Interview คณะพยาบาลศาสตร์ นางฟ้านักวิ่ง ประสบการณ์เรียนพยาบาล สัมภาษณ์พิเศษ แยมหมี AuroraTeam

พยาบาล งานหนัก เงินน้อย – คุยกับ แยมหมี AuroraTeam เรื่องเรียนและทำงาน

Home / วาไรตี้ / พยาบาล งานหนัก เงินน้อย – คุยกับ แยมหมี AuroraTeam เรื่องเรียนและทำงาน

บทสัมภาษณ์เกี่ยวกับ ช่วงชีวิตการเรียน และการทำงานอาชีพพยาบาล ของอดีตพยาบาลสาวสวย “นางสาวอรุณรัตน์  โกเสส หรือ แยมหมี” นักวิ่งดาเมจแรงจากทีมนางฟ้านักวิ่ง Aurora Team ที่กำลังเป็นขวัญใจหนุ่ม ๆ อยู่ตอนนี้ จากประสบการณ์การทำงานเป็นพยาบาลมานาน 3 ปี ทำให้เธอเข้าใจกับคำกล่าวที่ว่า พยาบาล งานหนัก กะดึก เงินน้อย เป็นอย่างดี และหลังจากที่เธอได้รู้จักกับการวิ่งก็ทำให้เธอได้รู้จักกับตัวเองมากขึ้นว่าต้องการอะไร…

ชีวิตพยาบาล วัยเรียน-ทำงาน ของ แยมหมี

พูดคุยถึงชีวิตการเรียน และการทำงานอาชีพพยาบาลของ “นางสาวอรุณรัตน์  โกเสส หรือ แยมหมี” นักวิ่งดาเมจแรงจากทีมนางฟ้านักวิ่ง Aurora Team

แนะนำตัวกับชาว Campus-star /ตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง?

ภาพปัจจุบัน

สวัสดีค่ะ ชื่อ “นางสาวอรุณรัตน์  โกเสส” ชื่อเล่น แยมหมี อายุ 27  ปี จบการศึกษา ระดับปริญญาตรี คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ปัจจุบันทำงานเป็นข้าราชการเกี่ยวกับด้านส่งเสริมสุขภาพชุมชน และชอบใช้เวลาหลังเลิกงานไปกับการวิ่งค่ะ

ทำไมถึงเลือกทำอาชีพ พยาบาล?

ยอมรับว่าในตอนแรกก่อนคิดที่จะเรียนพยาบาลไม่ได้ศึกษารายละเอียดอะไรมาก รู้แค่ว่าตนเองต้องการเรียนทางด้านสายสุขภาพ และคิดว่าเรียนอะไรที่จบออกมาแล้วมีงานรองรับแน่นอน ไม่ตกงาน! และก็มองไปถึงครอบครัวด้วยว่า ถ้าเราเรียนพยาบาลจะสามารถนำความรู้ตรงนี้ไปดูแลคนในครอบครัวได้ด้วย จึงได้เลือกเรียนคณะพยาบาลศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 

ภาพสมัยเรียน 

เรียนพยาบาลต้องใช้ทั้งศาสตร์ และศิลป์

หลังจากได้เข้ามาเรียนที่ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็ทำให้ได้รู้ว่าการเรียนพยาบาลนั้นต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ คือหมายถึงว่าเป็นการเรียนที่มีองค์ความรู้และยังต้องควบคู่ไปกับการใช้ศิลปะในการพูด ในที่นี้หมายถึงศิลปะในการพูดเพื่อดูแลผู้ป่วย เช่น การพูดให้กำลังใจ การให้คำปรึกษา โดยทางมหาลัยก็จะมีการเรียนที่เน้นทั้งเนื้อหาวิชาการ และการฝึกปฏิบัติที่ครอบคลุมหลักสูตร การได้ออกไปฝึกงาน ซึ่งแรก ๆ ก็จะมีพี่เลี้ยงคอยเทรนด์ให้พอเราเริ่มเรียนรู้เขาก็จะปล่อยให้ได้ลงมือปฎิบัติทำจริงดูแลผู้ป่วยบ้าง และก็จะมีในเรื่องของการทำงานเป็นกลุ่มค่อนข้างเยอะ ข้อดีคือทำให้เราสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลการเรียนรู้กันได้อยู่ตลอด

