เตรียมความพร้อมสู่ช่วงซัมเมอร์ หลายๆ คนอาจจะยังคิดไม่ออกว่าจะไปไหนกันดีในซัมเมอร์นี้ วันนี้เรามีน้องๆ จาก มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด ที่มีประสบการณ์ในการไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ทั้งระยะยาว และระยะสั้นในช่วงซัมเมอร์มาฝากกัน แต่ถึงจะเป็นเด็กนานาชาติก็ใช่ว่าคิดจะไปเรียนต่อก็ไปได้เลยนะ มันจะต้องทำอะไรบ้าง และเพื่อนๆ เลือกไปประเทศไหนกันบ้าง แต่ละที่มีความน่าสนใจยังไงถึงเลือกที่จะไปเรียนกันเราตามไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ…
ประสบการณ์จริง ของนิสิตแสตมฟอร์ด
โครงการศึกษาต่อต่างประเทศ
“แจน” ญานิกา หาญถาวรชัยกิจ : Major: Hotel and Tourism Management Minor: Marketing
ต้องทำอะไรบ้างถึงจะได้ไปเรียนซัมเมอร์ในต่างประเทศ
ต้องเตรียมตัวในเรื่องของภาษา และมีผลการเรียนที่ดีก่อนค่ะ ต้องเก็บรายวิชาของที่มหาลัยให้ครบตามกำหนดด้วยนะคะ ถึงจะสามารถทำเรื่องไปโครงการแลกเปลี่ยนได้ แจนเองก็ผ่านเกณฑ์ของโครงการพอดี และมีความสนใจอยากจะไปแลกเปลี่ยน ทำกิจกรรมที่ต่างประเทศอยู่แล้วเลยสมัครโครงการแลกเปลี่ยนดูค่ะ
ประเทศที่ได้ไปทำกิจกรรมคือ… ประเทศเนเธอร์แลนด์ค่ะ ที่เลือกเป็นประเทศนี้ เพราะว่าเป็นประเทศที่ทุกคนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ จะได้ไม่มีปัญหาด้านการสื่อสาร แล้วก็เป็นประเทศที่น่าจะสนุกสนาน ได้ไปใช้เวลาอยู่ที่นั่นประมาณ 6 เดือนค่ะ
มีการเตรียมตัวก่อนไปยังไงบ้าง
ก่อนหน้าที่จะไปก็ศึกษาว่าประเทศเขามีอะไรบ้าง สภาพอากาศเป็นแบบไหน แล้วก็เตรียมทุกอย่างที่คิดว่าประเทศที่ไป มันไม่มี หรือหาไม่ได้ ซึ่งของแจนเองไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากค่ะ เพราะว่าแจนมีเพื่อนที่รู้จักอยู่ที่นู่นอยู่แล้ว ก็เลยเตรียมตัวเหมือนไปต่างประเทศทั่วไปค่ะ
บรรยากาศของประเทศ และสถานที่ทำกิจกรรมเป็นยังไงบ้าง
ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นเมืองเล็กๆ ที่อบอุ่นค่ะ ผู้คนน่ารัก เป็นกันเองมาก ส่วนตัวแจนได้ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่นั่งเป็นเวลาประมาณ 6 เดือนค่ะ ได้เรียนในมหา’ลัย ก็รู้สึกว่ามหา’ลัยลัยที่ไปเรียนก็สอนเป็นกันเอง สามารถเข้าถึงอาจารย์ได้ง่ายดีค่ะ
แจน-ญานิกา หาญถาวรชัยกิจ
อุปสรรคในการใช้ชีวิตในต่างประเทศ
ส่วนตัวของแจนที่ไปแลกเปลี่ยน แจนคิดว่าแจนไม่มีอุปสรรคอะไรนะคะ ทั้งเรื่องการเรียน และการใช้ชีวิตที่นั้น แจนคิดว่าแจนเตรียมตัวไปค่อนข้างดีค่ะ ก็เลยไม่มีอุปสรรคอะไร ฉะนั้นก่อนจะไปก็ต้องเตรียมตัวกันให้ดีค่ะ จะได้ไม่เจอปัญหาอะไรในการใช้ชีวิตที่นู่น
