สวัสดีครับ… วันนี้พี่ต้นจะมาขอแชร์ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการไปเรียนภาษาในต่างประเทศช่วงปิดภาคเรียนเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคมของนิสิตนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ในที่สุดระดับอุดมศึกษาเราก็ปิดเทอมเหมือนกับชาวโลกซะที ซึ่งก็มีทั้งข้อดี-ข้อเสียนะ เพราะในยุคก่อนหน้านี้นักเรียนจะไปซัมเมอร์กันตอนเดือนเมษายน ไปถึงที่นั่นก็จะไม่ค่อยได้เจอเพื่อนรุ่นเดียวกัน หรือเพื่อนจากหลากหลายประเทศนัก โรงเรียนภาษาเองก็จะโล่งๆ หน่อย
คำแนะนำดีๆ การเรียนภาษาในต่างประเทศ
แต่การเดินทางช่วงปิดภาคเรียนในปัจจุบันนี้ เราจะได้พบกับเพื่อนจากนานาชาติที่ปิดเทอมในช่วงเวลาเดียวกัน จะมีนักเรียนเต็มโรงเรียนเต็มเมืองเลย น้องๆ หลายคนที่สนใจอยากไปเรียนซัมเมอร์นั้นอาจมีข้อสงสัย หรือไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี จะเลือกเมืองเลือกประเทศอย่างไร…
ทำไมถึงต้องไปเรียนต่อภาษาในต่างประเทศ?
ดังนั้น ในบทความนี้พี่ขอแชร์คำแนะนำแบบกว้างๆ ประกอบการตัดสินใจในการไปเรียนซัมเมอร์กันก่อนนะครับ ส่วนเรื่องปัจจัยอื่นๆ เช่น เมืองยอดนิยมในแต่ละประเทศเป็นยังไง ผู้คนโดยทั่วไปในแต่ละประเทศเค้าต่างกับเราอย่างไร เรื่องโฮสแฟมิลี่เค้าอะไรกันยังไง (เรื่องนี้สนุกครับ เพราะพี่เคยไปทำงานฝ่ายดูแลและจัดหาโฮสที่โรงเรียนในอังกฤษมาก่อนครับ) เรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัย ไปจนถึงความเป็นอยู่ อาหารการกินในแต่ละที่ สถานที่ท่องเที่ยว และอื่นๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลประกอบการตัดสินใจทั้งสิ้น
ขออนุญาตเล่าให้ฟังก่อนว่าตัวพี่นั้นเคยไปเรียนซัมเมอร์ที่อเมริกาเมื่อสมัยเยาว์วัย, เป็นนักเรียนทุนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา 1 ปี, แล้วก็จบปริญญาโทหลักสูตรของประเทศออสเตรเลีย, เคยทำงานให้กับสถาบันชื่อดังด้านการเรียนในต่างประเทศที่มีสาขาอยู่ทั่วโลกเป็นเวลานานหลายปี, เคยทำงานเอเจนซี่แนะแนวการศึกษาต่อแห่งหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดทำให้พี่ได้มีโอกาสเดินทาง และทำงานในต่างประเทศอยู่เสมอๆ รวมทั้งมีโอกาสได้รับเชิญไปบอกเล่าประสบการณ์ให้กับนักเรียนโรงเรียนดังหลายๆ แห่ง และให้คำแนะแนวเรื่องการศึกษาต่อต่างประเทศมานานหลายปี
และที่สำคัญคือเป็นคนที่รักการท่องเที่ยวมาก ถ้ามีโอกาสและมีตังค์ในบัญชีพอ (สำคัญมาก) ก็จะรีบหาที่ไปเที่ยวในทันที ดังนั้นคิดว่าพอจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในต่างประเทศ และโดยเฉพาะการช่วยเหลือแนะแนวนักเรียนที่ต้องการจะไปต่างประเทศมาแชร์ครับ
