คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ วิศวะ สารเคมี หลักสูตรวิศวกรรมเคมี

พลิกโฉมสกินแคร์ไทย ! วิศวะฯ มธ. เปิดมุมมอง สะท้อนบทบาทวิศวกรเคมี

Home / วาไรตี้ / พลิกโฉมสกินแคร์ไทย ! วิศวะฯ มธ. เปิดมุมมอง สะท้อนบทบาทวิศวกรเคมี

เมื่อ ‘ครีมกันแดด’ ตกเป็นจำเลยทางสังคม เพราะมีหลักฐานทางวิชาการชี้ชัดว่า สารเคมีบางชนิดก่อให้เกิดปัญหา ‘ปะการังฟอกขาว’ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ประเทศไทยได้ออกกฎหมายใหม่ ที่ห้ามนำเข้าและใช้ครีมกันแดด ที่มีส่วนผสมของสารเคมี ที่เป็นอันตรายต่อปะการัง เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ที่เรียกได้ว่า ‘พลิกโฉมอุตสาหกรรมสกินแคร์ทั้งระบบ’ ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ภณิดา ซ้ายขวัญ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TSE) ได้สะท้อนมุมมองของ ‘วิศวกรเคมี’ ที่มีต่อการบังคับใช้กฎหมายนี้ไว้อย่างน่าสนใจ เพราะมีหลายองค์ประกอบที่ต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งก่อนลงมือทำ อ่าน บทบาทวิศวกรเคมี

พลิกโฉมสกินแคร์ไทย ! บทบาทวิศวกรเคมี

สารเคมีกับปัญหา ‘ปะการังฟอกขาว’

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีงานวิจัยจากหลายประเทศที่ระบุว่าสารเคมีบางชนิด ก่อให้เกิดปัญหา ‘ปะการังฟอกขาว’ ซึ่งเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์กันแดดอยู่ 4 ชนิด ดังนี้

  1. Oxybenzone (Benzophenone-3, BP-3)
  2. Octinoxate (Ethylhexyl Methoxycinnamate)
  3. 4-Methylbenzylid Camphor (4MBC)
  4. Butylparaben

โดยงานวิจัยในประเทศไทยส่วนใหญ่ ระบุตรงกันค่อนข้างชัดเจนว่า Oxybenzone (Benzophenone-3, BP-3) และ Octinoxate (Ethylhexyl Methoxycinnamate) ส่งผลกระทบต่อสารคุมรหัสพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต หรือ ดีเอ็นเอ (DNA) ของปะการัง โดยไปยับยั้งการสร้างเซลล์ใหม่ ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโต และก่อให้เกิดการฟอกขาวของปะการัง

ส่วนงานวิจัยเกี่ยวกับ 4-Methylbenzylid Camphor (4MBC) และ Butylparaben ถึงแม้จะไม่ได้ระบุสาเหตุที่ชัดเจนนัก แต่ในสาระสำคัญในประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ออกมาล่าสุด ถือว่าครอบคลุมสารเคมีทุกชนิดที่ส่งผลให้เกิด ‘ปะการังฟอกขาว’ แล้ว

บทบาทวิศวกรเคมี

บทบาทของ ‘วิศวกรเคมี’ กับการพลิกโฉมอุตสาหกรรมสกินแคร์

จากการตรวจสอบย้อนหลัง เกี่ยวกับข้อกฎหมายห้ามใช้ครีมกันแดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ‘ประเทศไทย’ ถือเป็นชาติแรกๆ ของโลกที่ออกกฎหมายนี้ ต่อจากรัฐฮาวาย (สหรัฐอเมริกา) และสาธารณรัฐปาเลา ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะ โดย TSE มองการเคลื่อนไหวทางกฎหมายนี้เป็น ‘ปรากฏการณ์’ ครั้งสำคัญของมนุษยชาติและการเปลี่ยนแปลงที่ดี เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นของการตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรทางทะเล โดยมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่การคิดค้นผลิตภัณฑ์ ซึ่ง ‘วิศวกรเคมี’ ถือเป็นบุคลากรที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมสกินแคร์ (Skincare) ด้วยการขานรับข้อกฎหมาย และช่วยหาทางแก้ไขตั้งแต่กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

TSE ชวนผู้ที่หลงใหลกิจกรรมทางทะเลกลับไปใช้สารกันแดดรุ่นเก่า!