ประสบการณ์ และสิ่งที่ประทับใจจากการเดินทางไปเรียน หรือทำกิจกรรมครั้งนี้
เป็นประสบการณ์ที่ดีค่ะ ได้เจออะไรใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ สภาพแวดล้อมที่แปลกตา และการไปใช้ชีวิตใช้ชีวิตด้วยตัวเอง โดยที่ไม่มีพ่อแม่มาช่วยเหลือ ทุกอย่างเราต้องทำด้วยตัวเองหมดเลยค่ะ สิ่งที่ประทับใจก็จะเป็นเรื่องเที่ยว เพราะระหว่างเรียนอยู่ที่นั่นเราสามารถไปเที่ยวได้หลายๆ ที่ในยุโรป และมันสามารถพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเราเองไปในตัว
ฝากถึงน้องๆ ที่สนใจจะเรียน หรืออยากมีประสบการณ์ซัมเมอร์
จริงๆ มันเริ่มที่มหา’ลัยก่อนค่ะ ถ้าน้องๆ สนใจที่จะไปแลกเปลี่ยน ก็ต้องลองติดต่อสอบถามกับทางมหา’ลัยที่ดูแลเรื่องการไปเรียนต่อดูว่าเราอยากไปประเทศนี้นะ และต้องรู้ตัวเองด้วยว่าถ้าไปแลกเปลี่ยนแล้วมันสามารถเก็บเครดิตวิชาเรียนมาได้มากแค่ไหน วิชาอะไรที่จะไปเรียน แล้วก็ต้องเตรียมตัว เตรียมใจที่จะไปเจออะไรใหม่ๆ ด้วยค่ะ
“ไอ” ภิรญา เบญจประภัส : ปี 3 คณะ Airlines Business Management
ต้องทำอะไรบ้างถึงจะได้ไปเรียนซัมเมอร์ในต่างประเทศ
สำหรับคนที่จะไปแลกเปลี่ยนได้ ต้องผ่านข้อกำหนดของมหาลัยก่อนค่ะ ถ้าใครไม่ผ่านเกณฑ์ 5 ข้อของมหาลัยก็อดไปแลกเปลี่ยนนะคะ ก็จะเป็นเรื่องหน่วยกิต เกรดเฉลี่ยที่ต้องเกิน 3.00 ภาษาอังกฤษดี สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัวของโปรแกรมแลกเปลี่ยนได้ตามที่กำหนด ซึ่งไอก็ไม่ได้ติดขัดข้อไหนเลย ทำให้เลือกไปเรียนในประเทศที่อยากไปได้
ประเทศที่ได้ไปทำกิจกรรมคือ… ฟินแลนด์ ค่ะ เพราะประเทศนี้เป็นประเทศที่มีการวิจัยมาว่า ด้านการศึกษาดีที่สุดในโลก ก็เลยอยากลองไปสัมผัสดูค่ะ
มีการเตรียมตัวก่อนไปยังไงบ้าง
ก่อนที่จะไปก็มีเริ่มศึกษา สถานที่ สภาพอากาศ ความเป็นอยู่ของคนที่นั่น แล้วก็ภาษาฟินนิชก่อนค่ะ
บรรยากาศของประเทศ และสถานที่ทำกิจกรรมเป็นยังไงบ้าง
ตอนไปอยู่ที่นั่นเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง กับฤดูหนาวค่ะ อากาศจะดีมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่พอฤดูหนาวนี่สิค่ะแทบแข็งตายเลย เจอหนาวสุดก็ -31 องศาอ่ะ ส่วนที่ Mikkeli University ก็เป็นมหา’ลัยในฝันเลยค่ะ ตั้งแต่สถานที่ อุปกรณ์ และเพื่อนถือว่าเพอร์เฟ็คมากๆ ค่ะ ไอได้ไปเรียนสาขา Marketing ที่นั่นเป็นเวลา 1 ปี มหา’ลัยที่นี่เขาถือว่ามีชื่อเสียงทางด้านนี้เลย ส่วนกิจกรรมนักศึกษาก็มีให้ร่วมเยอะมาก ทุกๆ เทศกาลจะมีการจัดกิจกรรมสำหรับนักศึกษา