ว่าด้วยเรื่องการไปเรียนภาษาในต่างประเทศ เริ่มแรกต้องตระหนักก่อนว่าการเรียนรู้มันเรียนได้ทุกที่จริงครับ จะเรียนในชั้นเรียน เรียนที่บ้าน เรียนออนไลน์ เพียงแต่การไปเรียนในต่างประเทศนั้น มันก็เพิ่มโอกาสในการเรียนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะน้องจะได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ต้องใช้ภาษาตลอดเวลา ตั้งแต่เรียนในชั้นเรียน พูดคุยกับเพื่อนที่โรงเรียน รูทเมท โฮสแฟมิลี่ สั่งอาหารนอกบ้าน ซื้อตั๋วรถไฟ จ่ายตังค์ในร้านสะดวกซื้อ สิ่งสำคัญคืออย่าไปรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ คนไทยด้วยกัน เพราะจะกลายเป็นได้แต่เพื่อนใหม่แทน ภาษาไม่ได้กลับมาด้วย
คิดให้ดี… ก่อนตัดสินใจไปเรียนต่อ
คำถามยอดฮิตต่อมาคือไปเรียนที่ไหนดี? เมืองไหนดี? ประเทศไหนดี? โรงเรียนไหนดี? เอเจนซี่ไหนดี? สารพัดจะสงสัยอีกเพียบ พี่จะค่อยๆ ตอบในบทความถัดไป แต่ที่ตอบได้เลยคือเอเจนซี่ไหนดี ต้องเป็นเอเจนซี่พี่แน่นอนครับชื่อ Tony Education บริการให้คำปรึกษาทุกโครงการครับ (ขอไทด์อินแบบแนบเนียน)
ต่อครับ….ไหนๆ จะไปแล้ว เราก็ควรเลือกไปเรียนภาษาในประเทศเจ้าของภาษา ที่ยอดนิยมของบ้านเราในวันนี้คือภาษาที่สอง…ภาษาอังกฤษครับ ประเทศที่เรียกได้ว่าเป็นประเทศเจ้าของภาษาจะมีประเทศอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา และสิงคโปร์ (เจ้าของภาษาด้วยหรา) ซึ่งในประเทศเหล่านี้ก็จะมีสถาบันสอนภาษาให้กับนักเรียนต่างชาติมากมาย
เมื่อได้ภาษาที่อยากเรียนแล้ว ทีนี่ไปประเทศไหนดี? เมืองไหนดี? ในความเห็นของพี่แล้ว จะตอบว่า “ขึ้นอยู่กับหลายประเด็นครับ” จริงๆ มีหลาย “ขึ้นอยู่กับ” แต่ในบทนี้เราจะพูดถึงแค่ “ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นคนชอบชีวิตไลฟ์สไตล์แบบไหน” คนเราชอบไม่เหมือนกันครับ ไม่จำเป็นว่าเราจะชอบเหมือนที่คนในบ้านเราชอบ หรือที่เพื่อนเราเคยไปที่ไหนมาแล้วไม่ชอบ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ชอบไปด้วย การเรียนภาษาในต่างประเทศช่วงปิดซัมเมอร์ คือ การไปเรียนในระยะเวลา 4-10 สัปดาห์โดยประมาณ ซึ่งทุกเมือง ทุกประเทศมีอะไรใหม่ๆ ให้คุณได้เห็น ได้เรียนรู้แน่นอนครับ ถ้าหากน้องยังไม่เคยไปนะครับ
เลือกเรียนต่อในสิ่งที่ใช่…
