Digital Marketing การตลาด นักศึกษาฝึกงาน ประสบการณ์ เอแบค

แชร์ประสบการณ์เรียน Digital Marketing ที่ ABAC – สิ่งที่ได้รับ แรงบันดาลใจชีวิต

Home / วาไรตี้ / แชร์ประสบการณ์เรียน Digital Marketing ที่ ABAC – สิ่งที่ได้รับ แรงบันดาลใจชีวิต

แบ่งปันประสบการณ์การเรียนจากรุ่นพี่ปี 3 นานา-ศมนพร สาวน้อยจากนครราชสีมาเมืองแม่ย่าโม ทำไมนานาถึงเลือกเรียนที่เอแบค ทำไมเลือกเรียน Digital Marketing ? มีแรงบันดาลใจจากอะไร รวมถึงสิ่งที่นานาได้รับจากการเรียนที่นี่ เจออะไรบ้าง หวังว่าคงจะเป็นไกด์ไลน์ให้หลายคนได้บ้างนะคะ

แชร์ประสบการณ์เรียน Digital Marketing

แนะนำตัวเอง

ชื่อ ศมนพร นานา
ชื่อเล่น นานา ตอนนี้อายุ 23 ปี
ระดับมัธยมศึกษา : โรงเรียนปากช่อง
หลังจากจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย ไปเรียนภาษาอังกฤษ ที่ประเทศออสเตรเลีย 6 เดือน ( English Language Company )

การศึกษาปัจจุบัน : มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ปี 3 : Digital Marketing (ดิจิทัล มาเก็ตติ้ง)

ABAC

ที่มาที่ไป ก่อนเลือกเรียนดิจิทัล มาเก็ตติ้ง

หลังจากที่ไปเรียนภาษาอังกฤษมาจากประเทศออสเตรเลีย พื้นฐานด้านภาษาอังกฤษก็ดีขึ้นมาก จากที่เรียนมัธยมได้ภาษาอังกฤษเกรด 2 เกรด 3 เลยมีความคิดว่าจะกลับมาเข้ามหาวิทยาลัยอินเตอร์ในประเทศไทย เพราะจะได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา หลังจากหาข้อมูลได้สักระยะก็เลือกที่จะมาเรียนที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญค่ะ

วันแรกๆ เมื่อเข้าเอแบค

ถ้าพูดถึงความทรงจำวันแรกๆ เมื่อเข้าเอแบค ก็ทำให้นึกถึงภาพตัวเองตอนปี 1 ที่ยังเด๋อๆ และขี้อาย ทุกสิ่งรอบตัวดูใหม่ไปหมด สังคมใหม่ เพื่อนใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ ต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่นานมาก

การพัฒนาตนเอง..

เอแบคช่วยให้เราพัฒนาตัวเองได้เยอะมาก โดยเฉพาะการพูดพรีเซนต์งานหน้าห้อง, ภาษาอังกฤษ และมนุษยสัมพันธ์ ตอนที่เข้าเอแบคแรกๆ ด้วยความที่เป็นเด็กขี้อาย ทุกๆ ครั้งที่มีพรีเซนต์งานหน้าห้องจะตื่นเต้นมาก พูดผิดพูดถูก ดูไม่เป็นธรรมชาติ แถมพูดไม่รู้เรื่อง แต่พอได้เรียนไปเรื่อยๆ เกือบทุกวิชาที่เรียนจะต้องมีการพรีเซนต์งานหน้าห้อง ก็พัฒนาฝึกฝนตนเองมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ ปี 3 แล้วถ้ามีพรีเซนต์งานก็ไม่กลัวแล้ว แต่อาจจะยังตื้นเต้นอยู่บ้างค่ะ

ความเอแบค และภาษาอังกฤษ

ส่วนเรื่องภาษาอังกฤษ เรียกได้ว่าเกือบทุกวิชาที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด จากที่กลับมาจากออสเตรเลียพื้นฐานภาษาอังกฤษก็ดีขึ้นมาก แต่ก็เป็นภาษาอังกฤษแบบทั่วไป แต่พอมาเรียนที่เอแบคภาษาอังกฤษที่ใช้ก็เริ่มที่จะมีศัพท์เฉพาะเยอะขึ้น ทำให้ต้องขยันมากขึ้น ทริคที่ใช้ก็คือแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ เพราะบางคำถ้าแปลภาษาอังกฤษเป็นไทย ความหมายอาจจะไม่ตรงตัว เพื่อนๆ สามารถนำทริคนี้ไปใช้ได้นะ และอาจารย์ที่สอนก็มาจากหลายๆ ประเทศทำให้ได้ฝึกการฟังสำเนียงของคนประเทศต่างๆ ด้วยค่ะ

การเรียนสไตล์เอแบค..