ไอ-ภิรญา เบญจประภัส
อุปสรรคในการใช้ชีวิตในต่างประเทศ
คงเป็นเรื่องอาหารค่ะ อาหารบ้านเขาก็ไม่เหมือนอาหารบ้านเรา ตอนไปอยู่ที่นั่นก็จะคิดถึงอาหารไทยตลอด อันนี้เป็นอุปสรรคสำคัญเลยค่ะ
ประสบการณ์ และสิ่งที่ประทับใจจากการเดินทางไปเรียน หรือทำกิจกรรมครั้งนี้
เราได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวรอบๆ ยุโรปกับเพื่อนๆ ที่นั่น เป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมเลยค่ะ และสิ่งที่ประทับใจก็ยังคงเป็นเรื่องเพื่อน เพื่อนที่ได้เจอที่นั่นทำให้เราได้รู้จักคนมากขึ้นไปอีก ในหลายๆ ประเทศ ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการไปครั้งนั้นเลยค่ะ
ฝากถึงน้องๆ ที่สนใจจะเรียน หรืออยากมีประสบการณ์ซัมเมอร์
อย่างแรกคือเตรียมใจเลยค่ะ เราต้องพยายามรับสถานการณ์ได้ทุกรูปแบบ เพราะเราต้องห่างจากคนในครอบครัว อยู่ที่นู้นก็จะไม่มีใครมาคอยช่วยเหลือเราได้ และสำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารที่มีรสชาติแบบไทยๆ ขาดไม่ได้เลยที่ต้องเตรียมไปด้วยคือเครื่องปรุงผงสำเร็จรูปต่างๆ ค่ะ เตรียมไปจากไทยเลยจะได้ไม่ต้องกำวังเรื่องอาหารการกินมาก ^^
“โซ่” โชติกา ชัยศรี : ปี 2 คณะ บริหารธุรกิจ สาขา Business Management
ต้องทำอะไรบ้างถึงจะได้ไปเรียนซัมเมอร์ในต่างประเทศ
ของที่นี่ก็จะมีโครงการแลกเปลี่ยนค่ะ เราก็ไปศึกษามาว่าเขาต้องทำอะไรบ้างถึงจะได้ไป ก็จะมีต้องเรียนมาแล้วอย่างน้อย 45 หน่วยกิต เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ขึ้นไป เกรดเฉลี่ย 3 ขึ้น ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดี เรื่องภาษาโซ่ไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่แค่ถือว่าสื่อสารได้ พอไปอยู่มันจำเป็นต้องเอาตัวรอด ก็พัฒนาขึ้นมาบ้าง โซ่คิดว่าแค่พอรู้เรื่อง ยังไงก็อยู่ได้เพราะเราต้องพัฒนาอยู่ดีก็เลยสามารถไปเรียนโปรแกรมแลกเปลี่ยนได้
ประเทศที่ได้ไปทำกิจกรรมคือ… ฝรั่งเศสค่ะ เหตุผลเดียวที่เลือกประเทศนี้ เพราะว่าอยากจะไปลองเรียนรู้ภาษาที่สามค่ะ
มีการเตรียมตัวก่อนไปยังไงบ้าง
ก่อนไปก็เตรียมในเรื่องของเอกสารสำคัญต่างๆ ที่เราต้องใช้ เช่น พาสปอร์ต วีซ่า แล้วก็ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางในปารีส เช่นสถานี และสายรถ Metro ส่วนเรื่องภาษา เคยลงเรียนคลาสภาษาฝรั่งเศสตอนปี 1 ทำให้พอรู้ๆ ลืมๆ พื้นฐานมาบ้าง ก็ทบทวนไปอีกนิดหน่อยก่อนที่จะไป
