คนเรามีโอกาสในชีวิตต่างกัน บ้างก็มีครอบครัวที่สามารถส่งเราเรียนในสถาบันดีๆ หากโอกาสน้อยหน่อยก็ส่งเข้าเรียนสถาบันที่เกรดลดหลั่นกันไป แต่ทุกอย่างล้วนมีต้นทุนครับ การที่เราจะสามารถเข้าเรียนสถาบันระดับต้นๆ ของประเทศได้ ต้นทุนที่ผมว่าก็คือ ต้นทุนทางการเลี้ยงดูและต้นทุนทางการศึกษาครับ
เรียนไม่จบปริญญาตรี ทำงานอะไรได้
ปัจจุบันบริษัทในระดับโลกอย่างเช่น Apple, Google หรือแม้แต่ Netflix ได้มีการเปิดรับสมัครพนักงานที่ ไม่ต้องจบปริญญาตรี โดย ทิมคุก ผู้บริหารบริษัท Apple ได้ออกมากล่าวว่า
“พนักงานของเขาครึ่งนึงไม่มีใบปริญญา เพราะไม่มีมหาวิทยาลัยที่ไหนสอนสกิลการเขียนโค๊ดที่แท้จริงอย่างที่ผู้บริหารต้องการ”
ผมเคยพูดคุยกับผู้บริหารในองค์กรใหญ่ๆ หลายท่าน เรามีความเห็นที่ตรงกันคือ “ในปัจจุบัน ใบปริญญาไม่ได้เป็นการยืนยันว่าผู้สมัครงานจะสามารถทำงานได้คะแนนเยอะๆ เท่าเกรดเฉลี่ยที่อยู่บนใบกระดาษ”
สิ่งที่น้องต้องได้มาจากการจบปริญญา
คือ ความอดทน ความขยัน การเข้าสังคม และความรับผิดชอบ ผมยกตัวอย่างการเข้าสังคมเช่น หากส่วนตัวน้องๆ เป็นคนโลกส่วนตัวสูง สามารถสอบและทำงานเดี่ยวที่อาจาร์ยมอบหมายมาได้อย่างดี ชีวิตปกติน้องอาจไม่ต้องมีเพื่อน แต่เมื่อน้องๆ ต้องทำรายงานกลุ่มส่งอาจาร์ย น้องจำเป็นต้องหาเพื่อนเพื่อทำงานกลุ่ม นี่คือตัวอย่างของการฝึกเข้าสังคม หลังจากนั้นน้องจะได้เข้าใจว่า แม้แค่เพียงเพื่อนในกลุ่มไม่ถึง 5 คน ยังมีความหลากหลายทางพฤติกรรม
โดยส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น
– คนที่มีความตั้งใจมากคอยดันเพื่อน
– คนที่คอยรอสนับสนุนหากมีอะไรให้บอกพร้อมทำให้ทุกอย่าง และ
– คนที่ไม่ค่อยทำอะไรเลย
นี่คือตัวอย่างทีมีค่ามากสำหรับการเรียนปริญญาและยังมีข้อดีอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่ได้พูดถึง ปัจจุบันมีอาชีพมากมายที่ไม่จำกัดแค่ใบปริญญาและสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้เช่น
1. ค้าขาย
น้องๆ อาจจะไปรับ สินค้าอะไรบางอย่างมาขาย ในปัจจุบันเราสามารถหาสินค้าราคาส่งได้หลากหลายที่ ตั้งแต่จากเว็ป Alibaba หรือเว็ปค้าส่งมากมาย หรืออาจเดินทางไป โรงเกลือ เพื่อคัดเลือกสินค้ามือสองสภาพดีแล้วนำมาขายต่อ กำไรคือส่วนต่างจากต้นทุนที่น้องซื้อมารวมกับค่าเดินทางที่น้องได้จ่ายไปหรือหากน้องต้องการมีหน้าร้านที่จะขายสินค้า ต้นทุนที่เพิ่มมาคือค่าเช่านั้นเอง
2. ตัวแทนขาย
หากน้องๆ ไม่มีต้นทุนในการซื้อสินค้า ให้น้องๆ ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม ในการตามหาเจ้าของสินค้า ที่ต้องการตัวแทนขาย ทั้งนี้รวมถึงตัวแทนในการขายสินค้าประเภท บริการ เช่น การขายประกันภัยในรูปแบบต่างๆ ปัจจุบันสินค้าดีๆ มากมายต้องการตัวแทนขายสินค้า รวมถึงสินค้าทุกประเภท เช่น เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ฯลฯ
เพราะบริษัทเองไม่ต้องการแบกภาระการจ้างพนักงานขาย บริษัทจึงมีนโยบายใหม่ในการจ้างพนักงานอิสระหรือตัวแทนขาย ทำให้เป็นโอกาสสำหรับคนที่ไม่มีต้นทุนในการซื้อสินค้า
3. ขายของออนไลน์
สื่อออนไลน์เป็นช่องทางที่นิยมกันมากในสมัยนี้ น้องๆ สามารถ ปรับรูปแบบการทำงานทั้งแบบเจ้าของสินค้าเอง หรือตัวแทนขาย ให้มาสู่ช่องทางออนไลน์ สิ่งที่น้องต้องศึกษาเพิ่มเติมคือ ช่องทางใดที่เหมาะกับน้อง เช่น ผ่านเฟซบุ๊ค ยูทูป อินสตาแกรม เป็นต้น
น้องอาจขายหมูปิ้งออนไลน์ โดยการจัดพรีออเดอร์(เปิดรับสั่งล่วงหน้า) สกิลที่น้องต้องมีคือ การพรีเซนต์อย่างไรให้น่าสนใจ และมีความแตกต่างกับร้านค้าอื่นๆ แต่ต้องอย่าลืมสิ่งสำคัญที่สุด คือสินค้าต้องเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ ในความเห็นของน้องไม่ใช่เอาหมูปิ้งธรรมดา จากป้าหน้าตลาดข้างบ้านมาขายแล้วเพิ่มราคา!
