บริหารธุรกิจ บอสวศิน ฟิล์ม-ธนภัทร เมีย2018

ฟิล์ม-ธนภัทร หรือ บอสวศิน #เมีย2018 กับ 7 ความจริงเรื่องเรียน เป้าหมาย ตัวตนที่แสนมุ่งมั่น

Home / วาไรตี้ / ฟิล์ม-ธนภัทร หรือ บอสวศิน #เมีย2018 กับ 7 ความจริงเรื่องเรียน เป้าหมาย ตัวตนที่แสนมุ่งมั่น

มาค้นหา 7 ความจริงเรื่องเรียน เป้าหมาย ตัวตนที่แสนมุ่งมั่น ของ “ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ” หนุ่มผู้มีรอยยิ้มละมุนละไม และมีมุมมองที่แสนจริงจังเหมือนบอสวศินในละคร “เมีย2018”

“ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ” หรือ บอสวศิน #เมีย2018

เด็กม.ปลายที่เคยเกเรติดเพื่อน

ตอนม.ปลาย ผมเกเรติดเพื่อน ติดเกม ไม่ตั้งใจเรียน การเรียนแทบจะเป็นที่โหล่ของห้อง จนถึงเวลาเลือกมหา’ลัย ก็ตามเพื่อน เห็นเพื่อนเรียนวิศวะหมอกันหมด ก็ยื่นตามเขา แต่คือเพื่อนคอนโทรลเวลาได้ไง เพื่อนก็ทำได้ แต่เราทำไม่ได้ ก็เลยเอนท์ฯ ไม่ติด ช่วงนั้นก็คิดจะเอายังไงกับชีวิตดี  ก็ย้อนกลับไปสมัยเด็กๆ เราเรียนคำนวณได้ดี หัวไว เลยตัดสินใจเลือกคณะบริหารธุรกิจ เอกไฟแนนซ์ ที่ ม.กรุงเทพ

เรียนบริหารจนได้เกียรตินิยมอันดับสอง

พอเข้าเรียนมหา’ลัย เรารู้สึกผิดพลาดกับพ่อแม่ที่ตอนม.ปลายเป็นเด็กเกเร เลยคิดว่าต้องชดเชยด้วยการตั้งใจเรียน แต่เทอมแรกๆ ยังไม่ตั้งใจเรียนมาก ได้เกรดสามกว่า ทำให้เกรดสี่ปีไม่พุ่ง ได้แค่เกียรตินิยมอันดับสอง หายไปนิดเดียว 0.02 แต่ก็พยายามทำดีที่สุดแล้ว

เทคนิคการเรียนในแบบบอสหนุ่มที่มุ่งมั่น

ใส่ใจในหน้าที่ของตัวเอง เรามีพาร์ทเพื่อน พาร์ทเที่ยวได้ แต่ถึงเวลาพาร์ทความรับผิดชอบของเราคือตั้งใจเรียน ก็ทำเต็มที่ เข้าเรียนให้ตรงเวลา ถ้าเราตั้งใจเรียนในห้อง แล้วมันจะซึมซับได้ดีกว่ามานั่งอ่านเอง พอถึงช่วงจะสอบ ก็จะอ่านหนังสือล่วงหน้านานหน่อย อยู่กับหนังสือทั้งวันทั้งคืน อยู่เก้าโมงเช้ายันตีห้าแล้วไปสอบเลย มันเลยเป็นบทเรียนราคาแพงของเราว่า เมื่อเราทุ่มเทกับมัน เราก็ทำได้

ฟิล์ม-ธนภัทร หรือ บอสวศิน

ฟิล์ม-ธนภัทร หรือ บอสวศิน

ทำงานแสดงควบคู่ไปกับการเป็นสจ๊วต

ผมอยากเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนนั้นดูละครตะวันตัดบูรพา เว่อร์ชั่น พี่ติ๊กกับพี่แท่ง ชื่นชอบมาก แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสตามหาความฝันแบบจริงจัง จนจบใหม่ๆ รู้สึกว่าเราจะทำอะไรต่อดี เพราะสายที่จบนี้ส่วนใหญ่กว่าจะประสบความสำเร็จต้องใช้เวลาหลายสิบปี อยากหาอาชีพที่จบแล้วทำเลย สามารถตอบแทนที่บ้านได้ เลยมาฉุกคิดเป็นสจ๊วต ก็ไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม ทุ่มเทกับมันอีกครั้ง ปรากฏไปสอบได้ผ่านเกณฑ์แบบคาบเส้น มันเป็นจังหวะที่ได้งานแสดงด้วย ก็เลือกทำงานแสดงกับการบินควบคู่กันไปได้ปีกว่า

เลือกความฝันที่ใช่ที่สุด

มีช่วงหนึ่งที่ถ่ายละครหนักมาก เราไม่สามารถจัดสรรเวลาได้ เลยรู้สึกลาออกจากสจ๊วตดีกว่า แต่ถามว่าชอบแบบไหน คงเป็นการแสดง เพราะมันเป็นความฝันของตัวเอง เมื่อมีโอกาสก็ต้องคว้าไว้ เพราะไม่รู้โอกาสจะมาอีกเมื่อไหร่ อยากลองทำความฝันนี้ให้สุดๆ แล้วถ้าผมแก่ตัวไป ผมจะได้พูดกับลูกได้เต็มปากเต็มคำว่า วันหนึ่งที่พ่อหนุ่ม พ่อได้เคยตามหาความฝันของตัวเอง พ่อก็ทำเต็มที่แล้วพ่อก็ไม่เคยเสียดายเวลาเลย

งานแสดงที่บอสหลงรัก

การแสดงเหมือนเวทมนตร์ ที่จะเสกให้เราเป็นอะไรก็ได้ เป็นนก เป็นวัว เป็นช้าง เป็นม้า แค่เรามีจินตนาการและความเชื่อ ทุกอย่างเป็นได้หมด ทำให้เราได้ท่องโลกใบใหม่ๆ แต่ในชีวิตจริง การใช้ชีวิตของผมก็ยังเหมือนเดิม ผมก็ยังเป็นผมคนเดิมที่เคยกินข้าวข้างทางหรืออะไรก็ได้ที่รู้สึกว่ามันอร่อย ไม่ใช่ต้องมานั่งกินอาหารแพงเพื่อให้ตัวเองดูดี แต่อาจจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นที่วันนี้เราทำงานเป็นนักแสดงเต็มตัว

ความฝันในอนาคตที่ใหญ่กว่านั้น

หลายๆ คนก็รู้อยู่ว่างานในสายอาชีพนี้มันมาเป็นกระแสพักๆ หรือบางคนอาจจะอยู่ยาว ไม่มีใครรู้อนาคตจริงๆ แต่ผมรู้สึกว่าผลงานและฝีมือของเราจะทำให้เราอยู่ในวงการนี้ได้นาน ความฝันสูงสุดคือการได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม อยากไปถึงขั้นนั้นให้ได้ แล้วก็มีเรื่องการเป็นนักร้องอีกอย่าง ที่เป็นความฝันตอนเด็ก ถ้ามีโอกาสก็อยากจะมีเพลงที่เป็นเพลงของตัวเอง

ภาพจาก IG : @film.thanapat 

ติดตามบทสัมภาษณ์ของฟิล์มได้ในคอลัมน์ Interview นิตยสาร Campus Star No.64

www.facebook.com/campusstar