บรรยากาศของประเทศ และสถานที่ทำกิจกรรมเป็นยังไงบ้าง
ตอนโซ่ไปถึงที่นั่นเป็นช่วงปลายๆ หน้าร้อน อากาศช่วงนั่นจะร้อนแบบแห้งๆ ไม่มีเหงื่อ แต่งตัวได้แบบสบายๆ คล้ายๆ บ้านเรา อยู่ที่นั่นจนถึงหน้าหนาว แต่หิมะยังไม่ตกก็กลับก่อนแล้วค่ะ เพราะไปเรียนที่นั่นแค่ 5 เดือน คนฝรั่งเศสตอนไปแรกๆ เรามีความรู้สึกว่าเค้าค่อนข้างถือตัว แต่พออยู่ๆ ไป ก็รู้ว่ามันเป็นปกติของเค้า ไม่ได้หยิ่ง(แบบมองในแง่ลบ) ถ้าเทียบกับคนไทยเค้าแค่เฟรนด์ลี่น้อยกว่าคนไทยเท่านั้นเอง โซ่ไปเรียนที่นั่น 1 เทอม โรงเรียนที่เรียนเป็น Business School และเปิดสอนเป็นภาษาอังกฤษด้วย ระหว่างเรียนก็ได้ออกไปเที่ยวต่างประเทศบ้างในแถบยุโรป
โซ่-โชติกา ชัยศรี
อุปสรรคในการใช้ชีวิตในต่างประเทศ
ภาษาเป็นอุปสรรคบ้างเล็กน้อยในกรณีที่ต้องติดต่ออะไรที่เป็นทางการนอกโรงเรียน อย่างตอนโซ่จะกลับ ต้องแจ้งเจ้าของหอว่าเราจะออก แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะเราพูดอังกฤษไปเค้าไม่รู้เรื่อง เขาก็พูเป็นภาษาฝรั่งเศสมา สุดท้ายต้องโทรไปที่โรงเรียน แปลผ่านโทรศัพท์อีกที ภาษาเลยเป็นอุปสรรคบ้าง
ประสบการณ์ และสิ่งที่ประทับใจจากการเดินทางไปเรียน หรือทำกิจกรรมครั้งนี้
ได้ประสบการณ์เยอะมากค่ะ ทำให้เราเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนนิสัยบางอย่าง มีความกล้ามากขึ้นเพราะตอนอยู่ที่นั่นเราต้องช่วยตัวเองทุกอย่าง อยากได้อะไรต้องทำเอง ทำไม่ได้ต้องกล้าพูดกล้าขอกล้าถาม และก็มีความประทับใจทุกๆ คนช่วยเราตลอดการเดินทาง ตั้งแต่ลงเครื่องขามา ยันขึ้นเครื่องขากลับ ทำให้รู้ว่าคนดีๆ มีอยู่ทุกที่
ฝากถึงน้องๆ ที่สนใจจะเรียน หรืออยากมีประสบการณ์ซัมเมอร์
ถ้ารู้ตัวว่าอยากไป และพร้อมแล้วที่จะไปก็อยากให้ไปเลยค่ะ คนที่ไม่ลองไปก็จะไม่รู้จริงๆ ประสบการณ์ที่แต่ละคนจะได้มันแตกต่างกัน มันไม่เหมือนการจากบ้านไปอยู่ต่างจังหวัด ทุกๆ อย่างเป็นสภาพแวดล้อมใหม่ คนใหม่ ทุกๆ อย่ารอบตัวสามารถเรียนรู้ได้หมด เราได้อะไรมากกว่าอยู่กับที่แน่นอน ส่วนการเตรียมตัวก็เช็คเอกสารสำคัญที่ต้องมี รู้ข้อมูลพื้นฐานของประเทศนั้น ฤดู การเปิดทางในประเทศ ศึกษาแผนที่เมืองคร่าวๆ เตรียมของใช้ เสื้อผ้า เสื้อโค้ทแนะนำให้เอาไปตัวเดียวแล้วค่อยไปซื้อเอา สุดท้ายก็เตรียมใจค่ะ ต้องรู้ว่าทุกอย่างมันอาจจะไม่ราบรื่น แต่ให้รู้ว่าจะแก้ไขยังไง และพร้อมที่จะแก้ไขมัน
“อาร์ตี้” อตินุช สุวรรณดี : คณะศิลปศาสตร์ สาขา ภาษาอังกฤษ
ต้องทำอะไรบ้างถึงจะได้ไปเรียนซัมเมอร์ในต่างประเทศ