ด้วยความที่คณะที่เรียนเป็นคณะใหญ่ และต้องลงทะเบียนเรียนเอง เพราะฉะนั้นการลงเรียนให้ได้ห้องเดียวกับเพื่อนเป็นเรื่องที่ยากมาก ทำให้ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ในทุกๆ เทอมและเกือบทุกวิชาก็มีงานกลุ่ม ทำให้สิ่งที่ได้รับจากการเรียนที่เอแบคอีกข้อก็คือ มนุษยสัมพันธ์ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆ ค่ะ

ความประทับใจในการเรียนสาขานี้

ต้องเกริ่นก่อนว่าที่เอแบคถ้าเลือกเรียนคณะบริหารธุรกิจ จะได้เลือกเมเจอร์ตอนขึ้นปี 3 ซึ่งตอนแรกเลือกเรียนสาขาบัญชี เพราะที่บ้าน แต่ตอนปี 1-2 จะต้องเรียนตัวพื้นฐานของแต่ละเมเจอร์ ซึ่งจะมีตัวพื้นฐานของสาขาบัญชีให้ต้องเรียนด้วย เราก็เป็นเด็กที่ไม่เก่งอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเลขอยู่แล้ว และต้องมาเรียนบัญชีเป็นภาษาอังกฤษซึ่งยากมาก เลยเปิดใจคุยกับที่บ้านว่าเรียนไม่ไหวแน่ๆ โชคดีมากที่ครอบครัวเข้าใจจึงเปลี่ยนมาเรียนด้านการตลาด แล้วเลือกเป็น ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง เพราะส่วนตัวสนใจงานด้านนี้ และเป็นสาขาที่ค่อนข้างใหม่

หลังจากได้เรียนมา 1 ปี รู้สึกมีความสุข ถึงแม้ว่าจะมีงานที่เป็นโปรเจคเยอะ แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเป็นคนชอบทำงาน ชอบเรียนรู้ ชอบความท้าทาย ซึ่งในแต่ละโปรเจคที่ได้มาก็ตอบโจทย์ และสาขานี้สนุกตรงที่ไม่ได้เรียนอย่างเดียว แต่ต้องลงมือปฏิบัติจริงด้วย เช่น ต้องไปขายของจริงๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ , ได้ถ่ายวิดีโอและตัดต่อ, ได้ตัดต่อภาพ, ได้คิดแผนการตลาด และอื่นๆ

ประสบการณ์ดีๆ ระหว่างเรียน…

ส่วนตัวไม่ใช่เด็กกิจกรรมและเป็นคนขี้อายมาก ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางเรียนมากกว่า แต่ก็มีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมบ้าง เช่น กิจกรรมรับน้อง, การแข่งขันต่างๆ และกิจกรรมในชมรม ตอนปี 2 เคยเข้าชมรม Air soft เพราะเพื่อนชวนเข้า หลังจากได้เข้าชมรม ก็ได้ไปเข้าค่ายได้มิตรภาพกลับมา และได้เรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยรู้และไม่เคยคิดจะสนใจมาก่อน เช่น ปืน BB Gun กฎกติกาการเล่น และก็ได้ฝึกเล่นบ้าง ถ้าถามว่าเจ็บไหม ตอบได้เลยว่าเจ็บมากเวลาที่ถูกยิง แต่ก็สนุก ตื่นเต้น และได้ฝึกการสังเกตสิ่งรอบตัว ซึ่งก็เป็นประสบการณ์ที่ดี แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในชมรมแล้ว เพราะพอขึ้นปี 3 งานค่อนข้างเยอะ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่

หนังสือเสียง โปรเจคที่เลือกทำ

ที่กำลังทำอยู่ตอนนี้คือ โปรเจคของวิชาจริยธรรม 5 ( Professional Ethics Seminar 5 ) ซึ่งเราจะต้องทำกิจกรรมร่วมกับสังคม เรากับเพื่อนเลือกทำหนังสือเสียง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ สอนตัวเราเองได้หลายๆ อย่าง สอนให้รู้จักการให้ และการให้ที่ดีที่สุดคือการให้การศึกษา สิ่งที่ผู้พิการทางการมองเห็นต้องการมากที่สุดคือการศึกษา ซึ่งพวกเขาสามารถเรียนได้ผ่านทางหนังสืออักษรเบรลล์ และหนังสือเสียงเท่านั้น

— อ่านถึงตรงนี้ก็หวังว่าน้องๆ ที่ยังหาที่เรียนไม่ได้ ไม่รู้จะเรียนอะไร ก็ลองมองหาโอกาสให้ตัวเอง เลือกสิ่งที่อยากเรียน เรียนแล้วจะมีความสุขและสนุกไปกับมัน ทั้งตอนเรียนและตอนทำงานด้วยนะคะ .. ชีวิตเป็นของเรา ใช้ให้คุ้มกันน๊าาา

// ข้อมูลเมื่อ 18 มิถุนายน 2561

ตึก CL

สวนด้านนอกของห้องสมุด

สวนด้านนอกของห้องสมุด

บ่อน้ำหน้ามหา’ลัยจะมีรูปปั้นม้า ถ้านับจะมีอยู่ 5 ตัวด้วยกัน ใครผ่านไปก็ลองนับกันจำนวนม้าตลอด ไม่รู้ทำไม

บทความแนะนำ