การเข้าถึงการลงทุนในดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ง่ายดายเพียงปลายนิ้ว ได้เปิดโอกาสให้นักลงทุนหน้าใหม่เข้าสู่ตลาดมากขึ้นทุกวัน แต่สิ่งที่นักลงทุนย่อมรู้แก่ใจ ว่าการลงทุนมักมีความเสี่ยง จุดนี้เองที่ทำให้คนรุ่นใหม่ที่เงินทุนยังไม่หนาพอ ต้องกลับมาทบทวนว่าจะเลือกไปต่อด้วยเงินทุนที่น้อยนิด หรือ เลือกอดใจรออีกนิดแล้วค่อยเสี่ยงดีกว่า?
รู้จัก DeFi เทคโนโลยีที่พลิกโฉมการเงินของโลก
คำถามนี้ TSE มีคำแนะนำว่า ทางออกที่เหมาะที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ คือมองหาโอกาสการเติบโตไปพร้อมกับกระแสการลงทุน ซึ่งหัวใจสำคัญของดิจิทัลแพลตฟอร์ม ไม่ได้หมายถึงเงินทุนเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการมีระบบและเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน ที่มีความปลอดภัย และมีความน่าเชื่อถือ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนได้ ซึ่งความรู้ทางวิศวกรรมมีบทบาทสำคัญตั้งแต่การออกแบบ ไปจนถึงการใช้งาน โดย TSE มองเห็นโอกาสของวิศวกรรุ่นใหม่ที่จะกลายเป็นนักพัฒนา ที่สามารถเติบโตไปพร้อมกระแสการลงทุนได้อย่างไม่สิ้นสุด
“วิศวกรรม” สำคัญอย่างไร? ในยุคที่ใคร ๆ ก็เป็นเทรดเดอร์ได้
เมื่อวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีเครือข่ายการเก็บข้อมูลอย่าง “Blockchain” กลายเป็นกลไกสำคัญของการเติบโตในตลาดคริปโต ดังนั้นคนรุ่นใหม่จึงต้องทำความเข้าใจก่อนว่า กว่าจะมาเป็นผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยี “Blockchain” จะต้องเรียนหลักสูตรไหน วางแผนการเรียนอย่างไร และใช้เวลากี่ปี ซึ่ง TSE รวบรวมทุกข้อสงสัย มาตอบทั้งหมดในบทความนี้
เจาะลึกวิศวกรรมของ TSE ที่ออกแบบ มาเพื่อคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ
ปัจจุบัน TSE มีหลักสูตรที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain คือ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ โดยที่ผ่านมา TSE ในฐานะที่เป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำด้านวิศวกรรมระดับประเทศ มีงานวิจัยและนวัตกรรมที่สร้างชื่อเสียงในระดับประเทศและระดับนานาชาติมากมาย โดยมีอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมที่จะส่งต่อความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยี Blockchain ให้แก่นักศึกษาที่มีความสนใจในรายวิชาต่าง ๆ ตลอดหลักสูตร ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกโครงการหลักสูตรได้อย่างอิสระ พร้อมมีโอกาสรับทุนการศึกษามากมาย โดย TSE มีโครงการหลักสูตร 3 โครงการ ดังนี้
1. โครงการปกติ หลักสูตรภาษาไทย ซึ่งใช้เวลา 4 ปี ตลอดหลักสูตร เรียนที่ศูนย์รังสิต
2. โครงการพิเศษ หลักสูตรภาษาอังกฤษ (TEP-TEPE) ประกอบด้วย
2.1 โครงการหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตสองสถาบัน หรือ TEP (Twinning Engineering Programmes) โดยนักศึกษาในหลักสูตรดังกล่าวจะต้องเรียนชั้นปีที่ 1-2 ที่ศูนย์รังสิต และเดินทางไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ที่อยู่ในความร่วมมือของ TSE อีก 2 ปี อาทิ The University of Nottingham, UK UNSW Sydney, Australia และ KU Leuven, Belgium
2.2 โครงการหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตภาคภาษาอังกฤษ คณะวิศวกรรมศาสตร์ หรือ TEPE (Thammasat English Programme of Engineering) โดยโครงการ TEPE ได้ขยายความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนนักศึกษา (Exchange Programmes) กับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ และยังมีทุนการศึกษาให้อีกจำนวนมาก