อาร์ตี้ได้ไปตอนเรียนอยู่ปี 3 เทอม 1 ค่ะ ซึ่งตามเกณฑ์ของมหาลัยกำหนดไว้ว่าสามารถทำเรื่องเรียนแลกเปลี่ยนได้พอดี ที่มหาลัยจะมีกำหนดว่าต้องผ่านเกณฑ์อะไรบ้างก่อน ถ้าเราผ่านถึงจะได้ไปเรียนค่ะ พอรู้ว่าเกรดเราถึงเกณฑ์ที่สามารถไปได้ด้วย ก็เลยได้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดของโครงการแลกเปลี่ยนค่ะว่าเขาให้เราเลือก ไปที่ไหนได้บ้างจากนั้นก็ได้ไปทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนอย่างที่ตั้งใจไว้
ประเทศที่ได้ไปทำกิจกรรมคือ… ประเทศเนเธอร์แลนด์ เหตุผลที่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ เพราะอยากพัฒนาตัวเองในด้านของการใช้ภาษาอังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ถึงแม้จะเป็นประเทศในแทบยุโรป ซึ่งภาษาที่ใช้คือ ภาษาดัตช์ แต่ประชากรที่นั่นสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว และแพร่หลาย รวมไปถึงเป็นประเทศที่มีความสะดวกสบายในด้านของการเดินทางในเรื่องคมนาคม และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากด้วย
มีการเตรียมตัวก่อนไปยังไงบ้าง
สิ่งแรกที่เตรียมคือ “ใจ” เพราะถ้าใจเราพร้อมเราก็สามารถทำอะไรได้สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว และด้วยความที่ครั้งนี้เป็นการเดินทางไกลที่ไม่ได้ไปกับครอบครัวเป็นครั้งแรก เลยค่อนข้างตื่นเต้น และกังวลเล็กน้อยกับการเดินทางในครั้งนี้ แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นคุ้มค่ามากจริงๆ ส่วนสิ่งที่ต้องเตรียมในเรื่องของเอกสารก็ไม่ได้ยาก หรือวุ่นวายอะไรมาก อย่างแรกเลยก็ต้องหาวิชาเรียนที่ตรงกับวิชาของเราที่เรียนอยู่ที่ไทย เพื่อที่จะสามารถโอนกลับมาได้ ต่อมาก็จองที่พักซึ่งที่พักที่นั่นก็สะดวกสบาย เนื่องจากอยู่ติดกับมหา’ลัยของที่นั่น แล้วก็เตรียมในเรื่องของการทำประกันสุขภาพ และสุดท้ายตั๋วเครื่องบิน
บรรยากาศของประเทศ และสถานที่ทำกิจกรรมเป็นยังไงบ้าง
บรรยากาศ และสถานที่ ค่อนข้างสงบ ร่มรื่น เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงมากจากประสบการณ์ที่อยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์มา 6 เดือน ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อันตรายใดๆ กับตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว และที่ยิ่งไปกว่านั้นเคยทำของหาย (กล้องดิจิตอล) แล้วยังได้คืนอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ประทับใจในตัวคนประเทศเนเธอร์แลนด์มากๆ
อาร์ตี้-อตินุช สุวรรณดี
