ข้อนี้คุณควรตอบข้อเสียของคุณออกไปเลยอย่างมั่นใจ แต่อย่าลืมที่จะบอกวิธีแก้ไขข้อเสียของคุณเข้าไปด้วย เช่น เป็นคนไม่รอบคอบ แต่ก็พยายามทวนสิ่งที่ต้องทำหรือสิ่งที่สำคัญทุกครั้งก่อนไปทำอย่างอื่นค่ะ/ครับ คำตอบแนวนี้จะช่วยให้เขาคิดว่า คุณเป็นคนยอมรับในข้อผิดพลาดของตัวเอง และพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขอยู่เสมอ
9. ถามการเดินทางมาเรียนเป็นอย่างไร
หลายคนอาจมองว่าเป็นคำถามไร้สาระ แต่เชื่อหรือไม่ว่าระยะการเดินทางมาเรียน ถือเป็นสาเหตุหลักให้รุ่นพี่ของคุณโดนรีไทล์มาแล้ว ดังนั้นก่อนตอบต้องคิดให้ดีและตอบอย่างมั่นใจ
คำตอบ : ให้คุณตอบไปตามความจริง เพราะอย่าลืมว่า เขามีที่อยู่ของคุณอยู่ในมือ ซึ่งถ้าหากคุณพักอยู่ไกลก็ให้ตอบไปเลยว่าไกล แต่จะพยายามออกเดินทางให้เร็วขึ้น คุณอาจจะเล่าแผนการเดินทางมาเรียนให้เขาฟังก็ได้ หรือเสริมท้ายไปว่า หากได้เข้าเรียนคณะนี้แล้วระยะทางเป็นอุปสรรคต่อการเรียนจริงๆ จะหาที่พักที่เดินทางสะดวกครับ/ค่ะ
10. มีข้อมูลสอบถามเพิ่มเติมหรือไม่
คำถามนี้ไม่ใช่คำถามเล่นๆ อย่างแน่นอน เพราะหลายคนที่กำลังนั่งสัมภาษณ์อยู่ คงมีคำถามมากมายอยู่ในหัว อาจจะเกี่ยวกับกำหนดการประกาศผลสอบสัมภาษณ์ หรือขอคำแนะนำในการเตรียมตัวเมื่อรู้ผลก็ได้
คำตอบ : ข้อนี้ไม่มีคำตอบตายตัว แต่ขอแนะนำว่า ให้คุณถามข้อสงสัยที่มีอยู่ออกไปทั้งหมด แต่ต้องเป็นคำถามที่ Make Sense หน่อยนะ เช่น ถ้าไม่ผ่านจริงๆ ทางคณะมีแนวทางการช่วยเหลืออะไรบ้าง เป็นต้น แต่อย่าเงียบหรือตอบว่า “ไม่มี” เพราะคุณจะดูเป็นคนไม่มีความใส่ใจไปเลยทันที
ที่มา : www.tcaster.net
บทความแนะนำ
- ทำได้ไม่ยาก! 8 เคล็ดลับเรียนดี สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัย
- ใบ ปพ. 1-9 คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ต่อการใช้สมัครเข้าเรียนต่อ สมัครทำงาน
- เช็คลิสต์! สิ่งที่ควรมีสำหรับการอยู่หอพัก ครั้งแรก
- สรุปรายวิชา GAT/PAT ที่ใช้คัดเลือก แต่ละคณะ/สาขาวิชา (รับตรงและแอดมิชชัน)
- ดาวน์โหลดข้อสอบ + พร้อมเฉลย | 9 วิชาสามัญ, O-NET และ GAT/PAT