คริสติน-ปริญากร ปรุงจิตต์ สาวสวยสดใส นักแสดงดาวรุ่งหน้าใหม่สังกัด Mono Talent Studio มากับแฟชั่นสตรีทสไตล์ กินเที่ยวทั่วกรุงใน Campus Star เล่ม 53 และเรื่องเล่าการเดินทางสุดประทับใจ กับสเปกหนุ่มประเทศไหนที่สามารถจะคว้าหัวใจสาวคนนี้ไปได้ ไปดูกัน
แฟชั่นปก Campus Star No.53
คริสติน-ปริญากร ปรุงจิตต์ กับแฟชั่นสไตล์กินเที่ยวทั่วกรุง
FIRST OF CRISTIN
ชื่อ : คริสติน-ปริญากร ปรุงจิตต์
การศึกษา : ปี 1 คณะอุตสาหกรรมเกษตร สาขาเทคโนโลยีอาหาร ม.เกษตรศาสตร์
วันเกิด : 16 สิงหาคม 2541
ส่วนสูง : 163 ซม.
น้ำหนัก : 42 กก.
คติประจำใจเวลาเรียน : ความขยันอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
แหล่งช้อปใกล้มอ : เซ็นทรัลลาดพร้าว
วิชาเรียนน่าเบื่อ : วิชาศาสตร์แห่งแผ่นดิน
สิ่งที่อยากให้ปรับปรุงในมอ : ที่จอดรถ
เป้าหมายในอนาคต : เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นใหม่/เปิดโรงงานผลิตเบเกอรี่
ผลงาน : ถ่ายแบบนิตยสาร
Instagram : cristinn._
อัพเดทผลงานในวงการบันเทิง
สำหรับตอนนี้ที่ได้มีโอกาสทำงานในวงการบันเทิง จริงๆ ตอนแรกหนูไม่อยากเข้าวงการเพราะว่าอยากโฟกัสกับการเรียนก่อน แต่พอสอบติดที่เกษตรฯ ได้คณะที่หวังแล้ว ก็เลยอยากลองโอกาสที่เข้ามา มันก็โอเคนะ หนูก็ชอบทั้งงานแสดงแล้วก็ร้องเพลง ร้องเพลงนี่ชอบตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ส่วนการแสดงเพิ่งได้มาเริ่มเรียน ก็คิดว่าคงไม่ยากเกินความสามารถของเรา บทที่เหมาะกับหนูน่าจะเป็นบทวัยรุ่นใสๆ แก่นๆ ซนๆ ตรงกับบุคลิกตัวเองดี แต่ว่าบทที่อยากลองเล่นต่อไปในอนาคตเป็นบทดราม่าค่ะ ดราม่าร้องไห้มันเป็นบทที่เขาว่ายากกัน ซึ่งมันก็ท้าทายดี
การเรียนฟู้ดไซน์ที่ม.เกษตรศาสตร์
ตอนแรกที่เลือกคณะ หนูเลือกไว้ 8-10 คณะ (หัวเราะ) เพราะไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร รู้แต่เรียนสายวิทย์ ต้องเจอกับมันทุกวัน ไม่ชอบเลย เข้ามหา’ลัยก็อยากจะหนีมัน ก็เลือกคณะที่ไม่มีเรียนวิทย์หรือพวกแคลคูลัส คณะด้านภาษาทั้งนั้น อย่างดีไซเนอร์ อักษรศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ หนูลงเรียนหมดทุกอย่าง จนแม่บ่น แล้วสุดท้ายก็คิดว่าไม่ไหว มาเจอคนแนะนำด้านฟู้ดไซน์ เป็นเพื่อนของพ่อที่เขาเป็นที่ปรึกษาซีพีอยู่ เขาก็ถามว่าหนูอยากจบไปทำอะไร หนูก็บอกอยากทำธุรกิจส่วนตัว เขาก็บอกให้ไปทำกับเขา แล้วก็เลยแนะนำให้เรียนพวกสัตวศาสตร์กับฟู้ดไซน์ หนูก็ชอบอาหารด้วย ชอบกิน (ฮา) เลยเลือกฟู้ดไซน์อันดับหนึ่ง เลือกสัตวศาสตร์อันดับสอง