อุปสรรคในการใช้ชีวิตในต่างประเทศ
ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ที่จะมีก็คงเป็นเรื่องของการคิดถึงครอบครัว คิดถึงประเทศไทย ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาใช้ชีวิตในต่างแดนแต่เมื่อผ่านมันมาได้ก็ทำให้เราเป็นคงที่แข็งแกร่งมากขึ้น
ประสบการณ์ และสิ่งที่ประทับใจจากการเดินทางไปเรียน หรือทำกิจกรรมครั้งนี้
สิ่งที่ทำให้ประทับใจมากๆ เลยก็คือ ครั้งหนึ่งในวิชาที่ลงเรียนคือ วิชา Intercultural Awareness ในคลาสเรียนวันหนึ่ง คุณครูที่สอนได้พูดถึงประเทศไทย ซึ่งคุณครูก็จำได้ว่ามีเด็กในคลาสมาจากไทย อาร์ตี้ก็เลยยกมือ สิ่งที่เค้าถามก็คือ “ในประเทศไทยสามารถเห็นพระราชาได้ที่ไหน” ตอนแรกกะจะตอบไปว่าพระราชวัง คือในตอนนั้นนึกศัพท์คำว่า วัง หรือ ปราสาท ไม่ออกเลยจริงๆ แต่ก็ดีแล้วที่ไม่ได้ตอบไปแบบนั้น เพราะในความเป็นจริงสามัญชนธรรมดาก็ไม่สามารถเดินเข้าออกในวังได้เหมือนสถานที่ทั่วๆ ไป แล้วสิ่งที่อาร์ตี้ได้ตอบไปในคลาสเรียนวันนี้ก็คือ เราสามารถเห็น “ในหลวง” ได้ทุกๆ ที่ในประเทศไทยเพราะว่าเป็น “รูป” ที่มีทุกบ้าน คุณครูยิ้มพยักหน้า และถามอาร์ตี้ต่อว่า รักในหลวงมั๊ย อาร์ตี้ตอบไปอย่างภาคภูมิใจว่า “รัก” แล้วคุณครูก็ถามอีกว่า เวลาที่ได้เจอในหลวงคนไทยทำยังไง อาร์ตี้ก็ตอบไปว่า “คนไทยจะแสดงความเคารพต่อพระเจ้าแผ่นดิน” ความรู้สึกของอาร์ตี้ในตอนนั้นคือ ดีใจมากที่คุณครูซึ่งเป็นชาวต่างชาติพูดถึงประเทศไทย และ อาร์ตี้ได้เป็นส่วนนึ่งในการเผยแพร่ ความรู้แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย หรือจริงๆ อาร์ตี้ อาจจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ได้ แต่อาร์ตี้ก็ดีใจที่คนต่างชาติ มองว่าคนไทยมีพระมหากษัตริย์ ที่รัก และเคารพ เพราะฉะนั้นพวกเราก็ควรที่จะรักกัน และภูมิใจในความเป็นประเทศไทยที่อยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้สมกับที่ชาวต่างชาติเค้าเข้าใจ และรู้สึกว่า ประเทศไทยรักกัน นอกจากนี้ก็ยังได้รับประสบการณ์ที่ดีทั้งเรื่องของภาษา การใช่ชีวิต และเพื่อนใหม่ ที่ต้องรับเราอย่างอบอุ่นเหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 เลยก็ว่าได้
ฝากถึงน้องๆ ที่สนใจจะเรียน หรืออยากมีประสบการณ์ซัมเมอร์
การเตรียมตัวเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าเรามีการเตรียมตัวที่ดีนั้นจะทำให้ทุกอย่างราบรื่น และสามารถทำให้สิ่งที่เราจะทำนั้นสำเร็จ ลุล่วงไปได้ด้วยดี เราจึงต้องมีความพร้อมที่จะศึกษา และค้นคว้าหาข้อมูลในตัวประเทศที่เราสนใจจะไปเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน และง่ายต่อการไปค้นหาประสบการณ์ในครั้งนี้ น้องๆ อาจจะมีการไปปรึกษาคุณครูให้ช่วยดูในส่วนของวิชาที่จะสามารถโอนกลับมาได้ เพื่อให้สะดวก และถูกต้อง จากประสบการณ์อาร์ตี้เองนั้นบอกได้เลยว่าคุ้มค่ามากจริงๆ อยากให้น้องๆ ทุกคนมีโอกาสมาสัมผัสประสบการณ์นี้ด้วยตัวเอง และน้องๆ จะได้อะไรที่มากกว่าคำว่าเรียนรู้ในห้องเรียน
“กิ๊ฟ” อรุณรุ่ง รุ่งนิรันดร์พร : ปี 3 คณะ Science and Technology สาขา Computer Animation
ต้องทำอะไรบ้างถึงจะได้ไปเรียนซัมเมอร์ในต่างประเทศ
ก่อน ไปก็ต้องผ่านเกณฑ์ของทางมหาลัยก่อนค่ะ จะมีหลัก 5 อย่างด้วยกัน ทั้งเรื่องเกรด หน่วยกิต และอื่นๆ ก่อนที่จะได้ไป ซึ่งกิ๊ฟก็จะติดปัญหาก่อนไปเล็กน้อยเรื่องค่าใช้จ่ายในการไปแลกเปลี่ยน ซึ่งตรงนี้เราต้องจัดการเองค่อยข้างสูง ต้องปรึกษาพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ให้ดีค่ะ สำหรับตัวกิ๊ฟเองตอนที่รู้ว่าจะไปแลกเปลี่ยนกิ๊ฟก็เริ่มเก็บเงิน เพราะต้องการแบ่งเบาภาระพ่อแม่ด้วยการออกค่าตั๋วเครื่องบินเองเป็นต้นค่ะ
ประเทศที่ได้ไปทำกิจกรรมคือ… ประเทศฟินแลนด์ค่ะ ที่เลือกประเทศนี้ เพราะว่าเป็นประเทศที่มีหลายอย่างที่น่าสนใจ ที่สำคัญยังเป็นประเทศที่ระบบการศึกษาดีระดับแนวหน้าของโลกอีกด้วย อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ วิชาที่เรียนในมหา’ลัยที่ฟินแลนด์ตรงกับสาขาที่กิ๊ฟเรียนอยู่ที่แสตมฟอร์ดมากที่สุดค่ะ
มีการเตรียมตัวก่อนไปยังไงบ้าง
ก่อนไปกิ๊ฟค้นหาข้อมูลของประเทศฟินแลนด์จากอินเตอร์เน็ตเยอะมากๆ เลยค่ะ เพราะยิ่งเรารู้เกี่ยวกับประเทศเขามากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเตรียมพร้อมให้ตัวเองได้มากขึ้น ทั้งเรื่องสภาพอากาศที่เป็นสิ่งแรกเลยที่กิ๊ฟกลัว แล้วก็ตื่นเต้นมากที่สุดเรื่องภาษา ซึ่งโชคดีมากๆ ค่ะ เพราะว่าคนฟินแลนด์ส่วนใหญ่จะพูดภาษาอังกฤษได้ถึงแม้ว่าภาษาหลักจะเป็นภาษาฟินนิช แล้วก็เรื่องการเดินทาง เพราะเมืองที่กิ๊ฟได้ไปเรียนนั้นเป็นต้องนั่งรถไฟต่อไปอีกประมาณสามชั่วโมงเลยต้องหาข้อมูลให้ดีสุด
บรรยากาศของประเทศ และสถานที่ทำกิจกรรมเป็นยังไงบ้าง
