ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประวัติคนดัง ประวัตินักการเมือง พรรคอนาคตใหม่

ทิม พิธา จากเด็กเกเร สู่การเป็นนักธุรกิจหนุ่มคนเก่ง – เรียนจบมหาลัยอันดับหนึ่งของโลก

Home / วาไรตี้ / ทิม พิธา จากเด็กเกเร สู่การเป็นนักธุรกิจหนุ่มคนเก่ง – เรียนจบมหาลัยอันดับหนึ่งของโลก

อีกหนึ่งคนไทยที่มีความสามารถในด้านการศึกษา และการทำงาน ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หลาย ๆ คนอาจจะได้รู้จักเขาจากการเป็นสามีของ ต่าย ชุติมา (ต่าย Seasons Change ) แต่ในวงการธุรกิจรู้จักเขากันเป็นอย่างดี ด้วยความเก่งและความสามารถที่พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่ไม่ธรรมดา เช่น เรียนจบปริญญาโทมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลกที่อเมริกาได้ถึง 2 ที่, กอบกู้ธุรกิจที่บ้านจากติดหนี้เป็นร้อยล้านให้กลับมาเฟื่องฟูภายใน 3 เดือน

เห็นเก่งมีความสามารถขนาดนี้ ในอดีตตอนเด็ก ๆ เขาเองก็เคยเป็นคนเกเร ชอบชกต่อย สูบบุหรี่ เรียกได้ว่าเป็นเด็กที่ไม่เอาไหนมาก่อน อะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นได้ ลองไปอ่านประวัติของผู้ชายเก่งคนนี้กันค่ะ

รู้จักผู้ชายเก่งคนนี้ ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ลูกชายของอดีตที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์

ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เกิดวันที่ 5 ก.ย. 2524 เป็นบุตรชายคนโตของ “พงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ กับ “ลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์” น้องชายของทิมชื่อ “เทียน-ภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์”

ปัจจุบันทิมเป็นผู้บริหาร บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการสกัดน้ำมันจากรำข้าวของวงตระกูลตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ, เป็นกรรมการบริหาร บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) ทำได้ 2 ปี ก็หันเข้ามาสู่เส้นทางการเมือง ในบทบาท ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่

อดีตเด็กเกเร สู่นักธุรกิจหนุ่ม ดีกรีนักเรียนนอก

ในวัยเด็ก ทิมเคยเรียนชั้นประถมฯ ที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน แต่เนื่องด้วยเป็นเด็กที่ค่อนข้างดื้อและเกเร ครอบครัวจึงส่งเขาไปเรียนชั้นมัธยมที่นิวซีแลนด์ ในช่วงเวลานั้นเขาต้องดูแลตัวเอง ต้องเรียน และต้องทำงานพิเศษไปด้วย ทั้งเก็บสตรอว์เบอร์รี ส่งนม ปั่นจักรยานส่งหนังสือพิมพ์ เรียกได้ว่าเป็นการฝึกวินัยให้เขาได้ดูแลตนเอง

จากนั้นมาเขาได้กลับมาเข้าเรียนที่คณะบริหารธุรกิจ การเงินการธนาคาร ภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง อีกทั้งยังสอบเข้าเรียนปริญญาโทมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลกที่อเมริกาได้ถึง 2 ที่ นั่นก็คือ การเมืองการปกครอง สาขาสภาวะผู้นำ ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และเรียนด้านการบริหารที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) แต่ระหว่างเรียนคุณพ่อของเขาได้เสียชีวิต ทำให้เขาต้องดร็อปเรียนก่อนแล้วกลับมาไทย เพื่อสานต่อธุรกิจของคุณพ่อ

ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ดรอปเรียนกลับมาช่วยธุรกิจที่บ้าน เพียง 3 เดือน กลับมาเฟื่องฟู

ระหว่างที่ได้เข้าเรียนที่ ฮาร์วาร์ด และเอ็มไอที คุณพ่อของทิมได้เสียชีวิต จึงทำให้ทิมในฐานะลูกชายคนโตต้องดรอปเรียนชั่วคราว เพื่อกลับมาจัดการเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องของธุรกิจของวงตระกูล บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด ซึ่งในตอนนั้นมีปัญหาติดหนี้อยู่ 100 ล้านบาท

