issue44 O-NEGATIVE มศว รักออกแบบไม่ได้ เก้า จิรายุ

ตามติดชีวิตจริง เก้า – จิรายุ กับสไตล์การเรียนที่ มศว – มุมมองวัยรุ่นเกินตัว เพื่อนในชีวิตจริง

Home / ดาวเด่นมหาวิทยาลัย / ตามติดชีวิตจริง เก้า – จิรายุ กับสไตล์การเรียนที่ มศว – มุมมองวัยรุ่นเกินตัว เพื่อนในชีวิตจริง

“O-NEGATIVE รักออกแบบไม่ได้” รับบทเป็น “อาร์ท” หนุ่มนักศึกษาศิลปากร ที่แอนตี้สังคม และมีตรรกะที่แปลกกว่าชาวบ้าน และ เก้า-จิรายุ ละอองมณี ก็ทำได้ดีซะด้วย เรียกว่าถึงจะติสท์ แต่ (สาวๆ) ก็รัก แต่ถ้าเป็นชีวิตจริง ในรั้ววิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พูดได้เลยว่าหนุ่มน้อยคนนี้ มีมุมมองวัยรุ่นเกินตัวกับการสัมผัสเพื่อนเวอร์ชั่นจริงในมอได้น่าสนใจทีเดียว

เก้า – จิรายุ กับสไตล์การเรียนที่ มศว

%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94

เป็นรุ่นพี่ ปี 3 เอกการแสดงที่มศว แล้วสินะ

ที่เลือกเอกภาพยนตร์และสื่อดิจิตอล สาขาการแสดงและกำกับการแสดงภาพยนตร์ เอาจริงๆ นะ คิดว่าจบง่ายสุด (หัวเราะ) ผมเป็นคนไม่ได้มีความรู้รอบด้านเท่าไหร่ ให้ไปเรียนพวกวิทย์-คณิต ผมอาจจะรวนนิดหนึ่ง เป็นเรื่องศิลปะจะดีกว่า แล้วก็คิดว่าเรียนเบื้องหลังเอาไว้ ก็ได้ใช้ประโยชน์ อย่างตอนนี้ มีซิงเกิ้ล “บันทึกในใจ” ของวงผมเอง SLEEP RUNWAY ก็ถ่ายเอ็มวีกันเองด้วย ได้เอาที่เรียนมาใช้ในการถ่ายทำพอดี

ก้าวแรกที่เข้ามากับความถนัดและไม่ถนัดตรงไหนบ้าง

ผมก็พูดตรงๆ ว่าไม่ได้เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนตลอด แต่ก็ดีได้เรียนวิชาพื้นฐานการทำหนังที่หลากหลาย การคิดหนัง เขียนบท แอกติ้ง พื้นฐานศิลปะ อย่างแอกติ้ง อาจารย์ฝรั่งจะมีวิธีสอนไม่เหมือนการทำงานเลย เขามีวิธีคิดที่มืออาชีพมาก นักแสดงต้องพร้อม ต้องทำได้ทุกอย่าง แล้วให้คิดเลยแต่ละเทคที่เราจะแสดงออกไป ต้องเป๊ะๆ เหมือนเดิม

สมมุติถ่ายหนังทีละมุม แต่ซีนเดียวกัน เราก็ต้องเล่นให้เหมือนเดิม เทคนิคการแสดงออกมา แนวคิดทุกอย่างต้องมีที่มาที่ไป ซึ่งบางทีเราก็ไม่เคยคิด เราก็เล่นของเราไป ก็ดีอะที่ได้รู้ที่มาจริงๆ ก็เอามาปรับใช้ในการทำงานบ้าง แต่ผมก็ยังไม่เก่งพอหรอก ยังเอาที่เรียนมาใช้ไม่เต็มที่ ส่วนวิชาที่ยากจริงๆ ก็พวกวิชาบังคับเรียนอย่างการสร้างแบรนด์ ไม่ถนัดแต่ก็พอเอาตัวรอดไปได้

สไตล์การเรียนเอาตัวรอดในแบบของ เก้า

ปี 3 ก็หนักอยู่ เพราะว่ามีงานต้องทำส่ง ก็โชคดีมีเพื่อนๆ ช่วยได้มากเลย สำหรับผม เราต้องตั้งเป้าไว้ว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร ถ้าไม่รู้มาเพื่ออะไร อย่าเพิ่งมาดีกว่า คิดให้ออกก่อน อย่าไปคิดแค่เรียนให้จบ เรียนเพราะพ่อแม่สั่งให้เรียน มันเสียทั้งเวลา ทั้งเงิน แต่ละคนมีเป้าหมายต่างกัน บางคนมาเรียนเพราะคอนเน็กชั่น บางคนก็มาเพราะอยากได้ความรู้ อันนี้ผมอาจจะไม่ได้คิดถูกก็ได้นะครับ แต่สำหรับผมถ้าเรียนเพราะปริญญาอย่างเดียว ปริญญาไม่ได้วัดว่าคุณเป็นคนเก่งหรือไม่เก่ง ทำงานได้หรือไม่ได้ สิ่งสำคัญ คือ ความรู้ความสามารถของคุณต่างหาก

ถ้าให้แนะนำก็คือเราต้องรู้ว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร ไม่งั้นมันจะเคว้ง เรียนไปก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ผมว่าจุดมุ่งหมาย เขาไม่ได้อยากให้เราเก่งทุกวิชา แต่อยากให้เราโฟกัสในบางวิชาที่เราเก่งมากๆ ถ้าเรารู้ว่าเราต้องการอะไร เราก็โฟกัสตรงนั้นไปเลย วิชาอื่นก็อาจจะตั้งใจเรียนแต่ก็ไม่ต้องมากเท่าวิชาที่เราอยากโฟกัสที่สุด