ฟินแลนด์เป็นประเทศที่น่าอยู่มากๆ เลยค่ะ มีความเป็นธรรมชาติ และอากาศบริสุทธ์มาก อย่างข้างหลังหอพักก็จะเป็นป่าเลยค่ะ กิ๊ฟได้ไปอยู่ที่นั่นประมาณ 10 เดือนค่ะ ส่วนใหญ่ที่กิ๊ฟได้เรียนก็จะเป็นวิชา IT คนที่นู้นเขาเก่งกันมากเลยค่ะ ทำให้กิ๊ฟได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ นอกเหนือจากบทเรียนเยอะเลย กิจกรรมที่ทำส่วนใหญ่ก็จะเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกับนักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศอื่นๆที่มาจากหลายๆ ประเทศทั้งจากฝั่งยุโรป ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เบลเยี่ยม เชรค แล้วก็จากทางฝั่งเอเชียอย่างเกาหลี จีน ฮ่องกง เวียดนาม กิจกรรมที่กิ๊ฟชอบมากที่สุดก็คงเป็นกิจกรรม International Dinner เป็นกิจกรรมที่นักเรียนแต่ละชาติมาทำอาหารประจำชาติของตัวเองประกวดกัน แล้วก็จะมีคนโหวตให้คะแนน อาหารแต่ละประเทศน่าสนใจมากๆ เลยค่ะ
กิ๊ฟ-อรุณรุ่ง รุ่งนิรันดร์พร
อุปสรรคในการใช้ชีวิตในต่างประเทศ
อุปสรรคในการใช้ชีวิตในต่างประเทศสำหรับตัวกิ๊ฟคงเป็นเรื่องของอากาศ อากาศที่ฟินแลนด์จะค่อนข้างหนาวตลอดปี ถึงจะเป็นหน้าร้อนของที่นู้นก็ยังอากาศเย็นกว่าที่ไทย เวลาเดินทางไปมหา’ลัยส่วนใหญ่จะเดิน หรือไม่ก็ขี่จักรยาน เวลาอากาศหนาวมากๆ จะรู้สึกไม่ค่อยอยากจะไปเรียนซักเท่าไหร่ อย่างวันที่อากาศหนาวที่สุดที่กิ๊ฟได้เจอตอนนั้นติด -30 องศาทำใจนานมากเลยค่ะ ว่าจะตัดสินใจออกจากห้องพักเดินไปเรียนดีมั้ย
ประสบการณ์ และสิ่งที่ประทับใจจากการเดินทางไปเรียน หรือทำกิจกรรมครั้งนี้
นอกจากเรื่องเรียนแล้วสิ่งได้รับจากการไปฟินแลนด์ในครั้งนี้เยอะมากๆ เลยค่ะ ทั้งการใช้ชีวิตช่วยเหลือดูแลตัวเอง ได้แลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนๆ จากประเทศอื่นๆ และยังได้ไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ในยุโรป ทำให้กิ๊ฟมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นค่ะ พอได้ไปเห็นอะไรหลายๆ อย่างจากอีกฟากหนึ่งของโลก ความคิดในหลายๆ เรื่องก็เปลี่ยนไป มองอะไรกว้างขึ้น ส่วนสิ่งที่ประทับใจที่สุดในการเดินทางครั้งนี้คือ มิตรภาพ การได้พบเจอเพื่อนจากประเทศอื่นๆ ทำให้เราเป็นเพื่อนสนิทที่เจอหน้ากันทุกวัน ทำกิจกรรมร่วมกัน เป็นสิ่งที่หาไม่ได้ง่ายๆ เลยค่ะ ชีวิต 10 เดือนในฟินแลนด์เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ เลยค่ะ
ฝากถึงน้องๆ ที่สนใจจะเรียน หรืออยากมีประสบการณ์ซัมเมอร์
การเตรียมตัวที่ดีที่สุดคือการหาข้อมูลค่ะ หาข้อมูลทางอินเตอร์ และติดต่อทางมหา’ลัยหรือองค์กรต่างๆ หรือถามจากคนที่เคยไปแล้ว เช่นรุ่นพี่ หรือนักเรียนแลกเปลี่ยนคนอื่นๆ เราควรรวบรวมข้อมูลก่อนไปให้ดีก่อนนะคะ จะได้ไม่มีปัญหาทีหลังค่ะ
ข้อมูลจาก นิตยสาร Campus star V.10 (สัมภาษณ์เมื่อ มีนาคม 2014)