ดังนั้นปัจจัยในการเลือกคือ เรื่องของไลฟ์สไตล์มากกว่า ถ้าน้องเป็นสายประเภทแสงสีเสียง สายช้อปปิ้ง อารมณ์อยู่กรุงเทพฯ เดินห้างตลอด นิวยอร์ก ลอนดอน หรือซิดนีย์เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าน้องเป็นคนชอบ เมืองชิลล์ๆ คนไม่หนาแน่นมาก ชอบป่าเขาลำเนาไพร รักธรรมชาติซะเหลือเกิน นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในเมืองที่น่าไปมาก เมื่อคุณชอบวิถีชีวิตของเมืองนั้นๆ คุณจะมีความสุขในการอยู่ที่นั่น ไม่เกิดอาการเบื่อหรือคิดถึงบ้าน อยู่เรียนจนจบคอร์ส ซึ่งน้องก็จะได้ความรู้พร้อมกับรับประสบการณ์ใหม่ๆ กลับมาด้วย
อีกเรื่องที่มีคนจำนวนไม่น้อยถามและให้ความสำคัญกันมากคือเรื่องของ “Accent หรือ สำเนียง” ซึ่งพี่อยากจะบอกว่า ได้โปรดเลยครับ ลืมเรื่องนี้ไปได้เลย มันไม่ใช่ประเด็นหลักของการใช้ภาษาครับ คนบางคนพี่เห็นอยู่ต่างประเทศทั้งชาติก็พูดสำเนียงไม่เห็นจะเหมือนเค้าเลย พี่ว่ามันเป็นเรื่องของสมองซีกขวาของแต่ละคน
วันก่อนพี่นึกว่ามีชาวอเมริกันผิวสีมานั่งข้างๆ คือพี่ชอบสำเนียงเค้ามากและชอบฟังเพลง Hip Hop ด้วย แต่ฟังไม่ออกหรอกนะว่าเค้ากำลังแร๊ปเรื่องไร พี่ก็หันไปดู โอ้โห…ตัวเตี้ยดั้งแบนมาเลย และจากการสอบถามคือเค้าเคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาเพียงปีเดียวครับ…สุดยอดเลย แต่ที่จริงแล้วประเด็นไม่ได้อยู่ที่สำเนียงเลย แต่อยู่ที่การใช้ภาษาให้เป็น สื่อสารได้ใจความตามที่ต้องการและเข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่างของคนแต่ละชาติ เพื่อที่เวลาเราพูดคุยหรือติดต่อสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ทั้ง การฟัง การพูด การ ชอ่าน และการเขียนจะได้ไม่มีปัญหาครับ พี่มีทำธุรกิจติดต่อสื่อสารกับต่างประเทศตลอด พี่ก็ไม่เคยเจอนะครับว่า ไอไม่ทำธุรกิจกับยูนะ เพราะยูพูดอังกฤษสำเนียงไทย แต่ไอพูดอเมริกันอิงลิช
สรุปว่า ไปเถอะครับซัมเมอร์ต่างประเทศ….ถ้ามีโอกาส!! เพราะการเรียนภาษาจากการใช้ในชีวิตจริงมันต่างจากที่เรียนในห้องเรียน หรือนั่งเรียนกับคอมพิวเตอร์ครับ และยังเป็นการเปิดโลกทัศน์บวกการท่องเที่ยวหรือช๊อปปิ้ง (สำหรับใครบางคนด้วย) ได้เพื่อนใหม่ เรียนรู้วัฒนธรรม รับเอาความคิดใหม่ๆ พร้อมประสบการณ์ชีวิตที่เรียกว่าสนุกแน่นอน ทักษะการแก้ไขปัญหาและสถานการณ์ เรียกได้ว่าถ้าเรามีโอกาสได้ไปและเลือกสถานที่เรียนได้ถูกใจเรา มันก็จะเป็นแน่นอน The Best Summer of your life!! ไม่เชื่อก็ลองถามเพื่อนๆ ที่เคยไปดูซิ
เขียนโดยพี่ต้น จาก บริษัท โทนี่ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด
ข้อความจาก Facebook Page : Tony Education
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือแนะนำว่าอยากให้ช่วยเขียนเรื่องอะไรมาได้ที่ : IB Facebook Page หรือ Line ID : ton_chavanit นะครับ