แล้วก็ติดอันดับหนึ่ง เป็นคณะอุตสาหกรรมเกษตร สาขาเทคโนโลยีอาหาร ที่ม.เกษตรศาสตร์ ซึ่งสรุปว่าก็หนีทางสายวิทย์ไม่พ้น ตอนนี้เรียนมาเทอมหนึ่งแล้ว มันยากกว่าตอนมัธยมเยอะ ตอนแรกคิดว่าไม่มีอะไรจะหนักกว่าแอดมิชชั่นแล้ว สุดท้ายเข้ามหาลัย หนักกว่าเดิม เจอที่เราอยากจะหนีหมดเลย ก็ต้องใช้วิธีอ่านหนังสือบ่อยขึ้น โดยเฉพาะวิชา BIO เป็นอะไรที่ไม่ถนัดสุด เพราะเนื้อหาเยอะมากกก ออกทั้งเล่มเลย ก็ต้องแบ่งเวลาอ่านให้ทัน แล้วก็ทำเยอะๆ สุดท้ายก็ผ่านมันมาได้
ไลฟ์สไตล์กลุ่มแก๊งค์ชาวมอ
ตอนแรกคิดว่าเพื่อนที่มหา’ลัยจะไม่ดีเท่าเพื่อนมัธยม แต่พอเข้าไปเจอเพื่อนมหา’ลัยก็ดีเหมือนกัน แล้วก็เยอะกว่าเพื่อนมัธยมอีก แต่ว่าด้วยความที่หนูทำงานด้วย เลิกเรียนไม่ค่อยได้ไปไหนกับเพื่อนๆ เท่าไหร่ จะมีแต่ไปช่วงคั่นเวลาเรียน เด็กๆ ที่ฟู้ดไซน์ก็ไม่ใช่แนวเด็กเนิร์ดด้วยนะ กลุ่มที่หนูสนิทเป็นหญิงล้วน 8-9 คน เพราะคณะไม่ค่อยมีผู้ชาย (ยิ้ม) ว่างๆ จากเรียนก็ไปหาอะไรกินกัน กินอาหารญี่ปุ่นบ้าง ร้านสเต็กบ้าง ส่วนฉายาที่เพื่อนชอบเรียก เพื่อนชอบเรียกว่า “คริสตินเอ๋อ” (หัวเราะ) เพราะหลายทีแล้ว เคยเดินถือขวดไม่ปิดฝาขวดจนน้ำหก หรือไม่ก็เคยเสียบหูฟัง ฟังเพลง แต่ไม่เสียบตรงรูเข้าโทรศัพท์ เพลงมันก็ดังออกมา เพื่อนก็ต้องเตือนเอาอีกแล้ว (ฮา)
สาวนักเดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัว
ชอบการท่องเที่ยว ถ้ามีเวลามากกว่านี้ก็อยากเที่ยวให้มากขึ้น แต่ก็ได้เที่ยวบ้าง ส่วนใหญ่เป็นทริปกับครอบครัว ไม่เคยได้ไปกับเพื่อนๆ เลย ถ้าไปก็จะไปกับพ่อแม่แล้วก็น้องชายค่ะ ทริปที่ประทับใจสุดคงเป็นทริปที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นไปกันเอง ไม่ได้ไปกับทัวร์ ลงเครื่องครั้งแรกไปถึงโอตารุ ก็แอบงงๆ เป็นไก่ตาแตกกัน ไม่รู้จะไปตรงไหน สุดท้ายใช้วิธีถามๆ ทางเขาเอา โชคดีเจอครูสอนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่น เขาก็เลยบอกทางให้ไม่หลง
มันเป็นทริปตื่นเต้นมาก ตอนนั้นมีหิมะตกด้วย เหมือนเมืองตุ๊กตาเลยค่ะ ทุกอย่างในเมืองก็สะอาดมาก บรรยากาศก็เงียบ ไม่มีเสียงแตร เสียงรถราเหมือนเมืองไทย คนก็ไม่ค่อยพูดกัน สงสัยจะหนาวด้วยแหละ เขาก็จะรีบๆ เดินเข้าอาคารกัน หิมะก็ตกเป็นระยะๆ พวกเราก็ตื่นเต้นกับละอองหิมะเล็กๆ มาก แล้วก็ได้นั่งรถไปเมืองต่างๆ ได้ไปกินเมนูแซลมอน แบบเป็นแซลมอนที่ละมุนกว่าร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยเยอะเลย อร่อยมาก เสียอย่างเดียว แพงไปหน่อย สุดท้ายประทับใจตรงได้ไปเล่นสกีรีสอร์ทที่ฮอกไกโดด้วย พีคมาก
เตรียมตัวก่อนการเดินทาง