4. อาชีพเฉพาะทาง
ความเสี่ยงของการลงทุนด้วยเงินตัวเองอาจมีผลตามมา คือหากน้องทำสำเร็จผลที่ได้รับคือก็คือ กำไรที่น้องจะได้รับไปเต็มๆ แต่หากขายไม่ได้ น้องๆ ต้องแบกภาระความเสี่ยงต่างๆ ด้วยตนเอง
ดั้งนั้น อาชีพเฉพาะทางจึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกเช่นกัน เช่น ช่างไฟ ช่างซ่อม ช่างที่ต้องดูแลระบบต่างๆ ,ช่างแต่งหน้าทำผม, ช่างทำเล็บ สักคิ้ว ตัดผม ไปจนถึงอาชีพ หมอนวดแผนโบราณ
อาชีพดังกล่าวเป็นอาชีพที่ต้องอาศัยทักษะความสามารถอย่างสูง ดังนั้นปัจจัยสำคัญคือ การลงมือทำและการแก้ไขปัญหาเคสต่างๆ ความเชื่อใจของลูกค้า และการเอาใจใส่ลูกค้า เพราะอาชีพดังกล่าวเป็นสาขาของการบริการและหัวใจของการบริการคือ ความพอใจของลูกค้า
หากเราไม่มีเงินทุนเพื่อไปเรียน
ให้ใช้วิธีไปทำงานแลกความรู้ โดยอาจจะได้เงินมากหรือน้อยเอาแค่พออยู่ได้ อาศัยเก็บความรู้และประสบการณ์ เช่น หากอยากเป็นช่างตัดผม ให้ไปทำงานในร้านตัดผม แล้วออกมาเปิดรับบริการตัดผม
5. อาชีพพนักงานประจำ
ข้อนี้ไม่ยาก อย่าไปกังวลว่าจะสมัครงานได้หรือไม่ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เศรษฐกิจดีไม่ดี ไม่มีผลกับคนที่มีความพยายามหรอกครับ แค่อาศัยความตั้งใจและอดทนในการสมัครงานให้ตรงกับความสามารถของเรา มีบริษัทรับน้องแน่นอน
สุดท้ายนี้ หากต้นทุนชีวิตเราไม่มีเหมือนคนอื่นเขา อย่าเสียใจและอย่ามัวเอาเวลามาท้อถอย เราควรคิดว่า เราช่างโชคดีเหลือเกินที่เราเจออุปสรรคได้เร็วกว่าคนอื่น “ความสำเร็จมีเส้นทางของมันและการเดินทางไปสู่ความสำเร็จต้องอาศัยความพยายาม” ขอให้น้องๆ โชคดีครับ
บทความโดย คุณเกรท ปรมะ ตันเดชาวัฒน์
ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมเพื่อสังคมและนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจ้าของรางวัล “ราษฎร์บัณฑิต” สาขาผู้ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติดีเด่น
ประวัติการศึกษา :
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (BU) สาขาการจัดการ
ปริญญาโท มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) สาขาการตลาด หลักสูตร YOUNG EXECUTIVE
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น CEO บริษัท ชูใจคอลเซ็นเตอร์ จำกัด และบริษัท ซิมเปิลเซนส์ จำกัด รวมถึงเป็นที่ปรึกษาระดับสูง ด้านการวางแผนธุรกิจ,การสร้างภาพลักษณ์องค์กรและการตลาด โดยสมาคมที่ปรึกษา กระทรวงการคลัง และเป็นอาจารย์พิเศษหลักสูตรปริญญาโท วิชาการสร้างผู้ประกอบการในมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทย
Facebook : Great Prma – เกรท ปรมะ
Instagram : Great55