ตัวเขาเองเคยเผยต่อสื่อว่า เขาร้องไห้เสียใจอยู่เพียง 5 นาทีเท่านั้น!! เพราะในสถานการณ์ตอนนั้นเขาต้องคิดแล้วว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร พอตั้งสติได้เขาก็เริ่มลำดับความสำคัญของปัญหา และแก้ไขไปทีละจุด

ซึ่งเขายึดหลักการทำงานที่แตกต่างจากคุณพ่อ กล่าวคือ หลักการทำงานของพ่อทิมคือ “Work for” คือทำงานเพื่อพ่อ ทำงานให้กับพ่อ แต่ของทิมเองจะใช้หลักการทำงานแบบ Work with คือทำงานร่วมกันกับทิม เพราะเขารู้ตัวเองดีในตอนนั้นด้วยวัย 25 ปี มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องรำข้าวน้อยมาก พนักงานบางคนในบริษัทมีอายุงานมากกว่าประสบการณ์ก็มากกว่า เขาจึงให้ความสำคัญกับคนก่อนอันดับแรก

เขาคิดว่าเครื่องจักรจะดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีคนมาคอยคุมเครื่องจักรงานก็จะไม่เดิน ใช้เวลาเพียง 3 เดือน ธุรกิจก็กลับมาตั้งตัวได้ สามารถทำให้สินค้าของบริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด จากติดลบก็กลายเป็นธุรกิจที่มีรายได้หลักพันล้าน และภายในระยะเวลา 1 ปี ก็สามารถขึ้นเป็นบริษัทผลิตน้ำมันรำข้าวดิบรายใหญ่ของประเทศไทย เมื่อแก้ไขปัญหานี้ได้ เขาจึงกลับไปเรียนต่อจนจบ คว้าปริญญามาได้ถึงสองใบ และกลับมาไทยอีกครั้งในปี 2011

ประสบการณ์จากมหาลัยระดับโลก – การเกษตรและการเมือง

ได้เรียนรู้โลกความจริงมากกว่าการเปิดตำราอ่าน

นิวซีแลนด์

ทิมเผยว่า การที่ได้ไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็ก เริ่มจากที่นิวซีแลนด์ ทำให้เขาได้เรียนรู้การใช้ชีวิต การมีวินัยที่ดีขึ้น เรียนรู้การช่วยเหลือตัวเอง รู้วิธีบริหารเงิน และที่นิวซีแลนด์จากที่เคยได้ทำงานพิเศษ เก็บสตรอว์เบอรี่ และส่งนม ยังทำให้เขาสนใจในเรื่องด้านการเกษตรเ ขาได้เห็นว่านิวซีแลนด์พัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรให้ผลผลิตมีมูลค่าสูง อีกอย่างที่ได้มาคือเรื่องการเมือง เขาเริ่มสนใจเรื่องการเมืองเนื่องมาจากแม่บ้านที่นั่นชอบเปิดดูประชุมสภา ทำให้เขาเองได้ดูไปด้วย

ฮาร์วาร์ด – Harvard University

ฮาร์วาร์ด สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงและเป็นอันดับหนึ่งของโลกจากการที่ได้ไปเรียนที่นั่น ได้เห็นความแตกต่างจากที่ไทยคือ ในเรื่องคุณภาพการสอน และคุณภาพของนักศึกษา การไปเรียนที่นั่นเขาได้เรียนกับคนที่เป็นตัวจริงในแต่ละสาขา และครูผู้สอนจะทำตัวเป็นผู้ถาม จะมีการให้นักศึกษาได้เกิดการถกเถียงกัน และในคลาสเรียนมีนักศึกษาจากนานาชาติ เขาเองจึงได้เห็นความคิดที่แตกต่างกันมากมายหลากหลาย มากกว่าการเปิดตำราอ่าน

สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์-MIT

เขาได้เปิดหูเปิดตา เกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีที่การเกษตร ซึ่งในตอนนั้นเขาก็ได้เริ่มมาทำธุรกิจเกี่ยวกับพวกเกษตรของที่บ้านอนู่แล้วด้วย จึงทำให้เขาได้ศึกษาเรียนรู้ไปด้วย และทำให้เห็นว่าการเกษตรที่นู่นทุกอย่างเป็นตัวเลขหมด เป็นการเกษตรแบบแม่นยำ ไม่มีการเดา ทำให้ประหยัดน้ำ ประหยัดปุ๋ย ประหยัดต้นทุน และมองหลับมายังประเทศไทยซึ่งต่างกัน ต้นทุนถึงได้สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน

และอีกหนึ่งอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงที่เขาเรียนที่นี่คือได้เป็น 1 ใน 10 ของ นศ MIT ที่ได้ดินเนอร์กับ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีระดับโลกที่ใช้ชีวิตอย่างสมถะ ซึ่งเป็นคนที่ทิมยกย่อง

นอกจากนี้ การเรียนที่นี่ยังเน้นการเรียนรู้โลกความจริงมากกว่าการเปิดตำราอ่าน ทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนสนทนากับอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นได้ และยังมีโอกาสได้ร่วมสนทนาหรือรับฟังสาระที่มีประโยชน์จากบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาทั้ง บารัก โอบามา, บิลล์ คลินตัน ฯล

เส้นทางการเมือง-พรรคอนาคตใหม่-อุดมการณ์ตรงกัน

สำหรับเรื่องการเมืองทิมสนใจมาตั้งแต่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว พอทำธุรกิจที่บ้านอยู่ตัว เขาก็ได้เข้าไปทำกรรมการบริหาร บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) ทำได้อยู่ 2 ปี ก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมือง ด้วยตอบรับคำชวนของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในบทบาท ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่

เขาตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคอนาคตใหม่ หลังจากพูดคุยกับธนาธรไม่ถึง 1 ชั่วโมง เพราะมีความเห็นทางการเมืองและสังคมในหลายเรื่องตรงกัน และเขาเห็นว่าพรรคอนาคตใหม่มีอุดมการณ์ตรงกับอุดมการณ์ส่วนตัวและมุ่งจะขับเคลื่อนนโยบายที่แก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างแท้จริง

จากประสบการณ์จากภาคธุรกิจ การศึกษาในมหาวิทยาลัยระดับโลก งานการเมือง และการทำงานกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น เคยดำรงตำแหน่งเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ, ทีมงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, ทีมงานรองนายกรัฐมนตรีกระทรวงพานิชย์, ร่วมงานกับองค์กรระหว่างประเทศ องค์กรภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชนอีกหลายองค์กร กว่า 10 ปี, เป็น Ambassador ในโครงการ He For She ขององค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ร่วมกับสถานทูตสวีเดนในประเทศไทย ทำให้ทิมตระหนักถึงปัญหาของประชาชน มีความเข้าใจการเมืองไทย การเมืองโลกเป็นอย่างดี

ธนาธร พูดถึง ทิม พิธา..

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เคยกล่าวว่า พิธา คือ ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งพรรคอนาคตใหม่มีนโยบายผลักดันเกษตรก้าวหน้า นำเทคโนโลยีเข้ามาลดต้นทุนการผลิต เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร แก้ปัญหาที่ดินทำกิน ปรับ-ปลด-ลด หนี้ให้เกษตรกร

นอกจากนี้ทิมเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า อยากให้ประเทศไทยมีการทำการเกษตรแบบเพิ่มมูลค่า อยากนำความรู้ที่ได้มาจากผู้นำระดับโลกในช่วงที่เขาได้ไปเรียนมาพัฒนาประเทศ

ชีวิตส่วนตัว

ด้านชีวิตส่วนตัว ทิม สมรสแล้วกับนักแสดงสาว ต่าย ชุติมา นางเอกจากภาพยนตร์เรื่อง Seasons Change มีลูกสาวหนึ่งคน ปัจจุบันทิมและต่ายสถานะแยกกันอยู่แต่ยังไม่ได้หย่า ส่วนลูกสาวก็ช่วยกันดูแล โดยทั้งคู่มีข้อตกลงว่าจะผลัดกันเลี้ยงลูกคนละ 5 วัน

IG: tim_pita พิพิมบอก “คูมพ่อ สู้ๆนะ” งงว่าใครสอนลูกจ้ะ??? สงสัยจะคุณย่า ขอบคุณจ้ะลูก ❤

ข้อมูลจาก: หนังสือ อายุน้อย รวยพันล้าน  Young Billionaire, prachachat, mgronline

ภาพจาก: tim_pita

บทความแนะนำ