หลักๆ ก็มีเตรียมแลกเงิน จัดกระเป๋า ตอนแรกที่บ้านไปซื้อเสื้อกันใหม่หมด สุดท้ายมาคิดได้ว่าเดี๋ยวเราก็ต้องมีของที่ซื้อจากญี่ปุ่นอีก จะแบกกลับไม่ไหวเอา เลยใส่กระเป๋าเฉพาะที่จำเป็น แต่ที่ต้องพกขาดไม่ได้ในการเดินทางของหนูจะเป็นกล้องถ่ายรูป อยากเก็บทุกภาพทุกอณูเลย แล้วอย่างแพลนการเดินทาง ก็จะต้องเข้าไปดูในเน็ต ไปศึกษาเส้นทางก่อนไป จริงๆ แล้วพ่ออยากไปโอซากา ไปเจอน้ำ สุดท้ายตามใจลูก ไปเจอหิมะแทน ส่วนเวลาขึ้นเครื่องบิน หนูไม่ค่อยกลัว ตื่นเต้นแค่ตอนเครื่องจะขึ้น นั่งสักพักก็หลับได้แล้ว
ถ้ามีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศคนเดียว คิดว่าจะไปที่ไหนดี
หนูไม่เคยไปคนเดียว อาจจะยังโตไม่พอ อายุยังน้อยอยู่ ตอนนี้ยังไม่กล้าไปไหนไกลๆ คนเดียว คิดว่าไม่รอดแน่ แต่คือมีประเทศเดียวที่ถ้าไปคนเดียวน่าจะไปได้คือญี่ปุ่น เพราะไปมาแล้ว คนที่โน่นดีไม่ขี้โกง น่าจะได้อยู่ แต่ถ้าในอนาคตโตกว่านี้ อยากเดินทางไปขั้วโลกเหนือเลยค่ะ ดูๆ ไปก็คงหนาวทรมาน แต่ว่าก็อยากไปเจอหมีขาวน่ารักๆ อะ (ยิ้ม) แต่สมมุติถ้าได้ไปกับแฟนอีกคน หนูอยากจะไปปารีส ประเทศฝรั่งเศสค่ะ ไปซื้อน้ำหอม แล้วเมืองมันก็ขึ้นชื่อเรื่องความโรแมนติกด้วย น่าจะมีสถานที่ในความทรงจำหลายที่อยู่
เรื่องที่อยากทำสักครั้งในชีวิต ถ้ามีโอกาสได้บินไปรอบโลก
สำหรับหนู คนที่เขาได้เดินทางท่องเที่ยวรอบโลก มันทำให้เขาได้เจอในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยเจอ มันเป็นประสบการณ์ที่แกร่งมาก ดีกว่าคนที่วันๆ อยู่กับที่ไม่ทำอะไรเลย มันเปิดหูเปิดตาเรามาก ถ้าหนูได้มีโอกาสเที่ยวรอบโลกบ้าง สิ่งที่อยากทำสักครั้งคงเป็นล่องเรือข้ามแม่น้ำในประเทศแอฟริกา มันคงตื่นเต้นน่ากลัวดี เพราะอาจจะมีอนาคอนด้าหรือสัตว์ประหลาดน่ากลัวๆ อยู่ก็ได้
อาชีพแอร์โฮสเตสในฝัน
ตอนเด็กๆ ฝันอยากเป็นแอร์โฮสเตสนะคะ จำได้ในห้องเรียนเขาจะให้ออกไปพูดหน้าชั้นว่าอยากเป็นอะไร หนูก็จะชอบบอกว่าอยากเป็นแอร์ฯ เพราะได้แต่งตัวสวยๆ วันๆ อยู่แต่บนเครื่องบิน แค่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่ทำอะไรมาก แต่ไปๆ มาๆ มาเจอพี่ที่เขาเคยทำเล่าให้ฟังว่า เขาทำงานไม่เป็นเวลา แล้วหนูไม่ชอบทำงานกลางคืน ถ้ายืนนานๆ ก็ชอบปวดขา ก็เลยเลิกล้มความคิดนี้ไป (หัวเราะ) สำหรับอาชีพหลังจากจบจริงๆ อยากทำธุรกิจส่วนตัว เปิดเป็นโรงงานเบเกอรี่เลย เพราะมีคนแนะนำว่าเบเกอรี่ลงทุนน้อยแต่ได้กำไรเร็ว
หนุ่มๆ ประเทศไหนที่จะได้ใจสาวสวยคนนี้
หนูไม่มีสเปกค่ะ แค่คุยแล้วใช่ก็คือใช่ แต่ตอนนี้ยังไม่เจอ แต่ถ้าถามถึงหนุ่มๆ ประเทศต่างๆ ที่ชอบน่าจะเป็นหนุ่มอเมริกาหรืออังกฤษ เพราะเขาจะมีโครงหน้าเข้มๆ ตัวสูงๆ พูดน้อย ก็ดูดีในแบบเขา แต่ถ้าถามว่าถ้ามีโอกาสปิ๊งหนุ่มในระหว่างเดินทางจะเป็นยังไง หนูว่าโอกาสเป็นไปได้มันก็ 50-50 อุปสรรคสำคัญคงเป็นที่ระยะทางนี่แหละ แต่ถ้าเราเป็นเนื้อคู่กัน สักวันก็คงหาทางมาเจอกันจนได้แหละเนอะ (ยิ้ม)
ติดตามคอลัมน์ Campus Cover ได้ใน Campus Star No.53