2.3 โครงการหลักสูตรนวัตกรรมทางวิศวกรรมศาสตร์ หรือ TU-PINE เรียนที่ศูนย์รังสิต 4 ปี ตลอดหลักสูตร โดยมีหลักสูตรที่เกี่ยวข้องคือ สาขาวิศวกรรมซอฟต์แวร์ (Soft-en) โดยจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาไทย
โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศุภกิจ กล่าวเสริมว่า “การลงทุนในดิจิทัลแพลตฟอร์ม มีสิ่งที่มีความสำคัญมากนั่นคือ ความปลอดภัย โดยมีข้อสังเกตได้จากมูลค่าของ “สกุลเงินดิจิทัล” (Cryptocurrency) ที่ไหนที่มีความปลอดภัยสูง ยิ่งช่วยนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมาก และเอาเม็ดเงินเข้าไปลงทุนจนทำให้มีมูลค่าสูงขึ้น ซึ่งกลไกหลักของการสร้างความปลอดภัย เริ่มต้นจากการมีเทคโนโลยี Blockchain ที่มีประสิทธิภาพ โดยมีวิศวกรที่เชี่ยวชาญเป็นผู้ออกแบบ โดยหลักสูตรวิศวกรรมของ TSE มีจุดเด่น คือ ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนในวิชาที่สนใจได้ตามความสนใจ ทำให้ผู้เรียนมีอิสระในการมุ่งสู่เส้นทางความสำเร็จของตนเองได้อย่างเต็มที่
กล่าวคือ นักศึกษาที่ต้องการก้าวสู่ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยี Blockchain TSE มีอาจารย์ที่พร้อมเป็นพี่เลี้ยงทางวิชาการ ตั้งแต่ชั้นปีแรก จนจบหลักสูตร ซึ่งอัดแน่นด้วยภาคทฤษฎีเพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้และเข้าใจการทำงานของ Blockchain อย่างแตกฉาน พร้อมกับการลงมือปฏิบัติโดยใช้โปรแกรมมิ่งด้วยภาษา Python เพื่อลงมือสร้าง Blockchain ขึ้นมาด้วยตนเอง และนำมาใช้งานได้จริง ทั้งนี้ TSE ตระหนักถึงความต้องการของคนรุ่นใหม่ ที่มีความมุ่งมั่นในการเตรียมพร้อมสู่โลกของการทำงานที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน โดยที่ผู้เรียนสามารถกำหนดความสำเร็จในอนาคตได้ด้วยตนเอง”
TSE จับตา DeFi องค์ความรู้ทางวิศวกรรมที่กำลังพลิกโฉมการเงินของโลก
จากกระแสการลงทุนใน “สกุลเงินดิจิทัล” (Cryptocurrency) และเทคโนโลยี “ดีเซนทรอไลซ์ ไฟแนนซ์” (Decentralize Finance) หรือ DeFi ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการเงินในยุคใหม่ ที่เขย่าตลาดการลงทุนในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยี DeFi ที่มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งหมายถึงตลาดงานด้านวิศวกรรม ที่กำลังเปิดกว้างให้กับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง “Blockchain และ DeFi”
โดย TSE มั่นใจว่า ในอีกไม่ช้าความต้องการในตลาดงานด้านเทคโนโลยี Blockchain เทคโนโลยี Smart Contract และ DeFi จะกลายเป็นวาระสำคัญที่หลายประเทศต้องการพัฒนา เพื่อรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้น ซึ่ง TSE มีแผนจะพัฒนาหลักสูตรดังกล่าวให้เข้มข้นขึ้น ที่อาจต่อยอดไปสู่การเปิดเป็นภาควิชาใหม่ในอนาคต
ดังนั้น นี่คือโอกาสครั้งสำคัญของคนรุ่นใหม่ ที่จะตัดสินใจเดินหมากอย่างไรในสนาม TCAS ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง ซึ่งเชื่อว่าหลายคนอาจมีคำตอบในใจไว้อยู่แล้ว และถ้าหากยังความลังเล ลองเปิดใจให้กับ หลักสูตรวิศวกรรมของ TSE เหมือนกับรุ่นพี่หลายๆ คนที่ตัดสินใจเรียนที่ TSE และได้ค้นพบเส้นทางอนาคตที่เหมาะสมกับตนเอง และไม่ยึดติดกับภาพจำของอาชีพวิศวกรในแบบเดิม เพราะนี่คือยุคใหม่ของการศึกษา ที่ผู้เรียนสามารถออกแบบอนาคตเองได้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุภกิจ พฤกษอรุณ
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารของ TSE ได้ที่ www.engr.tu.ac.th และ Facebook Fanpage ของ TSE ที่ www.facebook.com/ENGR.THAMMASAT