มิสทีนไทยแลนด์ ไอซ์-อธิชนัน ศรีเสวก

ย้อนวัยเรียน “ไอซ์-อธิชนัน ศรีเสวก” จากสาวน้อยมิสทีนวัยใส สู่ดีกรีนางร้ายที่ท้าทายยิ่งขึ้น

Home / วาไรตี้ / ย้อนวัยเรียน “ไอซ์-อธิชนัน ศรีเสวก” จากสาวน้อยมิสทีนวัยใส สู่ดีกรีนางร้ายที่ท้าทายยิ่งขึ้น

จากสาวน้อยวัยใสที่ได้รับตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ 2005 ด้วยความไม่ได้ตั้งใจ ไอซ์-อธิชนัน ศรีเสวก เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่เด็ก ต้องแบ่งเวลาเรียนในคณะมนุษยศาสตร์ มศว ไปพร้อมๆ กับการทำงาน แม้ว่าจะต้องผ่านช่วงวัยรุ่นที่ไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่เธอก็ไม่เสียดายเวลาที่มันแสนคุ้มค่าจนถึงทุกวันนี้

ไอซ์-อธิชนัน ศรีเสวก

นักแสดง “มนตรามหาเสน่ห์” ทางช่อง PPTV

ชีวิตนักศึกษาเอกภาษาไทย มศว

เรียนคณะมนุษยศาสตร์ มศว สาขาวิชาภาษาไทย เข้ามาเรียนปีหนึ่ง ที่ต้องไปเรียนที่คลอง 16 ไปอยู่หอ ก็รู้สึกเฮ้ย ดีจริงๆ มันคือชีวิตมหา’ลัยจริงๆ ขึ้นปีสอง เริ่มเข้าวิชาสาขาก็ดีกับเรา เพราะตอนนั้นทำงานพิธีกรด้วย ได้เรียนทักษะการพูด มันตรงสายงานเรา เพื่อนๆ ก็น่ารักนิสัยดี แต่เราอาจจะไม่ได้มีชีวิตมหา’ลัยเต็มที่เหมือนคนอื่น ด้วยความที่ทำงานไปด้วย เรียนเสร็จต้องรีบกลับไปถ่ายละคร ตอนปีสี่ทำธีสิส ไปถ่ายละครต่างจังหวัดก็ต้องหิ้วงานไปทำด้วย แต่เกรดออกมาคือ 3.5 เกือบได้เกียรตินิยม แต่ด้วยความที่คลาสอาจารย์ดุนิดหนึ่ง เพื่อนก็เสียดายแต่เราก็โอเค ไม่เป็นไร ถือเป็นความรับผิดชอบของเราเอง เพราะเราต้องหยุดคลาสนั้นเยอะเกิน

ไอซ์-อธิชนัน ศรีเสวก

จากตำแหน่งที่ได้มาด้วยความบังเอิญ

ตั้งแต่เด็กไม่เคยคิดว่าจะเกี่ยวข้องกับการประกวดความสวยความงามละคร ตอนประกวดมิสทีน มันมาจากตอนเรียนราชินีบน เขาจะไม่ให้เด็กที่เกรดต่ำกว่า 2.5 ผ่านไปเรียนม.ปลายได้ แล้วเพื่อนสนิทม.ต้นอยู่ต่อไม่ได้ ทีนี้พอแยกย้ายกัน พอเพื่อนโทรมาเฮ้ย ไปประกวดกันมะ เราก็ยังเด็ก อยากเจอเพื่อน เผื่อเกิดฟลุ๊คได้เก็บตัว ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดก็เออ ดีๆ ไป แต่วันที่เราเข้าไปสมัคร เพื่อนดันโทรมาบอกว่าไม่ไปแล้ว แล้วเรายื่นใบสมัครกรอกเสร็จแล้ว แล้วทางมิสทีนโทรมาให้ไปรอบวันสมัครสื่อมวลชนด้วย

ด้วยความกลัวของเด็กอายุ 15-16 ปี ว่าเราให้ข้อมูลเขาไปหมดแล้ว ถ้าเราไม่ไป มันจะผิดมั้ย ก็เลยไปขำๆ สุดท้ายดันได้ที่ 1 เป็นเรื่องเลย เพราะกฎทาง รร.ไม่ให้ประกวด เราก็ไม่อยากให้ รร.เดือดร้อน เลยตัดสินใจขอลาออก แล้วก็ไปต่อที่ศึกษานารี เพราะต้องเซ็นสัญญากับทางค่ายที่ประกวด

นักแสดงอิสระกับบทที่ท้าทายขึ้น

ได้รับโอกาสแรกจากคุณแดง ให้เล่นละครสองเรื่องควบ เรื่องที่สามก็บทร้ายเลย เหมือนคุณแดงให้โอกาสให้เราได้เล่นอะไรที่หลากหลาย ที่ผ่านมาถามว่าเหนื่อยมั้ย ก็เหนื่อยกว่าเพื่อน เสียดายโอกาสมั้ยที่ไม่ได้ใช้ชีวิตเที่ยวเล่นดูหนังเหมือนเด็กทั่วไป ก็ไม่เสียดายเลย มันเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับเรามาก ทำให้เรามีความรับผิดชอบกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน สามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ในอายุที่ค่อนข้างน้อย จนมาตอนนี้เป็นนักแสดงอิสระ ก็ได้รับบทมีความเป็นชีวิตจริงมากขึ้น

อย่าง “มนตรามหาเสน่ห์” ทางช่อง PPTV ก็เล่นเป็นทาสในบ้านที่ต้องไปเป็นเมียลูกชายแม่ครูที่เจ้าชู้ มันต้องร้ายเพราะไม่อยากให้เขาไปได้กับผู้หญิงคนอื่น รักผู้ชายคนนี้มากๆ แต่ผู้ชายไม่ได้รักเราเลย ก็มีมุมที่น่าสงสารอยู่ ตอนนี้ก็ถือว่าเอนจอยกับงานแสดง ถ้าผู้ใหญ่ยังเอ็นดูเราให้เราทำงานก็ยังเอนจอยกับมันอยู่ รู้สึกกระตือรือร้นทุกครั้งที่ต้องตื่นมาไปกองถ่าย ได้รับบทใหม่ ได้เจอทีมงานใหม่ๆ และเพื่อนร่วมงานใหม่ๆ

ติดตามคอลัมน์อื่นๆ ได้ที่นิตยสาร Campus Star No.69

www.facebook.com/campusstar

บทความแนะนำ