_may5781

ความหมายของการอยู่กับเพื่อน เว่อร์ชั่นของแท้ในมหา’ลัย

เพื่อนที่สนิทจะเป็นกลุ่มผู้ชายล้วนสิบกว่าคน แต่ไม่ค่อยได้ไปออกนอกรอบกับเพื่อนเท่าไหร่ เพราะเราต้องทำงานไปด้วย เวลาอยู่ในมอ ผมเลยไม่อยากจะเครียดมาก ก็จะชอบคุยกันเรื่องไม่มีสาระ เรื่องกีฬา เรื่องเกม หนัง เพลงไปเรื่อย การอยู่กับเพื่อนของผม คือ การต้องรีแลกซ์ เวลาทำงานก็มีแรงกดดันของมันพอแล้ว ไปมอก็เหมือนไปพักผ่อนมากกว่า แล้วถ้ามีทะเลาะหรือนินทากันบ้าง ผมก็จะไม่ยุ่งกับกลุ่มนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

สิ่งที่ได้จากการเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งค์เด็กมอ

ตั้งแต่ผมเรียนอนุบาลจนจบมัธยม ผมก็อยู่ในสังคมเดียว คือในวัยที่มันใกล้เคียงเป็น COMING OF AGE ก็จะเป็นที่เดิมตลอด พอมามอได้เจอเพื่อนจากรร.อื่นมาเล่าให้ฟังว่าโตมาแบบนี้ เราก็แชร์ของเรา กูโตมาแบบนี้ ก็เป็นประสบการณ์แชร์ร่วมกันดี อย่างตอนมัธยม สังคมมันแคบ เรื่องที่ร้ายแรงสำหรับมัธยม บางอย่างผู้ใหญ่ก็ไม่ได้บอกว่าทำไมไม่ดี ทำไมอันนี้ดี เราก็ไม่ได้สงสัย เขาก็ไม่ได้อธิบาย

แต่พอขึ้นมหา’ลัย เราถึงได้รู้ว่าโลกนี้มันหลากหลายมาก ทุกอย่างล้วนมีเหตุผล คนที่ทำสิ่งที่ดีมันก็มีเหตุผลที่ทำมันได้ คนที่ทำสิ่งไม่ดี นิสัยไม่ดี มันก็มีเหตุผลของมัน เหมือนเราเข้าใจมากขึ้น เราได้เห็นว่า เฮ้ย การที่คนทำแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าเป็นเพื่อนไม่ดี เราจะคบเขาไม่ได้ การที่เขายุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ดี แต่เราก็มีลิมิตว่าเราก็ไม่ต้องไปทำสิ่งที่ไม่ดีกับเขา แต่ถามว่าเราเป็นเพื่อนกันได้มั้ย เราเป็นเพื่อนกันได้ บางอย่างมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากกว่าเดิม

_may5794

วิชาที่อยากให้มีเปิดเพิ่มในมอ

วิชาเข้าใจมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่เข้าใจยากที่สุดแล้ว ถ้าเราเข้าใจมนุษย์ เราก็เข้าใจทุกอย่าง แล้วมนุษย์คนแรกที่เราต้องทำเข้าใจก่อนเลยคือตัวเราเอง ถ้าผมเป็นอาจารย์สอน ก็คงจะสอนวิชารู้จักตัวเอง ปัญหาหลากหลายบนโลกนี้มันจะแก้ไขได้ มันจะดีมาก ถ้ามีวิชานี้ มหา’ลัยก็จะผลิตคนที่ถึงแม้จะไม่สร้างประโยชน์ แต่ก็ไม่สร้างปัญหา

ข้อคิดอยากฝากถึงวัยรุ่นชาวโลก

อยากให้รู้จักตัวเอง รู้จักหน้าที่ของตัวเอง สิ่งสำคัญ คือ ครอบครัว อย่าลืมที่จะตอบแทนคนที่เลี้ยงเรามา แล้วก็คิดเยอะๆ ก่อนทำ ถ้าจะไม่คิด ทำปล่อยฟรี ก็ต้องหาพื้นที่ฟรีให้ตัวเอง โดยไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน อย่างวัยรุ่นเดี๋ยวนี้ค่อนข้างจะติดโซเชียล ผมว่าเพลาๆ หน่อยก็ดี มันปิดกั้นจินตนาการของเรา บางทีเราคิดว่ามันเปิดจินตนาการ

เราคิดว่าเราใช้กูเกิลแล้วจะรู้อะไรมากขึ้น แต่คิดอีกแง่ คือ คุณไม่ต้องขวนขวายอะไรเลย รู้มั้ย ถ้าวันไหนกูเกิลเจ๊งขึ้นมา ถามว่า คุณจำสิ่งที่คุณเสิร์ชได้หรอ จำไม่ได้ เพราะเราไม่จำไง เรามีตัวช่วยจำ ก็ไม่ต้องขวนขวาย ไม่ต้องจด เราก็จำอะไรได้น้อยลง แล้วการโพสต์ ต้องคิดก่อน ถ้าเราไม่คิด มันจะมาเละเทะในชีวิตจริง บางคนมองหน้ากันไม่ติด เพราะเราพิมพ์อีกอย่าง เขาอาจตีความอีกอย่าง นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้น ถามว่ามันมีประโยชน์มั้ย มันมี แต่ต้องใช้อย่างฉลาดด้วย

ตามติดชีวิตจริง เก้า - จิรายุ กับสไตล์การเรียนที่ มศว

เก้า-จิรายุ ละอองมณี

ติดตามคอลัมน์ campus impart นิตยสาร campus star no.44 , www.facebook.com/campusstars

บทความแนะนำ