ตอนทำงานเป็นพยาบาล

หลังจากเรียนจบทำงานพยาบาล 3 ปี ก็ตัดสินใจลาออก

พอเรียนจบก็เข้าสู่ชีวิตการทำงานในอาชีพพยาบาลอย่างเต็มตัว ต้องบอกเลยว่ามีความแตกต่างจากตอนฝึกงาน อย่างแรกเลยคือ ในเรื่องของความเหนื่อย ทำงานจริงเหนื่อยกว่าตอนฝึกงานเยอะมาก ๆ มีความรับผิดชอบกว่ามาก นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของการทำงานที่ไม่ค่อยเป็นเวลา เพราะต้องเข้ากะเวรกะดึกบ้าง กะเช้าบ้าง ตรงนี้เรามองว่าถ้าใครดูแลสุขภาพของตนเองไม่ดีอาจทำให้สุขภาพแย่ไปเลยก็ได้

เราเป็นพยาบาลได้ประมาณ 3 ปี ก็ตัดสินใจลาออก ไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบอาชีพนี้นะ เราลาออกไปก็ยังคงทำงานเกี่ยวกับช่วยส่งเสริมสุขภาพให้ผู้อื่น คือเรามองว่าการทำอาชีพที่ส่งเสริมให้คนอื่นมีสุขภาพที่ดี ตัวเราเองก็ต้องมีสุขภาพที่ดีด้วยเช่นกัน คือพอเราเปลี่ยนที่ทำงาน เราสามารถจัดการเวลาให้ตัวเองได้ดีกว่าเดิม มีเวลาว่างมากขึ้น ซึ่งเวลาว่างตรงนั้นเราก็เอามาดูแลตัวเองด้วยการออกไปวิ่งเพื่อสุขภาพ และรู้สึกได้ว่าชีวิตเรามีความสมดุลมากขึ้น คือได้ทำงานที่ช่วยส่งเสริมให้คนอื่นมีสุขภาพที่ดีด้วย และก็มีเวลาที่ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย เราโอเคกับตรงนี้มากกว่า

อาชีพพยาบาล เรียนหนัก งานหนัก กะดึก เงินน้อย คุณเห็นด้วยมั้ย?

ส่วนตัวเรา เห็นด้วยค่ะ จริงมากเลยล่ะ ถ้าเทียบค่าตอบแทนกับหน้าที่ในการทำงานแล้ว มันค่อนข้างน้อยมากเลย การนอนหลับพักผ่อนก็ไม่เป็นเวลา เพราะจะมีในเรื่องของการขึ้นเวรเป็นกะ ๆ ทั้งกะดึก กะเช้า 

งานหนักและมีความเครียดอยู่ไม่ใช่น้อยเลยนะ เคยมีเหตุการณ์ครั้งนึงเราเหนื่อยจนรู้สึกทนไม่ได้เลย เป็นช่วงขึ้นเวรตอนคนไข้เยอะ ๆ และคนไข้ก็มีอาการหนักแบบถึงขั้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจถึง 4-5 คน ซึ่งพยาบาลที่ขึ้นเวรมีน้อยกว่าจำนวนคนไข้ ต้องทำหน้าที่ทั้งแจกยา ฉีดยา ทำแผล เขียนชาร์ต เปรียบเหมือนทำงานไปวิ่งไป คือเหนื่อยมาก!!!

ช่วงแรก ๆ เราก็คิดนะว่าถึงจะเหนื่อยแต่ก็ได้บุญ ได้ช่วยเหลือคน แต่พอเวลาผ่านไปก็คิดอีกว่า การช่วยเหลือคนแล้วเราต้องมีสุขภาพชีวิตที่แย่ลง คงไม่เป็นผลดีเท่าไรนัก ต่อการดำเนินชีวิตของเราเอง เราไปช่วยเหลือคนในจุดอื่น ๆ นอกเหนือจากที่โรงพยาบาลก็ได้ เราจึงได้ตัดสินใจลาออก เรามองว่าสำหรับอาชีพพยาบาลภาครัฐ น่าจะให้ความสำคัญมากกว่านี้ในเรื่องของค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นด้วย

ทำไมถึงเลือกการวิ่ง  วิ่งแล้วทำให้ชีวิตดีขึ้นยังไง?