การเติบโตของอุตสาหกรรมสกินแคร์ ส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ด้วยการนำสารเคมีทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้ผลลัพธ์จากการใช้งานดูเป็นธรรมชาติ แทนสารเคมีรุ่นเก่าที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสง แต่ทำให้ผิวดูขาววอกไม่เป็นธรรมชาติ แต่เมื่อมีกฎหมายใหม่ที่ห้ามใช้สารเคมีรุ่นใหม่เช่นนี้

ซึ่งทางออกที่ TSE มองว่าเหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลกิจกรรมทางทะเลที่ง่ายและใช้ได้ทันที คือการเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่ส่วนผสมของสารเคมีรุ่นบุกเบิกอย่าง ‘ไทเทเนียมไดออกไซด์’ (Titanium dioxide TiO2) และ ‘ซิงค์ออกไซด์’ Zinc Oxide โดยสังเกตได้จากฉลากที่กำกับข้างผลิตภัณฑ์ ซึ่งสารเคมีรุ่นบุกเบิกทั้ง 2 ชนิด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างแน่นอน

TSE หนุนออกเครื่องหมายกำกับผลิตภัณฑ์

TSE หนุนออกเครื่องหมายกำกับผลิตภัณฑ์

เมื่อพิจารณาจากผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จะพบว่ายังมีสารเคมีที่เป็นส่วนผสมจำนวนมากที่ส่งผลต่อการฟอกขาวของปะการัง อาทิ ส่วนผสมในสบู่ แชมพู โฟมล้างหน้า เป็นต้น ซึ่งไม่รวมปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่ยังไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นทางสังคมอีกมากมาย แต่การมีกฎหมายห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมีบางชนิดในพื้นที่อุทยาน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ต้องควบคู่กับการบังคับใช้ที่มีประสิทธิภาพด้วย

ซึ่งแน่นอนว่า การตรวจสอบว่า ผู้ใดใช้ครีมกันแดดที่มีสารเคมีต้องห้ามในพื้นที่อุทยาน เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่ายนัก TSE จึงมีข้อเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันการออกเครื่องหมายกำกับที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการใช้งานได้มากขึ้น  โดยไม่ส่งผลต่อห่วงโซ่การผลิตที่เคร่งครัดมากนัก นั่นหมายถึง การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดทั่วไป ยังสามารถเลือกใช้สารเคมีที่มีขายทั่วไปได้อยู่ แต่เมื่อไหร่ที่มีความจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่อุทยาน ต้องควบคุมให้ใช้งานได้เฉพาะผลิตภัณฑ์กันแดดที่ระบุว่า ‘ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล’ ซึ่งจะช่วยยกระดับการบังคับใช้กฎหมาย ใช้เป็นรูปธรรมและจับต้องได้มากขึ้น

‘วิศวกรเคมี’ กับโอกาสของคนรุ่นใหม่ที่ TSE ภูมิใจนำเสนอ

กว่า 32 ปีแล้วที่ TSE ทำให้หน้าที่ในการมอบโอกาสและอนาคตที่ดีให้กับนักศึกษา ซึ่งหลักสูตรวิศวกรรมเคมี เป็นหนึ่งในหลักสูตรที่ TSE ภาคภูมิใจ และมีบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนสังคมตลอดมา โดยไม่ได้มุ่งเน้นความเป็นเลิศทางวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งเสริมทักษะต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงาน (Soft Skills) อย่างครบวงจร ซึ่งช่วยให้การทำงานในทุกขั้นตอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังมีความคิดริเริ่มในการพัฒนาธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์ โดยไม่ได้ยึดติดกับการเป็นลูกจ้างในสถานประกอบการ ซึ่ง TSE มีแผนที่จะพัฒนาหลักสูตร ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนยุคใหม่ให้มากขึ้น

อาทิ การให้ความสำคัญกับ ‘โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน’ (Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG Economy) ที่เป็นแนวคิดการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปยกระดับความสามารถในการแข่งขัน โดยอยู่บนพื้นฐานของ ‘การพัฒนาอย่างยั่งยืน’ (Sustainable Development Goal หรือ SDGs) ที่คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของสังคมในทุกมิติ เพื่อสร้างสมดุลของการเติบโตไปพร้อมกันแบบองค์รวม ซึ่งถือเป็นองค์ความรู้ที่สำคัญและเป็นทักษะพื้นฐานที่มีความจำเป็นของ ‘วิศวกรเคมี’ ในปัจจุบัน และยังสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาของประเทศไทยอีกด้วย

“เพราะเรื่องเคมีไม่ได้จำกัดเฉพาะในห้องแลป แต่อยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน ซึ่งในโอกาสที่ฉลองครบรอบ 32 ปี เนื่องในวันคล้ายวันสภาปนาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ TSE (19 สิงหาคมของทุกปี) TSE มีความมุ่งมั่นที่จะส่งต่ออนาคตทางการศึกษาให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจด้านวิศวกรรมเคมี ให้พร้อมเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆรอบตัวและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายที่มีผลต่ออุตสาหกรรมสกินแคร์ ‘วิศวกรเคมี’ ต้องพร้อมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน” รองศาสตราจารย์ ดร.ภณิดา ซ้ายขวัญ กล่าวเสริมในตอนท้าย

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรวิศวกรรมเคมี พร้อมเงื่อนไขการเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ของ TSE รวมทั้งกิจกรรมครบรอบ 32 ปีเนื่องในโอกาส วันคล้ายวันสภาปนาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ TSE

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.engr.tu.ac.th และ Facebook Fanpage ของ TSE ที่ ENGR.THAMMASAT

รองศาสตราจารย์ ดร.ภณิดา ซ้ายขวัญ

รองศาสตราจารย์ ดร.ภณิดา ซ้ายขวัญ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TSE)

บทความแนะนำ