อย่างที่เราบอก พอเริ่มมีเวลามากขึ้นหลังเลิกงานก็เลือกที่จะออกไปวิ่งเพื่อรักษาสุขภาพตัวเองด้วย ซึ่งเราจะใช้เวลาในการวิ่งเฉลี่ยแล้วประมาณ 3 วันต่อสัปดาห์ ระยะก็ 5-8 กิโลเมตร

เหตุผลที่เลือกออกไปวิ่ง เพราะมองว่าเป็นการออกกำลังกายที่เรียบง่าย แค่มีรองเท้าก็สามารถออกไปวิ่งได้แล้ว อีกอย่างเวลาได้วิ่ง เป็นเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองที่ดีที่สุดสำหรับเรา ได้รับฟังเสียงลมหายใจ เสียงฝีเท้าของตัวเองเวลาที่สัมผัสลงบนพื้น ได้ฝึกให้ตัวเองมีสติ มีสมาธิ และยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดด้วย นอกจากนี้ยังทำให้มีสังคมใหม่ ๆ ได้รู้จักกับคนที่มีความสนใจคล้าย ๆ กัน จนได้มาเข้าร่วมกับทีมวิ่ง Aurora Team ที่หลาย ๆ คนอาจจะได้รู้จักกันบ้างแล้วในตอนนี้เพราะเราได้ออกไปร่วมงานวิ่งบ่อย ๆ ด้วย จึงทำให้มีเพื่อน ๆ ที่เจอกันบ่อยชวนไปเข้าทีม ซึ่งก็เป็นการรวมคนที่มีความชื่นชอบในการวิ่งเหมือนกันค่ะ

ภาพสาว ๆ นักวิ่ง Aurora team 

เปรียบเทียบ พยาบาล VS การวิ่ง

สิ่งที่คิดว่าเหมือนกันก็คือ ความตั้งใจค่ะ แต่การเป็นพยาบาลนั้นต้องใช้ทั้งความตั้งใจ และมีสติเป็นอย่างมาก มันไม่ใช่แค่รู้ทฤษฎีเท่านั้น แต่คุณต้องลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งเป็นการปฏิบัติกับผู้ป่วย กับชีวิตของคน ส่วนการวิ่งก็ต้องมีความตั้งใจเช่นกันค่ะ ในการออกไปวิ่งกิโลเมตรแรก ๆ เราจะรู้สึกเหนื่อยมาก เกิดอาการท้อได้ง่ายมากเช่นกัน  แต่ถ้าหากมีความตั้งใจมุ่งมั่น มีเป้าหมายที่ชัดเจนและพยายามจะไปให้ถึงให้ได้ ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้ในกิโลเมตรต่อ ๆ ไป สำหรับเรานะมันจะกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ ไปเลย

ฝากถึงน้อง ๆ ที่อยากเรียนพยาบาล

ถ้าน้อง ๆ ที่มีความตั้งใจที่อยากจะเรียนจริง ๆ อยากบอกว่า อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละเวลาของตัวเองมาก ๆ เราอาจจะเหนื่อยมาก ๆ รู้สึกชีวิตไม่มีเวลาที่แน่นอน แต่อีกความรู้สึกเราก็จะรู้สึกว่าเรามีคุณค่า ได้ช่วยเหลือคนให้หายจากอาการเจ็บป่วย ดังนั้นแล้วก็อยากให้ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงไว้นะคะถ้าคิดจะทำอาชีพนี้

น่ารักสดใสมาก ๆ

แยมหมี นักวิ่งนางฟ้า

ลุควันชิล ๆ ของแยมหมี

ขอบคุณภาพจาก: mhee_krikri

บทความแนะนำ